แง้มวิสัยทัศน์หญิงไทยคนแรกและคนเดียว!! ผู้ได้รับการแต่งตั้งให้นั่งเป็นบอร์ดบริหารระดับสูงในองค์กรแห่งยนตรกรรมระดับแนวหน้า...“ปนัดดา เจณณวาสิน” กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ซึ่งได้รับการขนานนามด้วยถ้อยคำนานา ไม่ว่าจะเป็น “หญิงเหล็กแห่งวงการรถ” หรือแม้กระทั่ง “ผู้หญิงเปลี่ยนโลก”!
เป็นที่กล่าวขวัญถึงด้วยความชื่นชมในช่วงเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อยักษ์ใหญ่เจ้าหนึ่งแห่งโลกยานยนต์อย่างบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ประกาศแต่งตั้ง “ปนัดดา เจณณวาสิน” ขึ้นนั่งแท่น “กรรมการรองผู้จัดการ” นับเป็นผู้บริหารหญิงคนไทยคนแรกและคนเดียวที่มีตำแหน่งในระดับบอร์ดบริหารของบริษัทในกลุ่มอีซูซุมอเตอร์ และบริษัทมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่นทั่วโลก
ท่ามกลางความเชื่อที่ว่า โลกแห่งยานยนต์เป็นถนนของผู้ชาย แต่เธอผู้นี้ก็เดินฝ่ามาได้ด้วยใจที่เต็มเปี่ยมความมุ่งมั่น แม้มิอาจแบกหามเครื่องยนต์กลไกเฉกเช่นชายชาตรี แต่สิ่งที่เธอแบกรับก็คือวิสัยทัศน์ที่เคลื่อนขับองค์กรให้พุ่งไปข้างหน้า หนักแน่นมั่นคง ดั่งพลัง “แรงม้า” แห่งเครื่องยนต์อีซูซุ...
• กับตำแหน่งใหม่ที่ได้รับ ขอทราบรายละเอียดของงานสักหน่อยครับว่าเราต้องดูแลรับผิดชอบส่วนไหนอย่างไรบ้าง
เดิมบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด รับผิดชอบการจัดจำหน่ายรถอีซูซุในประเทศไทยเท่านั้น แต่นับจากปีนี้เป็นต้นไป เราต้องดูแลการจัดจำหน่ายรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์” และ “อีซูซุมิว-เอ็กซ์” ในประเทศลาวและกัมพูชา ดิฉันจึงมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นในการทำให้ธุรกิจของบริษัทในทั้ง 2 ประเทศประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยใช้ประสบการณ์จากความสำเร็จของตรีเพชรอีซูซุในตลาดรถยนต์เมืองไทยเป็นแม่แบบ
• มีความรู้สึกกดดันหรือไม่อย่างไรครับกับการได้รับตำแหน่งที่ดูแล้วก็ถือว่าใหญ่มากๆ
ไม่มีความรู้สึกกดดันแต่อย่างใดค่ะ เพราะในประเทศไทยยังคงทำงานกับผู้ร่วมงานเดิมที่เคยทำก่อนหน้านี้ สำหรับในประเทศลาวและกัมพูชานั้น ถึงแม้ว่าภาวะตลาดจะไม่เหมือนประเทศไทย และผู้จำหน่ายทั้ง 2 ประเทศ เป็นชาวต่างชาติ แต่เรามีทีมงานของตรีเพชรอีซูซุ คือ ASEAN Project Office ซึ่งมีสมาชิกประกอบไปด้วยผู้รับผิดชอบฝ่ายต่างๆ ของตรีเพชรอีซูซุในประเทศไทย จึงมีความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่รู้สึกท้าทายคือจะทำอย่างไร ถึงจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์” และรถอเนกประสงค์ “อีซูซุมิว-เอ็กซ์” ให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม
• เสียงหนึ่งซึ่งดังขึ้นมาตามหน้าสื่อ ก็คือว่า การได้เลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าอีซูซุไม่ได้เลือกคนที่ “เพศ” เพราะจริงๆ เรื่องรถราหรือเครื่องยนต์กลไก น่าจะเป็นเรื่องของผู้ชาย ตรงนี้คุณปนัดดามีความเห็นอย่างไรครับ
สำหรับดิฉันแล้ว “สมองไม่มีเพศ” ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ถ้ามีความสามารถเหมาะสมแล้ว ก็จะทำงานในตำแหน่งหน้าที่ใดๆ ได้เท่าเทียมกัน
ถึงแม้ว่าตรีเพชรอีซูซุเซลส์จะเป็นบริษัทจัดจำหน่ายรถเพื่อการพาณิชย์ซึ่งมีลักษณะแข็งแกร่งบึกบึนก็ตาม แต่สำหรับดิฉันแล้ว รถยนต์ก็เป็น “สินค้า” (Product) อย่างหนึ่งเช่นเดียวกับเครื่องสำอาง เสื้อผ้า หรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่ผู้รับผิดชอบจะต้องวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ ในการสร้าง “แบรนด์” ให้แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อความสำเร็จของธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
• เหมือนว่าครั้งหนึ่ง คุณปนัดดาเคยรู้สึกไม่พอใจเพราะองค์กรบางแห่งบอกว่าไม่รับผู้หญิง อยากให้เล่าย้อนถึงจุดนั้นหน่อยครับว่าเป็นอย่างไร ทั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และความรู้สึก ซึ่งเชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งพลังที่ผลักเราให้ฮึดสู้มาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อดิฉันยังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในภาคการศึกษาแรก อาจารย์ที่คณะฯ สั่งให้ทำรายงานเกี่ยวกับธุรกิจอีซูซุ ดิฉันมาหาข้อมูลที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และได้รับการชี้แจงอย่างดียิ่งจากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของบริษัทฯ ทำให้รู้สึกชื่นชมบริษัทฯ นี้ แต่ไม่ได้คิดที่จะทำงานด้วย เพราะดิฉันตั้งใจจะสอบทุนฟูลไบรต์ไปศึกษาต่อปริญญาโทที่อเมริกา และจะทำงานที่องค์การสหประชาชาติ เพราะชอบและมีความถนัดด้านภาษาอังกฤษมาก
แต่เมื่อปลายภาคการศึกษาที่ 2 บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ได้ไปปิดใบประกาศรับสมัครพนักงานใหม่ที่คณะฯ โดยระบุว่า ต้องการนักศึกษาชายที่มีเกรดเฉลี่ย 2.7 ขึ้นไปเท่านั้น เพื่อนดิฉันมาบอกว่า บริษัทฯ ที่พี่ชื่นชมเขาไม่รับผู้หญิงทำงาน ทำให้พี่รู้สึกเสียหน้า จึงโทร.ไปที่ตรีเพชรอีซูซุในช่วงพักเที่ยง และได้พูดกับผู้จัดการทั่วไปซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นเพราะพนักงานพักรับประทานอาหารกลางวัน ดิฉันบอกกับเขาว่าดิฉันกำลังจะได้เกียรตินิยมและเชื่อว่าตนเองมีความสามารถมากกว่านักศึกษาชายที่ได้เกรด 2.7 ที่เขาต้องการมากนัก
ดิฉันบอกเขาว่า “ถ้าคุณให้โอกาสดิฉัน คุณจะไม่มีวันผิดหวัง” ผู้จัดการทั่วไปคนนั้นจึงเปิดโอกาสให้ดิฉันมาสอบ ทั้งๆ ที่บริษัทฯ ได้ปิดรับสมัครเรียบร้อยแล้ว ดิฉันลืมเรื่ององค์การสหประชาชาติเสียสนิทเลยในตอนนั้น เพราะโมโหที่บริษัทฯ เลือกรับเฉพาะผู้ชาย แต่เมื่อดิฉันมีตำแหน่งสูงขึ้น ดิฉันตระหนักดีว่า บริษัทฯ ไม่ได้แบ่งแยกเพศ แต่คิดว่างานบางอย่างเหมาะกับผู้ชายมากกว่า เช่น การทดสอบสมรรถนะและการสาธิตวิธีการใช้รถบรรทุก เมื่อดิฉันได้รับการแต่งตั้งเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของบริษัทฯ ในปี 2544 แล้ว ดิฉันมีส่วนร่วมในการพิจารณาปรับเงินเดือนเลื่อนตำแหน่งของพนักงาน จึงตระหนักว่าตรีเพชรอีซูซุไม่ได้นำปัจจัยเรื่อง “เพศ” หรือ “วุฒิการศึกษา” มาประกอบการพิจารณาแต่อย่างใด บริษัทฯ พิจารณาเลื่อนตำแหน่งพนักงานจากความสามารถและผลงานเท่านั้น
• ถ้าหากเรื่องการเป็นผู้หญิงผู้ชายไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอเรียนถามครับว่าแล้วอะไรคือสิ่งที่อีซูซุให้ความสำคัญในการบริหารจัดการหรือกล่าวได้ว่าเป็นปรัชญาการทำงานขององค์กร
