xs
xsm
sm
md
lg

หนุน สปท.ชงรัฐขึ้นภาษีเครื่องดื่มผสมน้ำตาล สกัดคนป่วยเบาหวาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผนึกกำลังหนุน สปท. ชงรัฐขึ้นภาษีเครื่องดื่มผสมน้ำตาลเกินมาตรฐาน เผยปี 57 คนไทยป่วยเบาหวาน 4.8 ล้านคน 4 ใน 10 ป่วยไม่รู้ตัว ขณะที่ 7.7 ล้านคน เข้าคิวจ่อเป็นเบาหวาน ชี้ป้องกันดีสุด เน้นคุมอาหาร -น้ำตาล ควบคู่ออกกำลังกาย ออกกฎคุมโฆษณา - ฉลากอาหาร

ดร.อธิภัทร มุทิตาเจริญ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เห็นด้วยกับหลักการจัดเก็บภาษีสำหรับเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง โดยหวังว่าภาษีนี้จะกระตุ้นให้คนลดการบริโภคเรื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากเกินไป และทำให้ผู้ผลิตปรับเปลี่ยนสูตรการผลิตให้ใช้น้ำตาลน้อยลง ประสบการณ์จากต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐฯ และเม็กซิโก ชี้ว่า มี 2 กุญแจสำคัญที่จะทำให้การจัดเก็บภาษีนี้บรรลุวัตถุประสงค์ คือ 1. ภาษีนี้ต้องครอบคลุมเครื่องดื่มทุกประเภทที่มีน้ำตาลสูง ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว กาแฟ นม หรือน้ำผลไม้ การจัดเก็บภาษีโดยเว้นเครื่องดื่มบางประเภทจะทำให้ผู้บริโภคหันไปหาเครื่องดื่มชนิดนั้นแทน 2. อัตราภาษีต้องสูงเพียงพอที่จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกได้ และควรจัดเก็บเป็นขั้นบันได โดยเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากควรถูกจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่า ซึ่งภาษีจะเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเท่านั้นที่ช่วยลดการบริโภคน้ำตาล รัฐบาลยังมีอีกหลายเครื่องมือที่สามารถช่วยได้ เช่น การวางกฎระเบียบการโฆษณาเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากเกินไปสำหรับเด็ก การบังคับใช้รายละเอียดฉลากที่มีข้อมูลชัดเจน และการให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของการกินหวานมากเกินไป

ด้าน ศ.นพ.วิชัย เอกพลากร ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี หัวหน้าโครงการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย รายงานผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยฯ ครั้งล่าสุดปี 2557 ว่า ความชุกของโรคเบาหวานในประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ในขณะนี้ มีร้อยละ 8.9 หมายความว่า ประชาชนไทย กว่า 4.8 ล้านคน เป็นเบาหวาน ในจำนวนนี้ 4 ใน 10 คนไม่ทราบว่าตัวเองเป็นเบาหวานแล้ว นอกจากนี้ ยังพบคนที่เสี่ยงต่อเบาหวาน คือ น้ำตาลในเลือดสูงอีกร้อยละ 15.6 หรือคิดเป็น 7.7 ล้านคน มีโอกาสเสี่ยงเข้าคิวเป็นเบาหวานในอนาคตอันใกล้ โดยผู้ป่วยเป็นเบาหวานนี้น่าเป็นห่วงเพราะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 3.3 ล้านคน ในปี 2552 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านคน ภายใน 5 ปี ซึ่งเป็นภาระมหาศาลของประเทศชาติและครอบครัว ในการรักษาโรคเบาหวาน และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ตามมา ได้แก่ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะไตวาย และโรคอื่น ๆซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนไทย ซึ่งการแก้ปัญหานั้นต้องทำให้ประชาชนมีการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก ที่สำคัญคือ ต้องมีการจัดสภาพแวดล้อม เช่นควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มพื้นที่ออกกำลังกาย เป็นต้น นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังแนะนำว่า เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยควรบริโภคน้ำตาลไม่เกินวันละ 25 กรัม หรือ 6 ช้อนชา และให้ข้อแนะนำว่ามาตรการด้านภาษีและราคา เป็นหนึ่งในนโยบายที่ได้ผลในการลดปัญหาภาวะอ้วน

ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ปัญหาเรื่องโรคเบาหวานและความอ้วนเพิ่มสูงขึ้นมากโดยเฉพาะประชากรเมือง ผลมาจากการบริโภคที่เปลี่ยนไป เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร การบริโภคน้ำตาลจำนวนมาก รวมไปถึงผลไม้หวานและเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ที่มีน้ำตาลผสมอยู่ในปริมาณมาก ซ้ำเติมด้วยการขาดการออกกำลังกาย ซึ่งพบว่า เด็กที่มีโรคอ้วนสูงขึ้นมาก และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย พบว่า อัตราการเป็นเบาหวานของประชากรไทยสูงกว่าประเทศอื่น การป้องกันและควบคุมภาวะนี้จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยการให้ความรู้กับประชาชนให้ตระหนักถึงอันตรายของการมีน้ำหนักเกิน อ้วนลงพุง และการเป็นเบาหวานว่าจะนำไปสู่การเป็นโรคเรื้อรังด้านหัวใจและหลอดเลือดรวมไปถึงภาวะไตวายและตาบอดจากหลอดเลือดเสื่อม การรณรงค์ให้ลดการบริโภคน้ำตาล และผลไม้หวาน การผลักดันให้มีการเก็บภาษีเครื่องดื่มน้ำตาลสูง การส่งเสริมให้ประชาชนออกกำลังกายเป็นกิจวัตร ชั่งน้ำหนัก และวัดเส้นรอบเอวเป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

ด้าน นพ.เพชร รอดอารีย์ เลขาธิการสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมฯขอสนับสนุนเรื่องการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเกินเกณฑ์มาตรฐานสุขภาพ เพื่อป้องกันและควบคุมปัจจัยเสี่ยงด้านอาหารและโภชนาการ จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันแพทย์ในโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องรับภาระดูแลผู้ป่วยเบาหวานและโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก ทั้งผู้ป่วยและญาติต้องสูญเสียเงินทองในการรักษายาวนาน เบาหวานเป็นเหมือนประตูที่นำไปสู่การเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังอื่น ๆ ตามมา ที่สำคัญ หากคนไข้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ อาการต่าง ๆ ก็มีแต่จะทรุดหนักลง การป้องกันจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด

ทั้งนี้ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้มีมติเห็นชอบรายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การป้องกันและควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพด้านอาหารและโภชนาการในประเด็นการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกินเกณฑ์มาตรฐานสุขภาพ เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2559 โดยให้นำความเห็นและข้อเสนอแนะของสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศปรับปรุงก่อนส่งรายงานไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น