ผู้จัดการรายวัน 360 - “สุรชัย” เผยโฉมครั้งแรก หลังเฟซออฟกระชากวัย เผยมีความสุขมาก ห่วง “ดร.เซปิง” โดนกล่าวหา ทั้งที่เป็นความต้องการตัวเอง ชูแพทย์ดูแลอย่างดี ด้าน “ดร.เซปิง” จ่อแจ้งความเอาผิด “หมอชลธิศ” ให้พยาบาลศัลยกรรมคนไข้แทน ขณะที่แพทยสภาเตรียมสอบจริยธรรม "หมอ" ทำศัลยกรรม "สุรชัย" ชี้เทคนิคการแค่ "เฟซลิฟต์" ดึงหน้าขึ้นพ่วงฉีดโบท็อกซ์-ฟิลเลอร์ ไม่ใช่ "เฟซออฟ" ยันไม่ป้อง "หมอชลธิศ" หากมีการร้องให้สอบ ด้าน สบส.ลุยสอบ รพ.ศัลยกรรมให้ "สุรชัย" ฐานปล่อยให้มีการโฆษณา
วานนี้ (3 มี.ค.) ที่สตูดิโอช่อง2 ลาดพร้าว15 นายสุรชัย สมบัติเจริญ นักร้องชื่อดัง ได้เปิดแถลงข่าวภายหลังจากเข้าทำการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าผ่านโครงการ "เฟซออฟ ผ่าแหลก ศัลยกรรม 10 อย่างบนหน้ากระชากความแก่จาก 60 ให้เหลือ 35” ร่วมกับ ดร.เซปิง ไชยศาส์น เจ้าของโครงการและที่ปรึกษาด้านความงาม
โดย นายสุรชัย กล่าวว่า ก่อนจะมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมา ได้ปรึกษา ดร.เซปิง และคณะแพทย์ เพื่อวางแผนทำเพื่อความดูดีสดใสตามที่ตนต้องการ โดยได้เข้าทำการผ่าตัดเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ตามฤกษ์ที่ได้มาจากพระอาจารย์ ก่อนเข้าผ่าตัดได้ขอพร และหลวงพ่อหมู วัดทรงธรรม ได้ให้พรไว้ ก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัดก็ได้กราบเท้าแม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำทุกครั้งเมื่อต้องทำอะไรใหญ่ๆ แม่ยังแซวว่า จะเป็นสาวเหรอ ซึ่งตนก็ตอบไปว่า จะไปทำหล่อ
“อยากบอกว่า ผมมีความสุขมาก สำหรับผลการผ่าตัดมีความพอใจระดับหนึ่ง ผมอายุ 59 แล้ว ถ้าไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหน ก็แค่อยากมีความสุขเวลาต้องเจอแฟนละคร แฟนเพลง ทุกคนก็อยากได้รับคำชมเชยว่าดูดี ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติในการทำศัลยกรรมในครั้งนี้ ตอนนี้ถือว่า 80% แล้ว ใบหน้าไม่มีแผลอะไรแล้ว ที่ยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะกลัวเจอฝุ่น ต้องระบมอีก การพักที่โรงพยาบาล มีการดูแลทานยา ทานอาหารตรงเวลา 20 วัน ดูดีมาก แต่วันที่ 1 มี.ค. ก็ไม่คิดว่าเป็นวันที่ต้องเสียคุณแม่ไป" นายสุรชัย กล่าว
** ยัน “ดร.เซปิง” ไม่ได้พูดเกินจริง
นายสุรชัย กล่าวถึงกรณีที่ ดร.เซปิง ถูกกล่าวหาว่าโฆษณาเกินจริงว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคลของตนที่อยากเข้ากระบวนการศัลยกรรมโดยแพทย์ แต่กลับถูกกล่าวหา ก็รู้สึกว่าเป็นต้นเหตุหรือไม่ หลังจากทบทวน ก็ได้ตัดสินใจว่า จะปรากฏต่อสาธารณะอีกครั้งว่า จะจริงอย่างที่กล่าวหาหรือไม่ และในความเป็นจริงผู้ที่กล่าวหาทีมแพทย์ ควรจะเป็นตนมากกว่า ทั้งนี้ยืนยันว่า ดร.เซปิงไม่ได้พูดเกินจริง และทำให้ตนมีความสุขที่ได้พบกับแพทย์ที่ดี ได้รับการดูแลที่ดี นอกจากนี้ยังขอยืนยันว่าไม่ได้สร้างกระแส หรืออยากดัง แต่เป็นความต้องการของตนที่อยากทำ ก็ได้วางแผนร่วมกับทีมแพทย์ ว่า ไม่ได้อยากให้กระชากวัยลงมาเท่าลูก และเป็นการลบนริ้วรอยบนใบหน้า คิ้ว ตา จมูก คาง ปาก ก็ยังเป็นของเดิม แต่ได้แก้ไขในส่วนที่เป็นปัญหา คือ ริ้วรอย ใต้ตาที่มีรอยเป็นจำนวนมาก หลังจากทำก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัดสินใจผิด
