วิจัยพบคนไทยสูญเสียการมีสุขภาพดีถึง 15.3 ล้านปี เหตุตายก่อนวัยอันควร จากพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพ “เหล้า - บุหรี่ - โรคอ้วน” เผย 43% ไม่รู้ตัวป่วยเบาหวาน
วันนี้ (6 ก.ค.) ที่โรงแรมรามา การ์เด้นส์ ทพญ.กนิษฐา บุญธรรมเจริญ หัวหน้าแผนงานการพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพเพื่อการพัฒนานโยบาย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวในเวทีเสวนาวิชาการ “เปิดเผยผลสำรวจสถานการณ์ภาระโรคและการบาดเจ็บของประชากรไทย” จัดโดยแผนงานการพัฒนาดัชนีภาระทางสุขภาพฯ สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า “ภาระโรค” เป็นตัววัดการสูญเสียด้านสุขภาพ หรือ “ปีสุขภาวะที่สูญเสีย” เป็นดัชนีชี้วัดสถานะสุขภาพที่เป็นมาตรฐานของประชากร ประกอบด้วย การวัดความสูญเสียจากการตายก่อนวัยอันควร และ ความสูญเสียจากการมีชีวิตอยู่ด้วยความพิการ หรือความบกพร่องทางสุขภาพ จากการศึกษาความสูญเสียปีสุขภาวะของประชากรไทย ปี 2556 และวิเคราะห์รวบรวมเพื่อแปรผลในปี 2559 พบว่า ประชากรไทยมีการสูญเสียปีสุขภาพดีร่วมกัน 15.3 ล้านปี โดยเป็นความสูญเสียด้วยการตายก่อนวัยอันควร 10 ล้านปี และต้องอยู่อย่างเจ็บป่วยหรือพิการ 5.3 ล้านปี หากคำนวณเป็นมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจะสูงถึง 930,053 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 7.2% ของจีดีพีประเทศ โดยมีกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาระโรคที่สูงเพิ่มขึ้น เป็นผลจากพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพของคนไทย โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และภาวะน้ำหนักเกินที่เกิดจากการบริโภคไม่เหมาะสม ขาดการออกกำลังกายที่เพียงพอ
“เมื่อวิเคราะห์อายุเฉลี่ยของคนไทย พบว่า คนไทยมีอายุยืนขึ้นเล็กน้อย เทียบจากปี 2552 โดยเพศชายจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 71 ปี เพิ่มขึ้น 0.9 ปี และเพศหญิงอยู่ที่ 77 ปี เพิ่มขึ้น 0.2 ปี อย่างไรก็ตาม แม้ผู้หญิงจะมีอายุยืนยาวกว่าผู้ชาย แต่มีช่วงเวลาที่สุขภาพไม่สมบูรณ์ หรือมีความบกพร่อง/พิการมากกว่าผู้ชาย เฉลี่ยประมาณ 2 ปี โดยอายุเฉลี่ยที่ประชากรมีสุขภาพดีของ เพศชายอยู่ที่ 68 ปี และของเพศหญิงอยู่ที่ 72 ปี” ทพญ.กนิษฐา กล่าวและว่า สาเหตุหลักของการสูญเสียจำนวนปีแห่งการมีสุขภาพที่ดีในเพศชาย 3 อันดับแรก คือ 1. อุบัติเหตุทางถนน 2. การดื่มแอลกอฮอล์ และ 3. โรคหลอดเลือดสมอง ส่วนเพศหญิง 3 อันดับแรก คือ 1. โรคหลอดเลือดสมอง 2. โรคเบาหวาน และ 3. โรคซึมเศร้า เห็นได้ว่า อุบัติเหตุทางถนน และการเสพติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังคงเป็นสาเหตุหลักของความสูญเสียของประเทศ ขณะที่แนวโน้มการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ มีความสูญเสียลดลงเทียบจากครั้งก่อน เนื่องจากการแพร่ระบาดลดลงและการเข้าถึงการรักษาโรคเอดส์ที่เร็วขึ้น ส่วนโรคเรื้อรังมีแนวโน้มสูงขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงวัย
ทพญ.กนิษฐา กล่าวว่า การนำเครื่องมือวัดปีสุขภาวะที่สูญเสียไปจากการเจ็บป่วย และการบาดเจ็บของประชากร (Disability-Adjusted Life Years เรียกย่อ ๆ ว่า DALY) มาใช้ในการวัดสถานะสุขภาพของประชากรแบบองค์รวม จะมีประโยชน์อย่างมากต่อการกำหนดทิศทางของนโยบายด้านสุขภาพของรัฐบาล เพราะมีความครอบคลุมถึงการมีชีวิตอยู่อย่างบกพร่อง หรือพิการ และการสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทำให้สามารถเปรียบเทียบขนาดของปัญหาสุขภาพที่มีความสำคัญของประชากรได้ในหน่วยเดียวกัน และยังคาดประมาณมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการตายและความพิการได้อีกด้วย
ศ.นพ.วิชัย เอกพลากร หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวว่า จากการสำรวจสุขภาพประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปใน 21 จังหวัดจากทั่วประเทศประมาณ 20,000 คน โดยทำการเจาะเลือดตรวจหาภาวะเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวาน พบว่า มีประชากรประมาณ 43% ที่ยังไม่รู้ตัวว่ามีน้ำตาลในเลือดสูง และจากสถิติยังพบด้วยว่าปัจจุบันคนไทยมีภาวะอ้วน หรือมีดัชนีมวลกายเกิน 25 ขึ้นไปประมาณ 37% ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน และหากกลุ่มเหล่านี้ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง ก็จะกลายเป็นเบาหวานในอนาคตโดยไม่รู้ตัว ซึ่งการที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวานในระยะแรกนั้น จะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นมาได้ เช่น เป็นต้อกระจก ประสาทจอตาเสื่อม โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองตีบ และเป็นโรคไต เป็นต้น แต่หากกลุ่มเหล่านี้รู้ตัวในระยะแรกก็จะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและลดการเป็นโรคได้
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่