เอเจนซี--กลุ่มผู้ป่วยโรคเอดส์โจมตีหน่วยป้องกันและควบคุมโรคแห่งรัฐจีน ว่าทำข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยรั่วไหล หลังจากที่เกิดเหตุแก๊งต้มตุน โทรศัพท์หลอกเอาเงินจากกลุ่มผู้ป่วยโรคเอดส์หรือผู้ติดเชื้อเอชไอวี
ประชาชนให้ความสนใจและวิตกต่อกรณีอื้อฉาวดังกล่าวมาก ด้านหน่วยป้องกันและควบคุมโรค (Chinese Centre for Disease Control and Prevention /CDC) ก็ได้แจ้งความกับตำรวจแล้ว
ผู้ป่วยโรคเอดส์รายหนึ่งในเซี่ยงไฮ้กล่าวแสดงความวิตกกลัวว่า กรณีหลอกลวงเงินนี้ จะลุกลามเป็นการเอาข้อมูลลับมาขู่กรรโชกทรัพย์ หรือแบล็คเมล
สื่อท้องถิ่น เป่ยจิง นิวส์ รายงานว่านับจากเมื่อวันศุกร์(15 ก.ค.) ได้เกิดเหตุกลุ่มมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โทรศัพท์ไปหาผู้ป่วยโรคเอดส์ อย่างน้อย 275 ราย ใน 30 มณฑลทั่วประเทศ โดยบอกกับเหยื่อว่ารัฐจะให้เงินสนับสนุนแก่พวกเขานับพันหยวน โดยพวกเขาจะต้องจ่ายค่า “คอมมิสชั่น” แก่เจ้าหน้าที่ โดยค่าคอมมิสชั่นนี้มีจำนวนตั้งแต่ 600 หยวน หรือ ราว 3,000 บาท ไปถึง 2,000 หยวน หรือราว 10,000 บาท
กลุ่มผู้ป่วยเอดส์เผยว่าแก๊งต้มตุนไถเงินเหล่านี้ มีข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขา ทั้งชื่อจริง หมายเลขบัตรประจำตัว หลายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อาศัยถาวร โรงพยาบาลที่พวกเขาไปตรวจโรคและรักษาตัว ตอลดจนวันที่ผู้ป่วยได้รับการยืนยันผลการตรวจเลือดเป็นบวก/เอชไอวี
คณะกรรมการวางแผนครอบครัวและสุภาพแห่งรัฐ กล่าวว่า “ผู้ละเมิดกฎหมายอาญาได้ขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ติดเชื้อเอชไอวีและหลอกลวงทางโทรศัพท์”
ขณะนี้หน่วยป้องกันและควบคุมโรคได้รายงานแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่น และเตือนผู้ป่วยในพื้นที่”
ทั้งนี้กฎระเบียบว่าด้วยการป้องกันและรักษาโรคเอดส์/เอชไอวีที่บังคับใช้ในจีนมานับสิบปี ระบุความคุ้มครองทางกฎหมายแก่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยเอดส์ โดยห้ามองค์กรหรือบุคคลเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคนไข้โดยปราศจากความยินยอมของเจ้าตัว
ผู้ป่วยเอดส์รายหนึ่ง ใช้นามแฝง เสี่ยว เฉียง เผยว่า ผู้ป่วยหลายคนไม่ยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่เจ้าหน้าที่ แต่หากพวกเราไม่ลงทะเบียนกับซีดีซี ก็จะไม่ได้รับการรักษาและยาฟรี”