“ความจริงแล้ว ระยะเวลา 20 วัน หลังจากที่ผ่าตัด จริงๆ ยังไม่ถึงเวลาที่จะเอามาให้ท่านดู แต่วันนี้ เป็นวันที่ต้องไปงานอาบศพ คุณแม่ที่เสียชีวิต คิดว่าผู้สื่อข่าวคงตามไปทำข่าวกันมากมาย ก็จึงต้องแถลงข่าวให้ได้ทราบจากปากก่อน" นายสุรชัย กล่าว
** “ดร.เซปิง” ลุยเอาเรื่อง “หมอชลธิศ”
ด้าน ดร.เซปิง กล่าวเสริมว่า สังคมคงรู้แล้วว่า สิ่งที่ตนพูดไม่ได้เกินความจริง เพราะคำตอบของคำว่าเฟซออฟคือ นายสุรชัยที่เข้ารับการทำศัลยกรรมมีความพอใจ ซึ่งในวันที่ 4 มี.ค.นี้จะเดินทางเข้าไปพบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตามที่ได้มีหนังสือเชิญมา และในวันที่ 7 มี.ค.นี้จะเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) บุคคโล ในกรณีที่มีผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมใบหน้ากับแพทย์ แต่แพทย์ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการ แต่กลับให้พยาบาลและคนอื่นดำเนินการแทน ซึ่งนอกจากจะไปแจ้งความแล้ว จะเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขให้ดำเนินการกับ ผศ.นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย และผู้ที่ผ่าตัดให้ผู้ทำศัลยกรรมแทน
"ได้ปรึกษากับทีมทนายความมาอย่างดีแล้ว จึงตัดสินใจออกมาปกป้องสิทธิผู้บริโภคที่ทำศัลยกรรมในเมืองไทย อยากให้วงการศัลกรรมความงามของไทยให้ความสนใจกับเรื่องนี้ เพราะเป็นสิ่งสำคัญกับความปลอดภัยของผู้บริโภค” ดร.เซปิงกล่าว
** สบส.ชี้โฆษณาโอ้อวดเกินจริง
อีกด้าน น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ผลการทำศัลยกรรมของนายสุรชัย พบว่า มีใบหน้าเต่งตึงก็ไม่เกินความคาดหมาย เช่นเดียวกับผลการทำศัลยกรรมปกติรายอื่นๆ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเลือกทำได้ อย่างไรก็ตาม การโฆษณาว่า กระชากวัยจาก 60 ปี เหลือ 30 ปีก็ยังเข้าข่ายการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงให้แก่สถานพยาบาลที่ทำศัลยกรรมให้แก่นายสุรชัย แม้สถานพยาบาลแห่งนั้นจะไม่ได้โฆษณาด้วยตนเองก็ตาม และมิได้มีการทักท้วงหรือปฏิเสธ จึงเข้าข่ายรู้เห็น ยินยอมด้วย มีความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 11 พ.ศ. 2546 เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการโฆษณาสถานพยาบาล โดยจะนำข้อมูลเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการการโฆษณาสถานพยาบาลในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 13.00 น. พร้อมกับกรณี พญ.อาภรณ์ ไชยเครื่อง หรือหมอไก่ ที่ให้ข้อมูลโอ้อวดสถานพยาบาล At Medical Clinic ในรายการตื่นมาคุย ว่า “ทำแล้วสวยทุกคน” และ “ถ้ามาที่คลินิกเคสที่ออกไปจะสวยทุกเคส”
"หากผลการตัดสินว่ามีการกระทำผิด จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีดำเนินการเปรียบเทียบปรับ 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยุติการเผยแพร่โฆษณา ส่วนกรณี ดร.เซปิง จะร้องเรียนสถานพยาบาลที่ให้พยาบาลทำการศัลยกรรมแทนแพทย์นั้น สบส.พร้อมจะรับเรื่องร้องเรียน และจะเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน หากมีความผิดก็จะดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย" อธิบดี สบส. กล่าว