“ตรีเพชรอีซูซุ” ได้กำหนดปรัชญาการทำงานสำหรับบุคลากรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันขององค์กรคือ “TRUST” โดยแยกเป็นตัวอักษรดังนี้คือ
T = Teamwork (การทำงานเป็นทีม)
R = Responsibility (ความรับผิดชอบ)
U = Understanding Customer’s Needs (ความเข้าใจความต้องการของลูกค้า)
S = Self and Subordinate Development (การพัฒนาตนเองและผู้ใต้บังคับบัญชา)
T = Think Positively (การคิดบวก)
เรามีวิสัยทัศน์องค์กรที่เรียกว่า “วิถีอีซูซุ” (The Isuzu Spirit) คือ “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา” ซึ่งเปรียบเสมือนหนึ่ง DNA ในการกำหนดนโยบายต่างๆ ของอีซูซุ อีซูซุจึงมุ่งมั่นในการพัฒนายานพาหนะและการบริการที่มิได้เพียงแต่ขนส่งสินค้าให้ถึงจุดหมายอย่างมีประสิทธิภาพและให้บริการบำรุงรักษารถที่ลูกค้าพึงพอใจเท่านั้น แต่จะต้องขนส่งความสุขสมหวังและความเจริญรุ่งเรืองไปยังทุกจุดของประเทศ รวมทั้งต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมให้เติบโตคู่ไปกับธุรกิจอีซูซุด้วยค่ะ
• เชื่อว่าตอนนี้หันมองไปทางไหน ก็คงได้ยินเสียงชื่นชมว่า คุณปนัดดาเป็น “หญิงเก่ง” หรือกระทั่งชมเชยด้วยถ้อยคำ “หญิงเหล็กของวงการรถ” และ “ผู้หญิงเปลี่ยนโลก”... คุณปนัดดารู้สึกนึกคิดกับคำคำนี้อย่างไรบ้าง
ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเสียงชื่นชมดังกล่าว แต่ความสำเร็จของตรีเพชรอีซูซุไม่ใช่เกิดจากดิฉันเพียงผู้เดียว แต่เป็นความสำเร็จร่วมกันของพนักงานทั้งองค์กร เพราะเราทำงานเป็นทีม เพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน ดิฉันคิดว่า เพราะดิฉันเป็นผู้หญิงที่เป็นบอร์ดบริหารคนแรกของบริษัทในกลุ่มอีซูซุซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น และคนไทยเห็นว่าเป็นการยากที่ผู้หญิงจะมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรญี่ปุ่น สื่อมวลชนจึงได้ตั้งฉายาดังกล่าวให้ดิฉัน
• เรียนถามเป็นความรู้และประสบการณ์ครับว่า สำหรับการทำงานตำแหน่งระดับโลกที่ต้องเกี่ยวพันกับคนหลากหลายเชื้อชาติ สิ่งที่เราพึงให้ความสำคัญและใส่ใจนั้นคืออะไร
การทำงานกับคนต่างชาติจำเป็นต้องมีการ “ปรับตัว” ทั้งสองฝ่าย โดยต้องคำนึงถึงวัฒนธรรมประจำชาติของเขาเหล่านั้นด้วย เช่น คนไทยถือว่าศีรษะเป็นของสูง จึงไม่สามารถ “เล่นหัว” เขาได้ ขณะที่คนญี่ปุ่นจะทานซุปต่างๆ โดยมีเสียงดังเพื่อแสดงถึงรสชาติอร่อย และถือว่าการตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ฯลฯ ดังนั้น การเข้าใจในวัฒนธรรมประจำชาติของผู้ร่วมงานจะทำให้การทำงานมีความราบรื่นมากขึ้น นอกเหนือจากเรื่องประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น การเป็นผู้บริหารระดับสูง ไม่ว่าจะทำงานกับคนชาติใดก็ตาม จำเป็นจะต้อง “ลดช่องว่าง” กับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ได้มากที่สุด เราไม่สามารถใช้อำนาจตามสายการบังคับบัญชาได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้อง “ซื้อใจ” ลูกน้องให้ได้ด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ จะต้องใช้ทั้ง “พระเดช” และ “พระคุณ” จึงจะสามารถบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ในฐานะซีอีโอนะครับ คุณปนัดดามีหลักในการบริหารอย่างไรครับ ทั้งงานและคน
“พนักงาน” เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร เพราะเป็นพลังขับเคลื่อนหลักในการนำองค์กรสู่ความสำเร็จ องค์กรที่มีพนักงานที่มีความสามารถสูงและทุ่มเทอย่างเต็มที่ ย่อมจะเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ดังนั้น “ขวัญและกำลังใจ” ของพนักงานจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริหารองค์กรต้องคำนึงถึงเสมอ ระบบการปรับเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง และสวัสดิการพนักงาน จะต้องอยู่ในระดับดีมากเพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานตั้งใจทำงานเพื่อความสำเร็จขององค์กร
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริหารจะต้องสร้างความรู้สึก “การมีส่วนร่วม” และ “การทำงานเป็นทีม” ให้เกิดขึ้นในหมู่พนักงานโดยใช้ “การติดต่อสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ” เพราะความรู้สึกของพนักงานว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนั้นเป็นพื้นฐานสำคัญในการลงมือปฏิบัติงานด้านต่างๆ ที่แต่ละฝ่ายรับผิดชอบเพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งความสำเร็จร่วมกัน
สำหรับบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด นอกจากจะมีระบบเงินเดือน ค่าตำแหน่งเงินช่วยเหลือ ค่าเดินทางรายเดือน โบนัส และสวัสดิการพนักงานในระดับแนวหน้าแล้ว ยังมี “ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท” ให้พนักงานศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความสามารถของพนักงานอันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวพนักงานเองและองค์กรต่อไป
• สมมตินะครับว่า ในกรณีที่เกิดปัญหาหรืออุปสรรคในการทำงาน สิ่งแรกที่คุณปนัดดาจะบอกตัวเองนั้นคืออะไร เพื่อจะก้าวข้ามอุปสรรคปัญหานั้น
ดิฉันเชื่อในการทำงานเป็นทีม และคิดเสมอว่าถ้าเราวางแผนงานอย่างรอบคอบแล้ว ปัญหาใหญ่ย่อมไม่เกิด แต่ถ้ามีปัญหาอื่นๆ นอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น ดิฉันคิดว่าปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก ถ้าทุกคนในทีมระดมสมองช่วยกันแก้ไข ไม่ตีโพยตีพายในกรณีที่เกิดปัญหา แต่จะพยายามตั้งสติหาทางออกให้ได้โดยเร็วที่สุด อุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อผ่านพ้นไปแล้วจะเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับการก้าวต่อไปขององค์กรและทีมงาน
• คุณปนัดดาเรียนจบมาสายไหนอย่างไรครับ และเพราะอะไรถึงเลือกเรียนสายดังกล่าว
ดิฉันจบมัธยมปลายสายวิทย์จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แต่เลือกศึกษาต่อที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเลือกการบัญชีเป็นวิชาเอกตามคำแนะนำของคุณพ่อซึ่งบอกว่า ความรู้ด้านบัญชีเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจทุกชนิด เพราะถ้าคุมเรื่องเงินไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว จะทำให้ความสามารถในการทำกำไรของกิจการลดลง
