xs
xsm
sm
md
lg

แพทยสภาลุยสอบ “หมอ” โครงการเฟซออฟ ชี้เทคนิคผ่าหน้า “สุรชัย” แค่เฟซลิฟต์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แพทยสภาเตรียมสอบจริยธรรม “หมอ” ทำศัลยกรรม “สุรชัย” ชี้ เทคนิคการทำเป็นแบบ “เฟซลิฟต์” ดึงใบหน้าขึ้น ไม่ใช่ “เฟซออฟ” ชี้หน้าที่ สคบ. ฟัน “เซปิง” ผิดโฆษณาเกินจริงหรือไม่ ยันไม่ป้อง “หมอชลธิศ” หากมีการร้องให้สอบกรณีใช้พยาบาลทำศัลยกรรม ด้าน สบส. ลุยสอบ รพ.ศัลยกรรมให้ “สุรชัย” ฐานปล่อยให้มีการโฆษณา

หลังจากนายสุรชัย สมบัติเจริญ นักร้องลูกทุ่ง ออกมาเผยโฉมหน้าในวันที่ 3 มี.ค. เมื่อเวลา 11.00 น. หลังเข้าทำการศัลยกรรมโครงการเฟซออฟของ ดร.เซปิง ไชยศาส์น ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล โดยระบุว่า ดร.เซปิง ไม่ได้พูดหรือโฆษณาเกินจริง และตนมีความสุขและพอใจกับการทำศัลยกรรมกระชากวัยในครั้งนี้ ขณะเดียวกัน ภายในงานแถลงข่าว ดร.เซปิง ระบุว่า เตรียมเข้าแจ้งความที่ สน.บุคคโล กรณี นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ได้ให้พยาบาลเป็นผู้ทำศัลยกรรมแทน และจะร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นั้น

น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ผลการทำศัลยกรรมของนายสุรชัย พบว่า มีใบหน้าเต่งตึง ก็ไม่เกินความคาดหมาย เช่นเดียวกับผลการทำศัลยกรรมปกติรายอื่น ๆ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเลือกทำได้ อย่างไรก็ตาม การโฆษณากระชากวัยจาก 60 ปี เหลือ 30 ปี โดย ดร.เซปิง ไชยศาส์น ในโครงการเฟซออฟ ก็ยังเข้าข่ายการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงให้แก่สถานพยาบาลที่ทำศัลยกรรมให้แก่นายสุรชัย แม้สถานพยาบาลแห่งนั้นจะไม่ได้โฆษณาด้วยตนเองก็ตาม และมิได้มีการทักท้วงหรือปฏิเสธ จึงเข้าข่ายรู้เห็น ยินยอมด้วย มีความผิดตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 11 พ.ศ. 2546 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการโฆษณาสถานพยาบาล โดยจะนำข้อมูลเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการการโฆษณาสถานพยาบาลในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 13.00 น. พร้อมกับกรณี พญ.อาภรณ์ ไชยเครื่อง หรือ หมอไก่ ที่ให้ข้อมูลโอ้อวดสถานพยาบาล At Medical Clinic ในรายการตื่นมาคุย ว่า “ทำแล้วสวยทุกคน” และ “ถ้ามาที่คลินิกเคสที่ออกไปจะสวยทุกเคส”

“หากผลการตัดสินว่ามีการกระทำผิด จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีดำเนินการเปรียบเทียบปรับ 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยุติการเผยแพร่โฆษณา ส่วนกรณี ดร.เซปิง จะร้องเรียนสถานพยาบาลที่ให้พยาบาลทำการศัลยกรรมแทนแพทย์นั้น สบส. พร้อมจะรับเรื่องร้องเรียน และจะเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน หากมีความผิดก็จะดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย” อธิบดี สบส. กล่าว

นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารแพทยสภาเห็นชอบให้ส่งชื่อแพทย์ที่ทำศัลยกรรมให้นายสุรชัย กับผู้ดำเนินการสถานพยาบาล รวมถึงกรณีแพทย์หญิงที่ไปออกรายการและมีการพูดที่เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง เข้าสู่คณะอนุกรรมการจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม โดยจะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ก่อนในวันที่ 10 มี.ค. นี้ เพื่อพิจารณาเรื่องของจริยธรรม ซึ่งโทษนั้นจะมี 4 ระดับ คือ ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาต และเพิกถอนใบอนุญาต ทั้งนี้ หากพบว่ามีความผิดฐานโฆษณา ส่วนใหญ่โทษจะเป็นเรื่องของการตักเตือน แต่หากกระทผิดซ้ำก็จะมีการเพิ่มโทษมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ดร.เซปิง และทนายยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการเฟซออฟต่อ เนื่องจากเป็นคนละความหมายกับทางการแพทย์ และไม่ได้เป็นการโฆษณาเกินจริง นพ.สัมพันธ์ กล่าวว่า การโฆษณาเกินจริงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพราะเฟซออฟก็ไม่ได้มีการบัญญัติไว้ในกฎหมาย แต่แพทยสภามีหน้าที่ให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องทางการแพทย์ต่อประชาชน ซึ่งประชาชนส่วนหนึ่งไม่ทราบว่าเฟซออฟคืออะไร ซึ่งการทำหน้าแบบเฟซออฟก็คือการเปลี่ยนใบหน้าใหม่ แต่การเปลี่ยนใบหน้าจะถือเป็นการโอ้อวดหรือไม่นั้น อยู่ที่ สคบ. จะพิจารณา

ส่วนตัวผมมองว่าการทำศัลยกรรมของคุณสุรชัย เป็นการทำเฟซลิฟต์ (Face Lift) คือ การดึงหน้าให้ตึงขึ้น ทั้งส่วนของหน้าผาก การดึงแก้มไปซ่อนที่หลังหู นอกจากนี้ ยังมีการทำตา ฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ไม่ให้เกิดร่องลึกและฟิลเลอร์ให้เต่งตึง และดูดีขึ้น ซึ่งตรงนี้จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ซึ่งขอยินดีกับคุณสุรชัยที่พอใจกับผลการทำศัลยกรรมในครั้งนี้ และชื่นชมผลงานที่ออกมา สะท้อนให้เห็นว่าหมอไทยเก่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริม แต่การส่งเสริมต้องไม่ใช่การหลอกลวง หรือการโฆษณาชวนเชื่อเกินไป ทั้งนี้ การทำศัลยกรรมดึงหน้าและทำตา ถือว่าเป็นหัตถการที่ไม่เสี่ยงมาก หากประชาชนทั่วไปอยากทำก็สามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณาฝีมือของหมอด้วย” นพ.สัมพันธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ดร.เซปิง จะแจ้งความ นพ.ชลธิศ ที่ให้พยาบาลทำศัลยกรรมแทนแพทย์ นพ.สัมพันธ์ กล่าวว่า ก็ต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าจริงหรือไม่ แต่หาก ดร.เซปิง จะร้องเรียนมายังแพทยสภา ก็พร้อมที่จะรับเรื่อง เพราะไม่ได้เลือกข้างว่าเป็นแพทย์คนนี้จะไม่พิจารณาสอบสวน

เมื่อถามถึงกรณีทนายของ ดร.เซปิง ระบุว่า เลขาธิกาแรพทยสภามีความเกี่ยวข้องกับสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย นพ.สัมพันธ์ กล่าวว่า รู้สึกน้อยใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร มิเช่นนั้น จะทำงานไม่ได้ ที่ออกมาพูดถึงกรณีดังกล่าว ยืนยันว่า ไม่ได้อยู่ข้างใดข้างหนึ่ง อย่าง ดร.เซปิง ตนก็ไม่รู้จัก แต่ก็ชื่นชมที่มีความพยายามในการเชิดชูหมอไทย แต่ความจริงก็คือความจริง แพทยสภามีหน้าที่หลักในการให้ความรู้ทางการแพทย์ต่อประชาชน ก็ต้องออกมาให้ความเห็น ส่วนที่มีตำแหน่งในสมาคมฯ ตนก็แทบไม่เคยเข้าไปประชุมสักครั้ง

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น