** แพทยสภาระบุแค่ดึงหน้าไม่ใช่ "เฟซออฟ"
ขณะที่ นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารแพทยสภาเห็นชอบให้ส่งชื่อแพทย์ที่ทำศัลยกรรมให้นายสุรชัย กับผู้ดำเนินการสถานพยาบาล รวมถึงกรณีแพทย์หญิงที่ไปออกรายการและมีการพูดที่เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง เข้าสู่คณะอนุกรรมการจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม โดยจะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ก่อนในวันที่ 10 มี.ค.นี้ เพื่อพิจารณาเรื่องของจริยธรรม ซึ่งโทษนั้นจะมี 4 ระดับคือ ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาต และเพิกถอนใบอนุญาต ทั้งนี้ หากพบว่ามีความผิดฐานโฆษณา ส่วนใหญ่โทษจะเป็นเรื่องของการตักเตือน แต่หากกระทำผิดซ้ำก็จะมีการเพิ่มโทษมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ดร.เซปิง และทนายยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการเฟซออฟต่อ เนื่องจากเป็นคนละความหมายกับทางการแพทย์ และไม่ได้เป็นการโฆษณาเกินจริง นพ.สัมพันธ์ กล่าวว่า การโฆษณาเกินจริงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ สคบ. เพราะเฟซออฟก็ไม่ได้มีการบัญญัติไว้ในกฎหมาย แต่แพทยสภามีหน้าที่ให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องทางการแพทย์ต่อประชาชน
"ส่วนตัวผมมองว่าการทำศัลยกรรมของคุณสุรชัย เป็นการทำเฟซลิฟต์ (Face Lift) คือการดึงหน้าให้ตึงขึ้น ทั้งส่วนของหน้าผาก การดึงแก้มไปซ่อนที่หลังหู นอกจากนี้ ยังมีการทำตา ฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ไม่ให้เกิดร่องลึกและฟิลเลอร์ให้เต่งตึงและดูดีขึ้น ซึ่งตรงนี้จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ซึ่งขอยินดีกับคุณสุรชัยที่พอใจกับผลการทำศัลยกรรมในครั้งนี้ และชื่นชมผลงานที่ออกมา สะท้อนให้เห็นว่าหมอไทยเก่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริม แต่การส่งเสริมต้องไม่ใช่การหลอกลวง หรือการโฆษณาชวนเชื่อเกินไป" นพ.สัมพันธ์ กล่าว.
วานนี้ (3 มี.ค.) ที่สตูดิโอช่อง2 ลาดพร้าว15 นายสุรชัย สมบัติเจริญ นักร้องชื่อดัง ได้เปิดแถลงข่าวภายหลังจากเข้าทำการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าผ่านโครงการ "เฟซออฟ ผ่าแหลก ศัลยกรรม 10 อย่างบนหน้ากระชากความแก่จาก 60 ให้เหลือ 35” ร่วมกับ ดร.เซปิง ไชยศาส์น เจ้าของโครงการและที่ปรึกษาด้านความงาม
โดย นายสุรชัย กล่าวว่า ก่อนจะมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมา ได้ปรึกษา ดร.เซปิง และคณะแพทย์ เพื่อวางแผนทำเพื่อความดูดีสดใสตามที่ตนต้องการ โดยได้เข้าทำการผ่าตัดเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ตามฤกษ์ที่ได้มาจากพระอาจารย์ ก่อนเข้าผ่าตัดได้ขอพร และหลวงพ่อหมู วัดทรงธรรม ได้ให้พรไว้ ก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัดก็ได้กราบเท้าแม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำทุกครั้งเมื่อต้องทำอะไรใหญ่ๆ แม่ยังแซวว่า จะเป็นสาวเหรอ ซึ่งตนก็ตอบไปว่า จะไปทำหล่อ