ในตอนแรก ดิฉันไม่ค่อยเห็นพ้องกับความคิดของคุณพ่อเท่าใดนัก แต่เมื่อได้ทำงานในระดับบริหารแล้วจึงตระหนักว่า สิ่งที่คุณพ่อพูด เป็นความจริงทุกประการ เมื่อเข้ามาทำงานที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัดแล้ว เจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มาจากบริษัท มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นนั้น พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง แต่จะพูดกันเองเป็นภาษาญี่ปุ่น ทำให้ดิฉันอยากเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นบ้าง จึงเบนเข็มจากการสอบทุนฟูลไบรท์ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่แรกไปสอบทุนรัฐบาลญี่ปุ่นแทน โดยเลือกศึกษาต่อปริญญาโทด้านการค้าระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยฮีโตสึบาชิในกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในด้านเศรษฐศาสตร์และการบริหารธุรกิจ
• วาดหวังไว้หรือเปล่าครับว่า โตขึ้นไปเราจะเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรให้ได้ในสักวัน
ในช่วงเป็นนักศึกษา ดิฉันอยากทำงานองค์การสหประชาชาติ เพราะคิดว่าเป็นที่รวมของคนเก่ง จึงอยากเป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อโชคชะตากำหนดให้มาทำงานที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ดิฉันก็พยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายทุกวันอย่างดีที่สุด เพราะคิดว่า “สิ่งที่เกิดในวันพรุ่งนี้ คือผลลัพธ์ของการกระทำในวันนี้” โดยไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรหรือไม่ เพราะเชื่อว่า ถ้าเรามีความสามารถแล้ว เราก็ต้องได้เป็น
ตั้งแต่แรก ดิฉันไม่เคยคิดว่าจะทำงานที่ตรีเพชรอีซูซุตลอดไป แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะลาออกหรือเปลี่ยนไปทำงานที่อื่น เพราะตรีเพชรอีซูซุเป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของดิฉันที่อยู่แล้วมีความสุขมาก ไม่มีแม้แต่วันเดียวที่ดิฉันตื่นนอนขึ้นมาแล้วจะไม่อยากไปทำงานที่บริษัทฯ เพราะถ้าเกิดความรู้สึกเช่นนั้นแล้ว ก็คงต้องลาออกหรือหางานอื่นทำ ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานจนถึงปัจจุบัน ตรีเพชรอีซูซุจึงเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวที่ดิฉันทำงานด้วย
• คุณปนัดดาเริ่มต้นทำงานที่อีซูซุตั้งแต่ปีไหนครับ และกับตำแหน่งที่ได้รับตอนแรกนั้นคือตำแหน่งอะไร รับผิดชอบส่วนไหน เส้นทางการทำงานค่อยๆ เติบโตมาอย่างไรตามลำดับ
ดิฉันเริ่มต้นทำงานที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ในปี 2520 ในฝ่ายบัญชีและการเงิน หลังจากทำงานได้ 2 ปีเศษ ก็ได้รับทุนรัฐบาลญี่ปุ่นไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิและได้รับทุนฝึกงานจากกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่นหลังจากจบปริญญาโทแล้ว โดยบริษัทฯ ให้ลางานไปเป็นเวลา 5 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2523-2528 และกลับมารับตำแหน่งในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายวางแผนการขาย ต่อมาในปี 2540 ได้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสื่อสารการตลาด ปี 2544 รับตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ (Director) ปี 2550 รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ (Vice President) ปี 2555 รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส (Senior Vice President) และล่าสุดรับตำแหน่งกรรมการรองผู้จัดการ (Executive Vice President)
• ในระหว่างเส้นทางสายนี้ เคยเกิดมีความท้อแท้หรือเหน็ดเหนื่อยจนไม่อยากจะไปต่อหรือไม่อย่างไรครับ และเราผ่านพ้นจุดนั้นมาได้ด้วยวิธีไหนอย่างไร
ดิฉันโชคดีที่ตลอดชีวิตการทำงานที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ไม่เคยเกิดความรู้สึกท้อแท้หรือเหนื่อยหน่ายแต่อย่างใด ทั้งนี้เพราะดิฉันทำงานกับทีมงานคุณภาพ ทั้งผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถ วัฒนธรรมองค์กรอันเป็นเอกลักษณ์ในการทำงานเป็นทีมของตรีเพชรอีซูซุทำให้สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ มาได้ด้วยดีโดยตลอด โดยที่ไม่ได้มีความกดดันแต่อย่างใด
• อะไรคือรสชาติความสนุกหรือความสุขของการได้ทำงานกับองค์กรที่ชื่อว่าอีซูซุครับ
ตรีเพชรอีซูซุมีวัฒนธรรมองค์กรอันเป็นเอกลักษณ์ที่รวมส่วนดีของวัฒนธรรมไทยและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน คือการทำงานเป็นทีม (Teamwork) และวินัย (Discipline) ของคนญี่ปุ่น กับความยืดหยุ่นต่อทุกสถานการณ์ (Flexibility) และการเข้าถึงได้ง่าย (Accessibility) ของคนไทย ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพอย่างสูง พนักงานทุกคนสามารถเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ได้ทุกเวลาที่ไม่ติดภารกิจอื่นใด และสามารถปรึกษาหารือได้ทุกกรณี ทำให้ไม่มีช่องว่างของความต่างเชื้อชาติ ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นสื่อกลางในการสื่อสารภายในบริษัท แต่พนักงานญี่ปุ่นทุกคนพูดภาษาไทยได้ในระดับดีถึงดีมาก ยิ่งไปกว่านั้น ดิฉันยังมีความสนิทสนมกับผู้จำหน่ายอีซูซุทั่วประเทศที่มีกว่า 100 บริษัท โดยรู้จักทุกช่วงอายุ ทำให้การทำงานทั้งที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุและกับผู้จำหน่ายอีซูซุเสมือนหนึ่งการทำงานกับ “เพื่อน” ดิฉันจึงมีความสุขกับการทำงานเสมอ
• มีผู้บริหารหรือซีอีโอท่านใด ที่คุณปนัดดาชื่นชอบชื่นชมในแนวคิดและวิธีการทำงานของเขา และเขามีวิธีคิดตลอดจนการทำงานอย่างไร จึงเป็นที่นับถือชื่นชมของเราครับ
โดยส่วนตัวแล้วมีความชื่นชม ดร.คาซุโอะ อินาโมริ (Dr.Kazuo Inamori) ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทเคียวเซร่า และ KDDI และเป็นประธานกรรมการคนล่าสุดของเจแปนแอร์ไลน์ ซึ่งได้ช่วยชุบชีวิตสายการบินแห่งชาติของญี่ปุ่นให้พ้นจากภาวะขาดทุนอย่างมหาศาลได้ จึงได้นำแนวคิดของ ดร.อินาโมริ มาใช้เป็นหลักในการทำงาน คือ
“ความสำเร็จ = ความสามารถ x ความพยายาม x ทัศนคติ”
โดย “ความสามารถ” และ “ความพยายาม” มีคะแนนในระดับ 0 - 100
ส่วน “ทัศนคติ” เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด โดยมีระดับคะแนนตั้งแต่ - 100 ถึง + 100 นั่นแสดงให้เห็นว่าคนที่ทัศนคติเป็นลบนั้น เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อองค์กร ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถ หรือความพยายามเพียงใดก็ตาม
