หากถามถึงเทรนด์อาชีพปัจจุบัน คำตอบของคนรุ่นใหม่คงหนีไม่พ้นการเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือมีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ จึงทำให้อาชีพเกษตรกรกลับขึ้นแท่นมาอีกครั้ง เนื่องจากคนรุ่นใหม่รักการใช้ชีวิตแบบอิสระ และเป็นเจ้านายของตัวเอง มีเวลาอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวและธรรมชาติ เหมือนกับการดำเนินชีวิตของเกษตรกรรุ่นใหม่หลายคนที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้ ที่ต่างหลีกหนีความวุ่นวายในตัวเมือง ออกไปใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ และรักษาอาชีพเกษตรกรไว้ให้คงอยู่กับประเทศไทย
เช่นเดียวกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นให้เยาวชนรุ่นใหม่เห็นความสำคัญของการทำเกษตรกรรม ดังที่สยามคูโบต้าได้จัดโครงการ KUBOTA Smart Farmer Camp ปีที่ 5 โดยนายโอภาศ ธันวารชร กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า โครงการ KUBOTA Smart Farmer Camp เป็นการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้เรียนรู้การทำเกษตรกรรม เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนเห็นถึงความสำคัญและมีทัศนคติที่ดีต่อการทำเกษตร อันจะนำมาสู่การสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยปีนี้สยามคูโบต้าได้คัดเลือกเยาวชน 100 คน จากผู้ที่สนใจสมัครเข้ามากว่า 1,600 คน ใน 60 สถาบัน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเป็นระยะเวลา 4 วัน 3 คืน
KUBOTA Smart Farmer Camp 2016 มาพร้อมกับแนวคิด ‘ชีวิตติด F’ ฟังดูอาจจะน่ากลัว แต่หากได้รู้ถึงความหมายที่แท้จริงของการติด F ฉบับสยามคูโบต้าแล้ว ก็อดที่จะปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือหัวใจของการใช้ชีวิตที่เราทุกคนต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Freedom ที่หมายถึงอิสระในการทำงาน ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร, Family การได้อยู่ร่วมกับคนในครอบครัวที่เรารัก, Field การกลับไปอยู่กับธรรมชาติ หลีกหนีความวุ่นวายของสังคมเมือง และ Food อาหารที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่พื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
เมื่อน้อง ๆ เดินทางมาถึงค่ายในวันแรก น้อง ๆ ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ ก่อนที่น้อง ๆ จะแบ่งกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันตลอดทั้ง 4 วัน ส่วนไฮไลต์ของโครงการที่น้อง ๆ หลายคนต่างตั้งตารอ คือ กิจกรรมลงพื้นที่ทำการเกษตรจริง ณ สามพรานโมเดล จังหวัดนครปฐม ซึ่งน้อง ๆ ได้ลงมือทำการเกษตรเพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เริ่มต้นด้วย ฐานข้าวปลาอาหาร น้อง ๆ เรียนรู้ถึงการทำอาหารจากวัตถุดิบที่มีอยู่ในบริเวณบ้าน ทั้งการเก็บไข่เป็ดในเล้า เก็บผักในสวน แล้วนำมาประกอบอาหารเป็นไข่เจียวกลิ่นหอมฟุ้งชวนน่าทาน หลังจากนั้น น้อง ๆ เดินต่อตามคันนาสู่ ฐานมานาต้องมาดำ ที่แม้ว่าแสงแดดกลางท้องนาจะร้อนสักแค่ไหน น้อง ๆ ก็พร้อมจะถอดรองเท้าวิ่งลงสู่ท้องนา ฟัง ลุงเขียด วิทยากรด้านการดำนาที่ยืนถือต้นกล้าข้าวพร้อมคอยสอนน้อง ๆ ดำนาด้วยมือของตนเอง เสียงหัวเราะดังลั่นกลางท้องนา ต่างคนต่างมุ่งมั่นในการดำนาอย่างตั้งใจ ฐานนี้ทำให้น้อง ๆ หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “รู้แล้วว่าชาวนาเหนื่อยยากขนาดไหนกว่าจะได้ข้าวมาให้เรากิน”