“อยากบอกว่า ผมมีความสุขมาก สำหรับผลการผ่าตัดมีความพอใจระดับหนึ่ง ผมอายุ 59 แล้ว ถ้าไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหน ก็แค่อยากมีความสุขเวลาต้องเจอแฟนละคร แฟนเพลง ทุกคนก็อยากได้รับคำชมเชยว่าดูดี ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติในการทำศัลยกรรมในครั้งนี้ ตอนนี้ถือว่า 80% แล้ว ใบหน้าไม่มีแผลอะไรแล้ว ที่ยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะกลัวเจอฝุ่น ต้องระบมอีก การพักที่โรงพยาบาล มีการดูแลทานยา ทานอาหารตรงเวลา 20 วัน ดูดีมาก แต่วันที่ 1 มี.ค. ก็ไม่คิดว่าเป็นวันที่ต้องเสียคุณแม่ไป" นายสุรชัย กล่าว
** ยัน “ดร.เซปิง” ไม่ได้พูดเกินจริง
นายสุรชัย กล่าวถึงกรณีที่ ดร.เซปิง ถูกกล่าวหาว่าโฆษณาเกินจริงว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคลของตนที่อยากเข้ากระบวนการศัลยกรรมโดยแพทย์ แต่กลับถูกกล่าวหา ก็รู้สึกว่าเป็นต้นเหตุหรือไม่ หลังจากทบทวน ก็ได้ตัดสินใจว่า จะปรากฏต่อสาธารณะอีกครั้งว่า จะจริงอย่างที่กล่าวหาหรือไม่ และในความเป็นจริงผู้ที่กล่าวหาทีมแพทย์ ควรจะเป็นตนมากกว่า ทั้งนี้ยืนยันว่า ดร.เซปิงไม่ได้พูดเกินจริง และทำให้ตนมีความสุขที่ได้พบกับแพทย์ที่ดี ได้รับการดูแลที่ดี นอกจากนี้ยังขอยืนยันว่าไม่ได้สร้างกระแส หรืออยากดัง แต่เป็นความต้องการของตนที่อยากทำ ก็ได้วางแผนร่วมกับทีมแพทย์ ว่า ไม่ได้อยากให้กระชากวัยลงมาเท่าลูก และเป็นการลบนริ้วรอยบนใบหน้า คิ้ว ตา จมูก คาง ปาก ก็ยังเป็นของเดิม แต่ได้แก้ไขในส่วนที่เป็นปัญหา คือ ริ้วรอย ใต้ตาที่มีรอยเป็นจำนวนมาก หลังจากทำก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัดสินใจผิด
“ความจริงแล้ว ระยะเวลา 20 วัน หลังจากที่ผ่าตัด จริงๆ ยังไม่ถึงเวลาที่จะเอามาให้ท่านดู แต่วันนี้ เป็นวันที่ต้องไปงานอาบศพ คุณแม่ที่เสียชีวิต คิดว่าผู้สื่อข่าวคงตามไปทำข่าวกันมากมาย ก็จึงต้องแถลงข่าวให้ได้ทราบจากปากก่อน" นายสุรชัย กล่าว
** “ดร.เซปิง” ลุยเอาเรื่อง “หมอชลธิศ”
ด้าน ดร.เซปิง กล่าวเสริมว่า สังคมคงรู้แล้วว่า สิ่งที่ตนพูดไม่ได้เกินความจริง เพราะคำตอบของคำว่าเฟซออฟคือ นายสุรชัยที่เข้ารับการทำศัลยกรรมมีความพอใจ ซึ่งในวันที่ 4 มี.ค.นี้จะเดินทางเข้าไปพบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตามที่ได้มีหนังสือเชิญมา และในวันที่ 7 มี.ค.นี้จะเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) บุคคโล ในกรณีที่มีผู้เข้ารับการทำศัลยกรรมใบหน้ากับแพทย์ แต่แพทย์ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการ แต่กลับให้พยาบาลและคนอื่นดำเนินการแทน ซึ่งนอกจากจะไปแจ้งความแล้ว จะเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขให้ดำเนินการกับ ผศ.นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย และผู้ที่ผ่าตัดให้ผู้ทำศัลยกรรมแทน
"ได้ปรึกษากับทีมทนายความมาอย่างดีแล้ว จึงตัดสินใจออกมาปกป้องสิทธิผู้บริโภคที่ทำศัลยกรรมในเมืองไทย อยากให้วงการศัลกรรมความงามของไทยให้ความสนใจกับเรื่องนี้ เพราะเป็นสิ่งสำคัญกับความปลอดภัยของผู้บริโภค” ดร.เซปิงกล่าว