• เพราะอยู่ในธุรกิจรถยนต์กลไก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับคำโฆษณาว่าแรงอย่างนั้นเร็วอย่างนี้ บางคนก็แย้งว่า แค่พาไปถึงเป้าหมายก็น่าจะพอแล้ว สำหรับคุณปนัดดาคิดว่าอะไรครับคือหัวใจสำคัญของสิ่งที่เรียกว่ารถ
“รถยนต์” เป็นสินค้าที่มีราคาแพง เมื่อเทียบกับค่าครองชีพของคนไทย และเป็นสินค้าที่ต้องคำนึงถึงราคาขายต่อ เมื่อเป็นรถมือสองด้วย ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรถยนต์ในมุมมองของลูกค้าผู้ใช้รถ คือ “ความคุ้มค่าเงินสูงสุด” ซึ่งประกอบไปด้วย “คุณภาพดีที่สุด”, “ประหยัดน้ำมันที่สุด”, “ราคาขายต่อดีที่สุด” และ “เครือข่ายการจำหน่าย บริการ และอะไหล่ดีที่สุด”
• ในฐานะที่อยู่กับธุรกิจยานยนต์ อยากทราบความเห็นครับว่า ทิศทางแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นอย่างไร และเจ้าแห่งยนตรกรรมอีกเจ้าหนึ่งอย่างอีซูซุมีนโยบายที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไรบ้างเพื่อให้สอดรับกับทิศทางในอนาคตที่นับจะยิ่งแข่งขันกันสูง
อุตสาหกรรมยานยนต์มีพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีสูงมากโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสมรรถนะ ระบบไอที และระบบความปลอดภัยต่างๆ ทำให้ต้นทุนในการวิจัยและพัฒนาของค่ายรถยนต์ต่างๆ เพิ่มสูงมากขึ้น แนวโน้มที่จะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนับจากนี้ไป คือ การแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ระหว่างกันของค่ายรถยนต์ต่างๆ เพื่อลดต้นทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในสิ่งที่องค์กรไม่เชี่ยวชาญ โดยนำไปทุ่มเทกับสิ่งที่เชี่ยวชาญมากแทน เช่น อีซูซุเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ดีเซลและรถเพื่อการพาณิชย์ก็อาจจะผลิตเครื่องยนต์และรถประเภทดังกล่าวขายให้กับบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในรูปแบบ OEM เพื่อให้บริษัทดังกล่าวมีสายผลิตภัณฑ์ครบถ้วนในการบริการลูกค้า หรือในบางกรณีผู้ผลิตรถยนต์สองค่ายอาจจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกันแต่ปรับดีไซน์ภายนอกให้ดูต่างกันเพื่อลดต้นทุนการผลิต เป็นต้น
สำหรับอีซูซุนั้น ในปี 2560 นี้ เราจะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบ 60 ปี โดยธุรกิจอีซูซุประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่งทั้งในด้านยอดจำหน่ายและการสร้างแบรนด์ ตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถอย่างยิ่งที่จะทำให้อีซูซุประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในทศวรรษต่อๆ ไป ท่ามกลางการแข่งขันอันรุนแรงในตลาดรถยนต์นั้น อีซูซุมีนโยบายหลัก ดังนี้
หนึ่ง รักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์อีซูซุในการเป็น “รถที่มีความคุ้มค่าเงินสูงสุด” นั่นคือ คุณภาพดีที่สุด ประหยัดน้ำมันมากที่สุด ราคาขายต่อสูงสุด เครือข่ายการจำหน่ายและศูนย์บริการดีที่สุด
สอง สร้างความพอใจและความเชื่อมั่นสูงสุด (Customer Satisfaction and Trust) ให้แก่ลูกค้าผู้ใช้รถอีซูซุ ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพ พร้อมทั้งการหลีกเลี่ยง “สงครามราคา” เพื่อรักษาราคารถมือสองของอีซูซุให้สูงสุดอยู่เสมอ
สาม เพิ่มจำนวนผู้ชื่นชอบและสนับสนุนอีซูซุให้มากยิ่งขึ้นนอกเหนือจากลูกค้าผู้ใช้รถและผู้จำหน่ายอีซูซุ ซึ่งได้แก่ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ผู้ประกอบธุรกิจอู่ต่อตัวถังรถ ผู้จำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และสื่อมวลชน เป็นต้น เพื่อขยายขอบข่าย “ประชาคมอีซูซุ” (The Isuzu Community) ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
สี่ ให้ความสำคัญกับ “ความพอใจของพนักงาน” (Employee Satisfaction) โดยรักษาระดับเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆให้อยู่ในแนวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งนี้เพราะพนักงานที่มีคุณภาพเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย
• สุดท้ายนะครับ ถึงแม้คุณปนัดดาจะเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อบางฉบับว่า กระทั่งเวลาจะอยู่กับครอบครัวก็แทบจะไม่มีเพราะทำงานเยอะ แต่คนเราก็น่ามีเวลาชักปลั๊กหรือรีแลกซ์บ้าง ไลฟ์สไตล์ที่ชอบในเวลาว่างเว้นจากงานมีไหมครับ ที่นับเป็นโมงยามความสุขของชีวิต
ดิฉันโชคดีที่ทุกคนในครอบครัวเข้าใจในลักษณะงานที่ดิฉันรับผิดชอบ โดยเฉพาะงานด้านการตลาดที่ต้องทันต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งกิจกรรมการตลาดเพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายต่างๆ มักจะต้องจัดขึ้นในช่วงวันเสาร์ หรือวันหยุด ซึ่งเป็นเวลาที่ลูกค้าสะดวกจากภารกิจประจำวัน ดิฉันจึงไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวมากนัก แต่ดิฉันจะพยายามไม่ทำงานในวันอาทิตย์เพื่อใช้เวลาสำหรับครอบครัวให้ได้อย่างเต็มที่
ในแต่ละปีจะจัดเวลาเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวให้ได้หนึ่งครั้ง โดยเคลียร์ตารางงานล่วงหน้าในช่วงวันหยุดยาว ทุกคนในครอบครัวยอมรับกับการแบ่งเวลาเช่นนี้ เพราะรู้ดีว่าดิฉันเป็นคนรักงานมาก
ในเวลาว่างจากภารกิจ ดิฉันมักจะดูข่าวทางโทรทัศน์ โดยข่าวต่างประเทศจะดูช่อง CNN และข่าวในประเทศจะดูจากช่องข่าวคุณภาพหลายๆ ช่อง เพราะดิฉันเป็นคนชอบดูข่าวมาก นอกจากนั้น ดิฉันชอบดูหนังทีวีแนวสืบสวนสอบสวน เช่น CSI, NCIS Los Angeles, Blue Bloods เป็นต้น การดูข่าวและหนังทีวีเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ได้เรียนรู้คำศัพท์ต่างๆ ที่เจ้าของภาษาใช้ในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
เป็นที่กล่าวขวัญถึงด้วยความชื่นชมในช่วงเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อยักษ์ใหญ่เจ้าหนึ่งแห่งโลกยานยนต์อย่างบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ประกาศแต่งตั้ง “ปนัดดา เจณณวาสิน” ขึ้นนั่งแท่น “กรรมการรองผู้จัดการ” นับเป็นผู้บริหารหญิงคนไทยคนแรกและคนเดียวที่มีตำแหน่งในระดับบอร์ดบริหารของบริษัทในกลุ่มอีซูซุมอเตอร์ และบริษัทมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่นทั่วโลก
ท่ามกลางความเชื่อที่ว่า โลกแห่งยานยนต์เป็นถนนของผู้ชาย แต่เธอผู้นี้ก็เดินฝ่ามาได้ด้วยใจที่เต็มเปี่ยมความมุ่งมั่น แม้มิอาจแบกหามเครื่องยนต์กลไกเฉกเช่นชายชาตรี แต่สิ่งที่เธอแบกรับก็คือวิสัยทัศน์ที่เคลื่อนขับองค์กรให้พุ่งไปข้างหน้า หนักแน่นมั่นคง ดั่งพลัง “แรงม้า” แห่งเครื่องยนต์อีซูซุ...
