แพทยสภาจ่อเรียกสอบหมอผ่าหน้า “สุรชัย” เอี่ยวโฆษณา “เฟซออฟ” ตั้งคณะกรรมการร่วม สบส.- อย. ลุยปราบโฆษณาออนไลน์เกินจริง หมอ - คลินิก - เครื่องมือแพทย์เถื่อน แฉเจ้าของสถานพยาบาลเอกชนดึงหมอจบใหม่เป็น “ซีอีโอ” แถมเปลี่ยนไม่ซ้ำหน้าหลังทำผิด กม. หนีเอาผิดตัวสถานพยาบาล เล็งเพิ่มโทษหมอ เจ้าของ ถึงขั้นปิดสถานพยาบาล
วันนี้ (10 มี.ค.) ในการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ซึ่งมี ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เป็นประธาน มีวาระในการพิจารณาประเด็นข่าวจากสื่อ กรณีโครงการเฟซออฟ ของ ดร.ไซปิง ไชยศาส์น ที่มีการโฆษณาการทำศัลยกรรมของ นายสุรชัย สมบัติเจริญ นักร้องลูกทุ่ง ในโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล กรณีแพทย์หญิงออกรายการโทรทัศน์ตื่นมาคุย ฐานโฆษณาโอ้อวดเกินจริง และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การประกอบวิชาชีพเวชกรรมผ่านสื่อออนไลน์ โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ส่งทั้ง 3 กรณีเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม โดยจะมีการเรียกแพทย์ผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน ซึ่งกรณีโครงการเฟซออฟ มีแพทย์ที่เกี่ยวข้อง 2 คน คือ แพทย์ที่มีรายชื่อปรากฏในข่าว คือ นพ.กมล พันธ์ศรีทุม และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ซึ่งได้มีการส่งให้คณะอนุกรรมการจะต้องมีการเรียกมาสอบสวนข้อเท็จจริงว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ มีส่วนร่วมในการโฆษณาดังกล่าวหรือไม่ หรือได้มีการยับยั้งไม่ให้มีการโฆษณาหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ดร.เซปิง ยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการเฟซออฟต่อไป ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า หากจะเดินหน้าต่อก็คงห้ามไม่ได้ แต่ในทางการแพทย์นั้น การทำเฟซออฟถือว่าโฆษณาเกินจริง เชื่อว่า คงเดินหน้าลำบาก เพราะจะไม่มีแพทย์รับทำศัลยกรรมให้ เนื่องจากหากมีการโฆษณาแพทย์ที่ทำให้ก็ถือว่ามีความผิดด้วย
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์เปลี่ยนไป มีความก้าวหน้ามากขึ้น ขณะที่ปัญหาหมอเถื่อน สถานบริการเถื่อน เครื่องมือแพทย์ที่ผิดกฎหมาย ก็พบปัญหามากขึ้น รวมถึงการโฆษณาทางสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะทางเฟซบุ๊กที่มีการโฆษณาเกินจริงเยอะมาก ซึ่งที่ผ่านมา การดูแลคุ้มครองประชาชนในส่วนนี้ยังเป็นมาตรการเชิงรับ ซึ่งที่ประชุมมีมติที่จะดำเนินการร่วมกัน 3 ฝ่ายระหว่าง แพทยสภา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาเหล่านี้ในเชิงรุกมากขึ้น ไม่ให้ประชาชนถูกหลอกลวง โดยจะมีการตรวจสอบตามเว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ มากขึ้น และไม่ต้องรอให้มีคนมาแจ้ง ก็สามารถดำเนินการเอาผิดได้ในทันที และเร่งการพิจารณาให้รวดเร็วขึ้น
“การลงโทษแพทย์หรือสถานพยาบาลในปัจจุบันถือว่ายังน้อยอยู่ เช่น การโฆษณา หากเป็นครั้งแรกแพทย์ก็มีโทษเพียงว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น ส่วนสถานพยาบาลโทษปรับเพียง 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยุติการโฆษณา จึงทำให้คนไม่เกรงกลัว อย่างกรณีสถานพยาบาลเอกชนที่มักจ้างแพทย์จบใหม่ด้วยเงินจำนวนสูง ๆ เป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาล พบว่า เมื่อสถานพยาบาลกระทำความผิด เช่น การโฆษณา เมื่อลงโทษแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลแล้ว ก็จะมีการเปลี่ยนแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลใหม่ แต่เจ้าของยังเป็นคนเดิม และก็ทำผิดซ้ำ ๆ เหมือนเดิม ซึ่งกรณีเช่นนี้พบเป็นจำนวนมาก แพทยสภาจึงจะมีการหารือกับ สบส. ว่า อาจจะมีการเพิ่มโทษให้มากขึ้น โดยมีการเอาผิดเจ้าของสถานพยาบาลเอกชน หรือถึงขั้นปิดสถานพยาบาลเอกชนเลย และเพิ่มโทษแพทย์เป็นขั้นภาคทัณฑ์หรือพักใช้ใบอนุญาต เป็นต้น” นายกแพทยสภา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ดร.เซปิง เตรียมมาร้องเรียนให้สอบสวน นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กรณีให้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ทำการศัลยกรรมแทน ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด คงต้องรอให้มาร้องเรียนก่อน ซึ่งก็จะมีการตรวจสอบไปตามขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวระบุว่า สถานพยาบาล 5 แห่งที่แพทยสภาเห็นว่ามีการโฆษณาเกินจริงและต้องสอบสวนแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1. โรงพยาบาลเลอลักษณ์ ศัลยกรรมตกแต่ง ที่ลงข้อความในเฟซบุ๊กเลอลักษณ์ ศัลยกรรมตกแต่ง ว่า “สวยราคาพิเศษโดยแพทย์พรีเมียม” และ “จมูก สวย พุ่ง โด่งพิเศษ!!! สวยเป๊ะ ทุกองศา” 2. Marvelous Clinic ซึ่งโฆษณาในเฟซบุ๊ก Marvelous Clinic ศูนย์ดูดไขมัน และร้อยไหมล็อกอันดับ 1 3. Body tite โฆษณาในเว็บไซต์ www.bodytitebangkok.com ใช้ข้อความ Body Tite ดูดไขมัน อันดับ 1 และข้อความ “ผอม เพรียว ทันใจ” 4. Star Clinic โฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก Star Clinic ศูนย์ดูดไขมันและสเต็มเซลล์ อันดับ 1 และ 5. Wisdom Shape โฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก Wisdom Shape ศูนย์นวัตกรรมในการปรับรูปร่าง และดูดไขมัน ด้วยการใช้ข้อความ “Body Jet Liposuction Training Center แห่งแรก และที่เดียวในประเทศไทย”
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่