** สบส.ชี้โฆษณาโอ้อวดเกินจริง
อีกด้าน น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ผลการทำศัลยกรรมของนายสุรชัย พบว่า มีใบหน้าเต่งตึงก็ไม่เกินความคาดหมาย เช่นเดียวกับผลการทำศัลยกรรมปกติรายอื่นๆ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะเลือกทำได้ อย่างไรก็ตาม การโฆษณาว่า กระชากวัยจาก 60 ปี เหลือ 30 ปีก็ยังเข้าข่ายการโฆษณาโอ้อวดเกินจริงให้แก่สถานพยาบาลที่ทำศัลยกรรมให้แก่นายสุรชัย แม้สถานพยาบาลแห่งนั้นจะไม่ได้โฆษณาด้วยตนเองก็ตาม และมิได้มีการทักท้วงหรือปฏิเสธ จึงเข้าข่ายรู้เห็น ยินยอมด้วย มีความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 11 พ.ศ. 2546 เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการโฆษณาสถานพยาบาล โดยจะนำข้อมูลเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการการโฆษณาสถานพยาบาลในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 13.00 น. พร้อมกับกรณี พญ.อาภรณ์ ไชยเครื่อง หรือหมอไก่ ที่ให้ข้อมูลโอ้อวดสถานพยาบาล At Medical Clinic ในรายการตื่นมาคุย ว่า “ทำแล้วสวยทุกคน” และ “ถ้ามาที่คลินิกเคสที่ออกไปจะสวยทุกเคส”
"หากผลการตัดสินว่ามีการกระทำผิด จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดีดำเนินการเปรียบเทียบปรับ 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยุติการเผยแพร่โฆษณา ส่วนกรณี ดร.เซปิง จะร้องเรียนสถานพยาบาลที่ให้พยาบาลทำการศัลยกรรมแทนแพทย์นั้น สบส.พร้อมจะรับเรื่องร้องเรียน และจะเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน หากมีความผิดก็จะดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย" อธิบดี สบส. กล่าว
** แพทยสภาระบุแค่ดึงหน้าไม่ใช่ "เฟซออฟ"
ขณะที่ นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารแพทยสภาเห็นชอบให้ส่งชื่อแพทย์ที่ทำศัลยกรรมให้นายสุรชัย กับผู้ดำเนินการสถานพยาบาล รวมถึงกรณีแพทย์หญิงที่ไปออกรายการและมีการพูดที่เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง เข้าสู่คณะอนุกรรมการจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม โดยจะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ก่อนในวันที่ 10 มี.ค.นี้ เพื่อพิจารณาเรื่องของจริยธรรม ซึ่งโทษนั้นจะมี 4 ระดับคือ ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาต และเพิกถอนใบอนุญาต ทั้งนี้ หากพบว่ามีความผิดฐานโฆษณา ส่วนใหญ่โทษจะเป็นเรื่องของการตักเตือน แต่หากกระทำผิดซ้ำก็จะมีการเพิ่มโทษมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ดร.เซปิง และทนายยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการเฟซออฟต่อ เนื่องจากเป็นคนละความหมายกับทางการแพทย์ และไม่ได้เป็นการโฆษณาเกินจริง นพ.สัมพันธ์ กล่าวว่า การโฆษณาเกินจริงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ สคบ. เพราะเฟซออฟก็ไม่ได้มีการบัญญัติไว้ในกฎหมาย แต่แพทยสภามีหน้าที่ให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องทางการแพทย์ต่อประชาชน
"ส่วนตัวผมมองว่าการทำศัลยกรรมของคุณสุรชัย เป็นการทำเฟซลิฟต์ (Face Lift) คือการดึงหน้าให้ตึงขึ้น ทั้งส่วนของหน้าผาก การดึงแก้มไปซ่อนที่หลังหู นอกจากนี้ ยังมีการทำตา ฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ไม่ให้เกิดร่องลึกและฟิลเลอร์ให้เต่งตึงและดูดีขึ้น ซึ่งตรงนี้จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ซึ่งขอยินดีกับคุณสุรชัยที่พอใจกับผลการทำศัลยกรรมในครั้งนี้ และชื่นชมผลงานที่ออกมา สะท้อนให้เห็นว่าหมอไทยเก่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริม แต่การส่งเสริมต้องไม่ใช่การหลอกลวง หรือการโฆษณาชวนเชื่อเกินไป" นพ.สัมพันธ์ กล่าว.