• กับตำแหน่งใหม่ที่ได้รับ ขอทราบรายละเอียดของงานสักหน่อยครับว่าเราต้องดูแลรับผิดชอบส่วนไหนอย่างไรบ้าง
เดิมบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด รับผิดชอบการจัดจำหน่ายรถอีซูซุในประเทศไทยเท่านั้น แต่นับจากปีนี้เป็นต้นไป เราต้องดูแลการจัดจำหน่ายรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์” และ “อีซูซุมิว-เอ็กซ์” ในประเทศลาวและกัมพูชา ดิฉันจึงมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นในการทำให้ธุรกิจของบริษัทในทั้ง 2 ประเทศประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยใช้ประสบการณ์จากความสำเร็จของตรีเพชรอีซูซุในตลาดรถยนต์เมืองไทยเป็นแม่แบบ
• มีความรู้สึกกดดันหรือไม่อย่างไรครับกับการได้รับตำแหน่งที่ดูแล้วก็ถือว่าใหญ่มากๆ
ไม่มีความรู้สึกกดดันแต่อย่างใดค่ะ เพราะในประเทศไทยยังคงทำงานกับผู้ร่วมงานเดิมที่เคยทำก่อนหน้านี้ สำหรับในประเทศลาวและกัมพูชานั้น ถึงแม้ว่าภาวะตลาดจะไม่เหมือนประเทศไทย และผู้จำหน่ายทั้ง 2 ประเทศ เป็นชาวต่างชาติ แต่เรามีทีมงานของตรีเพชรอีซูซุ คือ ASEAN Project Office ซึ่งมีสมาชิกประกอบไปด้วยผู้รับผิดชอบฝ่ายต่างๆ ของตรีเพชรอีซูซุในประเทศไทย จึงมีความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่รู้สึกท้าทายคือจะทำอย่างไร ถึงจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของรถปิกอัพ “อีซูซุดีแมคซ์” และรถอเนกประสงค์ “อีซูซุมิว-เอ็กซ์” ให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม
• เสียงหนึ่งซึ่งดังขึ้นมาตามหน้าสื่อ ก็คือว่า การได้เลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าอีซูซุไม่ได้เลือกคนที่ “เพศ” เพราะจริงๆ เรื่องรถราหรือเครื่องยนต์กลไก น่าจะเป็นเรื่องของผู้ชาย ตรงนี้คุณปนัดดามีความเห็นอย่างไรครับ
สำหรับดิฉันแล้ว “สมองไม่มีเพศ” ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ถ้ามีความสามารถเหมาะสมแล้ว ก็จะทำงานในตำแหน่งหน้าที่ใดๆ ได้เท่าเทียมกัน
ถึงแม้ว่าตรีเพชรอีซูซุเซลส์จะเป็นบริษัทจัดจำหน่ายรถเพื่อการพาณิชย์ซึ่งมีลักษณะแข็งแกร่งบึกบึนก็ตาม แต่สำหรับดิฉันแล้ว รถยนต์ก็เป็น “สินค้า” (Product) อย่างหนึ่งเช่นเดียวกับเครื่องสำอาง เสื้อผ้า หรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่ผู้รับผิดชอบจะต้องวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ ในการสร้าง “แบรนด์” ให้แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อความสำเร็จของธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
• เหมือนว่าครั้งหนึ่ง คุณปนัดดาเคยรู้สึกไม่พอใจเพราะองค์กรบางแห่งบอกว่าไม่รับผู้หญิง อยากให้เล่าย้อนถึงจุดนั้นหน่อยครับว่าเป็นอย่างไร ทั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และความรู้สึก ซึ่งเชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งพลังที่ผลักเราให้ฮึดสู้มาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อดิฉันยังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในภาคการศึกษาแรก อาจารย์ที่คณะฯ สั่งให้ทำรายงานเกี่ยวกับธุรกิจอีซูซุ ดิฉันมาหาข้อมูลที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และได้รับการชี้แจงอย่างดียิ่งจากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของบริษัทฯ ทำให้รู้สึกชื่นชมบริษัทฯ นี้ แต่ไม่ได้คิดที่จะทำงานด้วย เพราะดิฉันตั้งใจจะสอบทุนฟูลไบรต์ไปศึกษาต่อปริญญาโทที่อเมริกา และจะทำงานที่องค์การสหประชาชาติ เพราะชอบและมีความถนัดด้านภาษาอังกฤษมาก
แต่เมื่อปลายภาคการศึกษาที่ 2 บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ได้ไปปิดใบประกาศรับสมัครพนักงานใหม่ที่คณะฯ โดยระบุว่า ต้องการนักศึกษาชายที่มีเกรดเฉลี่ย 2.7 ขึ้นไปเท่านั้น เพื่อนดิฉันมาบอกว่า บริษัทฯ ที่พี่ชื่นชมเขาไม่รับผู้หญิงทำงาน ทำให้พี่รู้สึกเสียหน้า จึงโทร.ไปที่ตรีเพชรอีซูซุในช่วงพักเที่ยง และได้พูดกับผู้จัดการทั่วไปซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นเพราะพนักงานพักรับประทานอาหารกลางวัน ดิฉันบอกกับเขาว่าดิฉันกำลังจะได้เกียรตินิยมและเชื่อว่าตนเองมีความสามารถมากกว่านักศึกษาชายที่ได้เกรด 2.7 ที่เขาต้องการมากนัก
ดิฉันบอกเขาว่า “ถ้าคุณให้โอกาสดิฉัน คุณจะไม่มีวันผิดหวัง” ผู้จัดการทั่วไปคนนั้นจึงเปิดโอกาสให้ดิฉันมาสอบ ทั้งๆ ที่บริษัทฯ ได้ปิดรับสมัครเรียบร้อยแล้ว ดิฉันลืมเรื่ององค์การสหประชาชาติเสียสนิทเลยในตอนนั้น เพราะโมโหที่บริษัทฯ เลือกรับเฉพาะผู้ชาย แต่เมื่อดิฉันมีตำแหน่งสูงขึ้น ดิฉันตระหนักดีว่า บริษัทฯ ไม่ได้แบ่งแยกเพศ แต่คิดว่างานบางอย่างเหมาะกับผู้ชายมากกว่า เช่น การทดสอบสมรรถนะและการสาธิตวิธีการใช้รถบรรทุก เมื่อดิฉันได้รับการแต่งตั้งเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของบริษัทฯ ในปี 2544 แล้ว ดิฉันมีส่วนร่วมในการพิจารณาปรับเงินเดือนเลื่อนตำแหน่งของพนักงาน จึงตระหนักว่าตรีเพชรอีซูซุไม่ได้นำปัจจัยเรื่อง “เพศ” หรือ “วุฒิการศึกษา” มาประกอบการพิจารณาแต่อย่างใด บริษัทฯ พิจารณาเลื่อนตำแหน่งพนักงานจากความสามารถและผลงานเท่านั้น
• ถ้าหากเรื่องการเป็นผู้หญิงผู้ชายไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอเรียนถามครับว่าแล้วอะไรคือสิ่งที่อีซูซุให้ความสำคัญในการบริหารจัดการหรือกล่าวได้ว่าเป็นปรัชญาการทำงานขององค์กร
“ตรีเพชรอีซูซุ” ได้กำหนดปรัชญาการทำงานสำหรับบุคลากรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันขององค์กรคือ “TRUST” โดยแยกเป็นตัวอักษรดังนี้คือ
T = Teamwork (การทำงานเป็นทีม)
R = Responsibility (ความรับผิดชอบ)
U = Understanding Customer’s Needs (ความเข้าใจความต้องการของลูกค้า)
S = Self and Subordinate Development (การพัฒนาตนเองและผู้ใต้บังคับบัญชา)
T = Think Positively (การคิดบวก)