หลังจากเรียนรู้เรื่องดำนาแล้ว น้อง ๆ จึงเดินหน้าสู่ ฐานผลัดผัก เพื่อเรียนรู้การปลูกแตงล้าน และฐานปุ๋ยอินทรีย์ ที่สอนน้อง ๆ ผสมปุ๋ยจากวัสดุที่หาได้จากธรรมชาติอย่างมูลสัตว์ แกลบ และรำข้าว ปิดท้าย ฐานเครือข่ายชุมชนต้นแบบ ที่น้อง ๆ ได้แวะพักเหนื่อย จิบน้ำมะพร้าวเย็น ๆ สด ๆ จากสวน พร้อมพูดคุยกับพี่เก่ง นายบัณฑิต เกิดมณี วิศวกรไฟฟ้าที่ยอมทิ้งเงินเดือนเกือบแสนมาพลิกฟื้นสวนผลไม้ของพ่อ ด้วยการทำสวนแบบเกษตรอินทรีย์ ที่สร้างความสำเร็จให้กับเขาทั้งเรื่องรายได้ และความสุขในการทำงาน พร้อมกับชีวิตครอบครัวในแบบที่ตัวเองต้องการ
น้องทะเล นายอรรถวีร์ พรใจหาญ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 BA(Hons) Liberal Studies Political Science, Regent’s University London ที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศอังกฤษ มาเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้จากการทำนาจริง ว่า “ผมชอบฐานทำนามากที่สุด เพราะทำให้ผมได้เห็นถึงความเสียสละของชาวนาที่ผลิตข้าวให้เราทาน ซึ่งในแต่ละขั้นตอนมันยุ่งยากและลำบาก ผมรู้สึกดีใจมากที่ถูกเลือกเป็นหนึ่งในร้อยคนของค่ายนี้ เพราะเป็นการเติมเต็มความรู้ให้กับผมในหลาย ๆ เรื่อง สร้างประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัส แม้ว่าผมจะเรียนด้านรัฐศาสตร์ แต่ผมคิดว่าการที่เราจะเติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคตได้ ต้องมีความรู้หลาย ๆ ด้าน และการเกษตรกรรม ก็เป็นอีกแขนงวิชาที่สำคัญในความรู้นั้น
พี่ท็อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร นักแสดงและเจ้าของธุรกิจออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสิ่งแวดล้อม การให้ความรู้และประสบการณ์เรื่องการปลูกอ้อยและมันสำปะหลังจากเกษตรกรผู้เชี่ยวชาญ และการเปิดให้เยี่ยมชมกระบวนการผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรของสยามคูโบต้าอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงให้น้อง ๆ ได้ทดลองใช้งานเครื่องจักรกลการเกษตรจริงบนแปลงทดลองของสยามคูโบต้า เพื่อเรียนรู้การทำเกษตรแบบสมัยใหม่ ทั้งการเรียนรู้การขับแทรกเตอร์ รถดำนา รถเกี่ยวนวดข้าว พร้อมทั้งเรียนรู้การใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างอ้อยและมันสำปะหลัง ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี ซึ่งเรียกความสนใจให้แก่น้อง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ก่อนจะปิดท้ายกิจกรรมด้วยการพูดคุยกับรุ่นพี่ KUBOTA Smart Farmer Camp รุ่น 1 อย่าง พี่โอ๋ นายพิพัฒน์พงศ์ ยมภักดี ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งปัจจุบันพี่โอ๋ได้เรียนจบและเป็นเกษตรกรอย่างเต็มตัวแล้ว โดยพี่โอ๋ เล่าว่า “พี่ไม่เคยลืมความรู้และแนวทางการทำธุรกิจเกษตรที่ได้รับจากค่ายนี้ ที่นี่เปรียบเสมือนที่ที่ เป็นตัวจุดประกายความคิด ค้นหาวิถีชีวิตในแบบที่เราชอบเพื่อนำไปต่อยอดและใช้กับชีวิตจริงในอนาคต ทุกวันนี้พี่ทำงานเฉลี่ยแค่สี่เดือนแต่มีรายรับเท่ากับทั้งปี ด้วยหลักการสมาร์ทฟาร์ม ใช้เครื่องจักรแทนคน ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต จนนำมาสู่กำไรที่จะนำไปต่อยอดในธุรกิจอื่น ซึ่งอาชีพเกษตรเป็นอาชีพที่ทุกคนสามารถทำได้แม้ว่าจะไม่ได้เรียนด้านนี้มา ขอเพียงแค่มีความตั้งใจและหมั่นหาความรู้เพิ่มเติม เพราะธุรกิจเกษตรเป็นอีกทางเลือกของคนที่อยากเป็นเจ้านายตัวเอง”
แม้ว่าอาชีพเกษตรกรอาจจะไม่มียูนิฟอร์มที่โก้หรู หรือได้นั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์ แต่หากถามถึงสิ่งที่ได้รับกลับมา ไม่ว่าจะเป็นความอิสระ การได้อยู่กับครอบครัว หรือการได้หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองสู่ธรรมชาติ ก็คงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย และหวังว่าจะให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้ค้นพบสิ่งที่ตัวเองต้องการ