เรามีวิสัยทัศน์องค์กรที่เรียกว่า “วิถีอีซูซุ” (The Isuzu Spirit) คือ “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา” ซึ่งเปรียบเสมือนหนึ่ง DNA ในการกำหนดนโยบายต่างๆ ของอีซูซุ อีซูซุจึงมุ่งมั่นในการพัฒนายานพาหนะและการบริการที่มิได้เพียงแต่ขนส่งสินค้าให้ถึงจุดหมายอย่างมีประสิทธิภาพและให้บริการบำรุงรักษารถที่ลูกค้าพึงพอใจเท่านั้น แต่จะต้องขนส่งความสุขสมหวังและความเจริญรุ่งเรืองไปยังทุกจุดของประเทศ รวมทั้งต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมให้เติบโตคู่ไปกับธุรกิจอีซูซุด้วยค่ะ
• เชื่อว่าตอนนี้หันมองไปทางไหน ก็คงได้ยินเสียงชื่นชมว่า คุณปนัดดาเป็น “หญิงเก่ง” หรือกระทั่งชมเชยด้วยถ้อยคำ “หญิงเหล็กของวงการรถ” และ “ผู้หญิงเปลี่ยนโลก”... คุณปนัดดารู้สึกนึกคิดกับคำคำนี้อย่างไรบ้าง
ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเสียงชื่นชมดังกล่าว แต่ความสำเร็จของตรีเพชรอีซูซุไม่ใช่เกิดจากดิฉันเพียงผู้เดียว แต่เป็นความสำเร็จร่วมกันของพนักงานทั้งองค์กร เพราะเราทำงานเป็นทีม เพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน ดิฉันคิดว่า เพราะดิฉันเป็นผู้หญิงที่เป็นบอร์ดบริหารคนแรกของบริษัทในกลุ่มอีซูซุซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น และคนไทยเห็นว่าเป็นการยากที่ผู้หญิงจะมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรญี่ปุ่น สื่อมวลชนจึงได้ตั้งฉายาดังกล่าวให้ดิฉัน
• เรียนถามเป็นความรู้และประสบการณ์ครับว่า สำหรับการทำงานตำแหน่งระดับโลกที่ต้องเกี่ยวพันกับคนหลากหลายเชื้อชาติ สิ่งที่เราพึงให้ความสำคัญและใส่ใจนั้นคืออะไร
การทำงานกับคนต่างชาติจำเป็นต้องมีการ “ปรับตัว” ทั้งสองฝ่าย โดยต้องคำนึงถึงวัฒนธรรมประจำชาติของเขาเหล่านั้นด้วย เช่น คนไทยถือว่าศีรษะเป็นของสูง จึงไม่สามารถ “เล่นหัว” เขาได้ ขณะที่คนญี่ปุ่นจะทานซุปต่างๆ โดยมีเสียงดังเพื่อแสดงถึงรสชาติอร่อย และถือว่าการตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ฯลฯ ดังนั้น การเข้าใจในวัฒนธรรมประจำชาติของผู้ร่วมงานจะทำให้การทำงานมีความราบรื่นมากขึ้น นอกเหนือจากเรื่องประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น การเป็นผู้บริหารระดับสูง ไม่ว่าจะทำงานกับคนชาติใดก็ตาม จำเป็นจะต้อง “ลดช่องว่าง” กับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ได้มากที่สุด เราไม่สามารถใช้อำนาจตามสายการบังคับบัญชาได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้อง “ซื้อใจ” ลูกน้องให้ได้ด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ จะต้องใช้ทั้ง “พระเดช” และ “พระคุณ” จึงจะสามารถบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ในฐานะซีอีโอนะครับ คุณปนัดดามีหลักในการบริหารอย่างไรครับ ทั้งงานและคน
“พนักงาน” เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร เพราะเป็นพลังขับเคลื่อนหลักในการนำองค์กรสู่ความสำเร็จ องค์กรที่มีพนักงานที่มีความสามารถสูงและทุ่มเทอย่างเต็มที่ ย่อมจะเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ดังนั้น “ขวัญและกำลังใจ” ของพนักงานจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริหารองค์กรต้องคำนึงถึงเสมอ ระบบการปรับเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง และสวัสดิการพนักงาน จะต้องอยู่ในระดับดีมากเพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานตั้งใจทำงานเพื่อความสำเร็จขององค์กร
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริหารจะต้องสร้างความรู้สึก “การมีส่วนร่วม” และ “การทำงานเป็นทีม” ให้เกิดขึ้นในหมู่พนักงานโดยใช้ “การติดต่อสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ” เพราะความรู้สึกของพนักงานว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนั้นเป็นพื้นฐานสำคัญในการลงมือปฏิบัติงานด้านต่างๆ ที่แต่ละฝ่ายรับผิดชอบเพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งความสำเร็จร่วมกัน
สำหรับบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด นอกจากจะมีระบบเงินเดือน ค่าตำแหน่งเงินช่วยเหลือ ค่าเดินทางรายเดือน โบนัส และสวัสดิการพนักงานในระดับแนวหน้าแล้ว ยังมี “ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท” ให้พนักงานศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความสามารถของพนักงานอันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวพนักงานเองและองค์กรต่อไป
• สมมตินะครับว่า ในกรณีที่เกิดปัญหาหรืออุปสรรคในการทำงาน สิ่งแรกที่คุณปนัดดาจะบอกตัวเองนั้นคืออะไร เพื่อจะก้าวข้ามอุปสรรคปัญหานั้น
ดิฉันเชื่อในการทำงานเป็นทีม และคิดเสมอว่าถ้าเราวางแผนงานอย่างรอบคอบแล้ว ปัญหาใหญ่ย่อมไม่เกิด แต่ถ้ามีปัญหาอื่นๆ นอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น ดิฉันคิดว่าปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก ถ้าทุกคนในทีมระดมสมองช่วยกันแก้ไข ไม่ตีโพยตีพายในกรณีที่เกิดปัญหา แต่จะพยายามตั้งสติหาทางออกให้ได้โดยเร็วที่สุด อุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อผ่านพ้นไปแล้วจะเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับการก้าวต่อไปขององค์กรและทีมงาน
• คุณปนัดดาเรียนจบมาสายไหนอย่างไรครับ และเพราะอะไรถึงเลือกเรียนสายดังกล่าว
ดิฉันจบมัธยมปลายสายวิทย์จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แต่เลือกศึกษาต่อที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเลือกการบัญชีเป็นวิชาเอกตามคำแนะนำของคุณพ่อซึ่งบอกว่า ความรู้ด้านบัญชีเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจทุกชนิด เพราะถ้าคุมเรื่องเงินไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว จะทำให้ความสามารถในการทำกำไรของกิจการลดลง
ในตอนแรก ดิฉันไม่ค่อยเห็นพ้องกับความคิดของคุณพ่อเท่าใดนัก แต่เมื่อได้ทำงานในระดับบริหารแล้วจึงตระหนักว่า สิ่งที่คุณพ่อพูด เป็นความจริงทุกประการ เมื่อเข้ามาทำงานที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัดแล้ว เจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มาจากบริษัท มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นนั้น พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง แต่จะพูดกันเองเป็นภาษาญี่ปุ่น ทำให้ดิฉันอยากเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นบ้าง จึงเบนเข็มจากการสอบทุนฟูลไบรท์ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่แรกไปสอบทุนรัฐบาลญี่ปุ่นแทน โดยเลือกศึกษาต่อปริญญาโทด้านการค้าระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยฮีโตสึบาชิในกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในด้านเศรษฐศาสตร์และการบริหารธุรกิจ
• วาดหวังไว้หรือเปล่าครับว่า โตขึ้นไปเราจะเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรให้ได้ในสักวัน
ในช่วงเป็นนักศึกษา ดิฉันอยากทำงานองค์การสหประชาชาติ เพราะคิดว่าเป็นที่รวมของคนเก่ง จึงอยากเป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อโชคชะตากำหนดให้มาทำงานที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ดิฉันก็พยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายทุกวันอย่างดีที่สุด เพราะคิดว่า “สิ่งที่เกิดในวันพรุ่งนี้ คือผลลัพธ์ของการกระทำในวันนี้” โดยไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรหรือไม่ เพราะเชื่อว่า ถ้าเรามีความสามารถแล้ว เราก็ต้องได้เป็น
ตั้งแต่แรก ดิฉันไม่เคยคิดว่าจะทำงานที่ตรีเพชรอีซูซุตลอดไป แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะลาออกหรือเปลี่ยนไปทำงานที่อื่น เพราะตรีเพชรอีซูซุเป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของดิฉันที่อยู่แล้วมีความสุขมาก ไม่มีแม้แต่วันเดียวที่ดิฉันตื่นนอนขึ้นมาแล้วจะไม่อยากไปทำงานที่บริษัทฯ เพราะถ้าเกิดความรู้สึกเช่นนั้นแล้ว ก็คงต้องลาออกหรือหางานอื่นทำ ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานจนถึงปัจจุบัน ตรีเพชรอีซูซุจึงเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวที่ดิฉันทำงานด้วย
• คุณปนัดดาเริ่มต้นทำงานที่อีซูซุตั้งแต่ปีไหนครับ และกับตำแหน่งที่ได้รับตอนแรกนั้นคือตำแหน่งอะไร รับผิดชอบส่วนไหน เส้นทางการทำงานค่อยๆ เติบโตมาอย่างไรตามลำดับ
ดิฉันเริ่มต้นทำงานที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ในปี 2520 ในฝ่ายบัญชีและการเงิน หลังจากทำงานได้ 2 ปีเศษ ก็ได้รับทุนรัฐบาลญี่ปุ่นไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิและได้รับทุนฝึกงานจากกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่นหลังจากจบปริญญาโทแล้ว โดยบริษัทฯ ให้ลางานไปเป็นเวลา 5 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2523-2528 และกลับมารับตำแหน่งในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายวางแผนการขาย ต่อมาในปี 2540 ได้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสื่อสารการตลาด ปี 2544 รับตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ (Director) ปี 2550 รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ (Vice President) ปี 2555 รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส (Senior Vice President) และล่าสุดรับตำแหน่งกรรมการรองผู้จัดการ (Executive Vice President)
• ในระหว่างเส้นทางสายนี้ เคยเกิดมีความท้อแท้หรือเหน็ดเหนื่อยจนไม่อยากจะไปต่อหรือไม่อย่างไรครับ และเราผ่านพ้นจุดนั้นมาได้ด้วยวิธีไหนอย่างไร
ดิฉันโชคดีที่ตลอดชีวิตการทำงานที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ไม่เคยเกิดความรู้สึกท้อแท้หรือเหนื่อยหน่ายแต่อย่างใด ทั้งนี้เพราะดิฉันทำงานกับทีมงานคุณภาพ ทั้งผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถ วัฒนธรรมองค์กรอันเป็นเอกลักษณ์ในการทำงานเป็นทีมของตรีเพชรอีซูซุทำให้สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ มาได้ด้วยดีโดยตลอด โดยที่ไม่ได้มีความกดดันแต่อย่างใด
• อะไรคือรสชาติความสนุกหรือความสุขของการได้ทำงานกับองค์กรที่ชื่อว่าอีซูซุครับ
ตรีเพชรอีซูซุมีวัฒนธรรมองค์กรอันเป็นเอกลักษณ์ที่รวมส่วนดีของวัฒนธรรมไทยและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน คือการทำงานเป็นทีม (Teamwork) และวินัย (Discipline) ของคนญี่ปุ่น กับความยืดหยุ่นต่อทุกสถานการณ์ (Flexibility) และการเข้าถึงได้ง่าย (Accessibility) ของคนไทย ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพอย่างสูง พนักงานทุกคนสามารถเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ได้ทุกเวลาที่ไม่ติดภารกิจอื่นใด และสามารถปรึกษาหารือได้ทุกกรณี ทำให้ไม่มีช่องว่างของความต่างเชื้อชาติ ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นสื่อกลางในการสื่อสารภายในบริษัท แต่พนักงานญี่ปุ่นทุกคนพูดภาษาไทยได้ในระดับดีถึงดีมาก ยิ่งไปกว่านั้น ดิฉันยังมีความสนิทสนมกับผู้จำหน่ายอีซูซุทั่วประเทศที่มีกว่า 100 บริษัท โดยรู้จักทุกช่วงอายุ ทำให้การทำงานทั้งที่บริษัท ตรีเพชรอีซูซุและกับผู้จำหน่ายอีซูซุเสมือนหนึ่งการทำงานกับ “เพื่อน” ดิฉันจึงมีความสุขกับการทำงานเสมอ
• มีผู้บริหารหรือซีอีโอท่านใด ที่คุณปนัดดาชื่นชอบชื่นชมในแนวคิดและวิธีการทำงานของเขา และเขามีวิธีคิดตลอดจนการทำงานอย่างไร จึงเป็นที่นับถือชื่นชมของเราครับ
โดยส่วนตัวแล้วมีความชื่นชม ดร.คาซุโอะ อินาโมริ (Dr.Kazuo Inamori) ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทเคียวเซร่า และ KDDI และเป็นประธานกรรมการคนล่าสุดของเจแปนแอร์ไลน์ ซึ่งได้ช่วยชุบชีวิตสายการบินแห่งชาติของญี่ปุ่นให้พ้นจากภาวะขาดทุนอย่างมหาศาลได้ จึงได้นำแนวคิดของ ดร.อินาโมริ มาใช้เป็นหลักในการทำงาน คือ
“ความสำเร็จ = ความสามารถ x ความพยายาม x ทัศนคติ”
โดย “ความสามารถ” และ “ความพยายาม” มีคะแนนในระดับ 0 - 100
ส่วน “ทัศนคติ” เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด โดยมีระดับคะแนนตั้งแต่ - 100 ถึง + 100 นั่นแสดงให้เห็นว่าคนที่ทัศนคติเป็นลบนั้น เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อองค์กร ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถ หรือความพยายามเพียงใดก็ตาม
• เพราะอยู่ในธุรกิจรถยนต์กลไก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับคำโฆษณาว่าแรงอย่างนั้นเร็วอย่างนี้ บางคนก็แย้งว่า แค่พาไปถึงเป้าหมายก็น่าจะพอแล้ว สำหรับคุณปนัดดาคิดว่าอะไรครับคือหัวใจสำคัญของสิ่งที่เรียกว่ารถ
“รถยนต์” เป็นสินค้าที่มีราคาแพง เมื่อเทียบกับค่าครองชีพของคนไทย และเป็นสินค้าที่ต้องคำนึงถึงราคาขายต่อ เมื่อเป็นรถมือสองด้วย ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรถยนต์ในมุมมองของลูกค้าผู้ใช้รถ คือ “ความคุ้มค่าเงินสูงสุด” ซึ่งประกอบไปด้วย “คุณภาพดีที่สุด”, “ประหยัดน้ำมันที่สุด”, “ราคาขายต่อดีที่สุด” และ “เครือข่ายการจำหน่าย บริการ และอะไหล่ดีที่สุด”
• ในฐานะที่อยู่กับธุรกิจยานยนต์ อยากทราบความเห็นครับว่า ทิศทางแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นอย่างไร และเจ้าแห่งยนตรกรรมอีกเจ้าหนึ่งอย่างอีซูซุมีนโยบายที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไรบ้างเพื่อให้สอดรับกับทิศทางในอนาคตที่นับจะยิ่งแข่งขันกันสูง
อุตสาหกรรมยานยนต์มีพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีสูงมากโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสมรรถนะ ระบบไอที และระบบความปลอดภัยต่างๆ ทำให้ต้นทุนในการวิจัยและพัฒนาของค่ายรถยนต์ต่างๆ เพิ่มสูงมากขึ้น แนวโน้มที่จะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนับจากนี้ไป คือ การแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ระหว่างกันของค่ายรถยนต์ต่างๆ เพื่อลดต้นทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในสิ่งที่องค์กรไม่เชี่ยวชาญ โดยนำไปทุ่มเทกับสิ่งที่เชี่ยวชาญมากแทน เช่น อีซูซุเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ดีเซลและรถเพื่อการพาณิชย์ก็อาจจะผลิตเครื่องยนต์และรถประเภทดังกล่าวขายให้กับบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในรูปแบบ OEM เพื่อให้บริษัทดังกล่าวมีสายผลิตภัณฑ์ครบถ้วนในการบริการลูกค้า หรือในบางกรณีผู้ผลิตรถยนต์สองค่ายอาจจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกันแต่ปรับดีไซน์ภายนอกให้ดูต่างกันเพื่อลดต้นทุนการผลิต เป็นต้น
สำหรับอีซูซุนั้น ในปี 2560 นี้ เราจะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบ 60 ปี โดยธุรกิจอีซูซุประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่งทั้งในด้านยอดจำหน่ายและการสร้างแบรนด์ ตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถอย่างยิ่งที่จะทำให้อีซูซุประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในทศวรรษต่อๆ ไป ท่ามกลางการแข่งขันอันรุนแรงในตลาดรถยนต์นั้น อีซูซุมีนโยบายหลัก ดังนี้
หนึ่ง รักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์อีซูซุในการเป็น “รถที่มีความคุ้มค่าเงินสูงสุด” นั่นคือ คุณภาพดีที่สุด ประหยัดน้ำมันมากที่สุด ราคาขายต่อสูงสุด เครือข่ายการจำหน่ายและศูนย์บริการดีที่สุด
สอง สร้างความพอใจและความเชื่อมั่นสูงสุด (Customer Satisfaction and Trust) ให้แก่ลูกค้าผู้ใช้รถอีซูซุ ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพ พร้อมทั้งการหลีกเลี่ยง “สงครามราคา” เพื่อรักษาราคารถมือสองของอีซูซุให้สูงสุดอยู่เสมอ
สาม เพิ่มจำนวนผู้ชื่นชอบและสนับสนุนอีซูซุให้มากยิ่งขึ้นนอกเหนือจากลูกค้าผู้ใช้รถและผู้จำหน่ายอีซูซุ ซึ่งได้แก่ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ผู้ประกอบธุรกิจอู่ต่อตัวถังรถ ผู้จำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และสื่อมวลชน เป็นต้น เพื่อขยายขอบข่าย “ประชาคมอีซูซุ” (The Isuzu Community) ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
สี่ ให้ความสำคัญกับ “ความพอใจของพนักงาน” (Employee Satisfaction) โดยรักษาระดับเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆให้อยู่ในแนวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งนี้เพราะพนักงานที่มีคุณภาพเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย
• สุดท้ายนะครับ ถึงแม้คุณปนัดดาจะเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อบางฉบับว่า กระทั่งเวลาจะอยู่กับครอบครัวก็แทบจะไม่มีเพราะทำงานเยอะ แต่คนเราก็น่ามีเวลาชักปลั๊กหรือรีแลกซ์บ้าง ไลฟ์สไตล์ที่ชอบในเวลาว่างเว้นจากงานมีไหมครับ ที่นับเป็นโมงยามความสุขของชีวิต
ดิฉันโชคดีที่ทุกคนในครอบครัวเข้าใจในลักษณะงานที่ดิฉันรับผิดชอบ โดยเฉพาะงานด้านการตลาดที่ต้องทันต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งกิจกรรมการตลาดเพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายต่างๆ มักจะต้องจัดขึ้นในช่วงวันเสาร์ หรือวันหยุด ซึ่งเป็นเวลาที่ลูกค้าสะดวกจากภารกิจประจำวัน ดิฉันจึงไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวมากนัก แต่ดิฉันจะพยายามไม่ทำงานในวันอาทิตย์เพื่อใช้เวลาสำหรับครอบครัวให้ได้อย่างเต็มที่
ในแต่ละปีจะจัดเวลาเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวให้ได้หนึ่งครั้ง โดยเคลียร์ตารางงานล่วงหน้าในช่วงวันหยุดยาว ทุกคนในครอบครัวยอมรับกับการแบ่งเวลาเช่นนี้ เพราะรู้ดีว่าดิฉันเป็นคนรักงานมาก
ในเวลาว่างจากภารกิจ ดิฉันมักจะดูข่าวทางโทรทัศน์ โดยข่าวต่างประเทศจะดูช่อง CNN และข่าวในประเทศจะดูจากช่องข่าวคุณภาพหลายๆ ช่อง เพราะดิฉันเป็นคนชอบดูข่าวมาก นอกจากนั้น ดิฉันชอบดูหนังทีวีแนวสืบสวนสอบสวน เช่น CSI, NCIS Los Angeles, Blue Bloods เป็นต้น การดูข่าวและหนังทีวีเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ได้เรียนรู้คำศัพท์ต่างๆ ที่เจ้าของภาษาใช้ในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