xs
xsm
sm
md
lg

สบส.ฟัน “รพ.ศัลยกรรมตกแต่งกมล” ผิดโฆษณา “เฟซออฟ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รพ.ศัลยกรรมตกแต่งกมล ผิดชัดโฆษณา “เฟซออฟ” เอง พร้อมยินยอมให้ “เซปิง” โฆษณาแทน เตรียมส่งคณะกรรมการเปรียบเทียบคดี 7 มี.ค. ด้าน “หมอชลธิศ” รูดซิปปากหลังคู่กรณีเตรียมแจ้งความให้พยาบาลทำศัลยกรรมแทน

วันนี้ (4 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. มีการประชุมคณะอนุกรรมการโฆษณาสถานพยาบาล กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) โดยมีวาระการพิจารณาในประเด็นความผิดการโฆษณาสถานพยาบาลของโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล กรณียินยอมให้มีการโฆษณาสถานพยาบาล เนื่องจากเป็นสถานพยาบาลที่ทำศัลยกรรมเสริมความงามให้แก่ นายสุรชัย สมบัติเจริญ นักร้องลูกทุ่ง ในโครงการเฟซออฟ ผ่าแหลก ศัลยกรรม 10 อย่างบนหน้ากระชากความแก่จาก 60 ให้เหลือ 35 โดย ดร.เซปิง และสถานพยาบาล At Medical Clinic จากกรณี พญ.อาภรณ์ ไชยเครื่อง ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกได้ไปออกรายการ “ตื่นมาคุย” โดยพูดถึงการทำศัลยกรรมตาว่า ทำแล้วสวยทุกราย ซึ่งเข้าข่ายการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง

ต่อมา เวลา 15.45 น. น.ต.นพ.บุญเรืองไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วย ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สบส. ได้เปิดเผยถึงผลการประชุม โดย น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าวว่า จากการพิจารณาที่ประชุมคณะอนุฯ ได้มีข้อสรุปว่า โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล มีการยินยอมให้มีการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณบริการเสริมความงาม เนื่องจากไม่ได้มีการทักท้วงหรือปฏิเสธ การโฆษณาประชาสัมพันธ์เรื่องดังกล่าวเลย ซึ่งถือว่าผิดมาตรา 38 พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 11 พ.ศ. 2546 เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโฆษณาสถานพยาบาล โดยจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการเปรียบเทียบคดี ในวันที่ 7 มี.ค. 2559 เพื่อดำเนินการเปรียบเทียบปรับเป็นจำนวน 20,000 บาทต่อไป และจะปรับต่อวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยุติการเผยแพร่การโฆษณานั้น ซึ่งหากสถานพยาบาลจ่ายค่าปรับภายใน 30 วันก็เป็นอันยุติคดี แต่หากไม่ยินยอมก็จะพิจารณาทำเรื่องส่งฟ้องศาลต่อไป

ทพ.อาคม กล่าวว่า สถานพยาบาลดังกล่าวมีความผิดทั้งการโฆษณาเองและยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณาโดยไม่มีการทักท้วง ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า เฟซบุ๊กของโรงพยาบาลนั้นมีการลงรูปภาพงานแถลงข่าวโครงการเฟซออฟ รวมถึงมีการระบุว่าติดตามความคืบหน้าโครงการผ่าตัดที่หมายเลข และเฟซบุ๊กด้วย แม้จะมีการลบโพสต์ไปแล้ว แต่จากการสืบค้นผ่านกูเกิลก็ยังคงพบอยู่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเว็บไซต์ของโรงพยาบาลมีการเชื่อมโยงลิงก์มายังเฟซบุ๊กดังกล่าว จึงถือว่าเป็นเฟซบุ๊กของโรงพยาบาลจริง เท่ากับว่า เป็นการโฆษณาเอง ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 38 พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ส่วนกรณียินยอมให้ผู้อื่นโฆษณาเกินจริงโดยพบว่าในการโฆษณาเกินจริงมีการแสดงให้เห็นภาพภายในอาคารสถานพยาบาลที่ทำการผ่าตัดให้คุณสุรชัย มีแพทย์คอยให้คำปรึกษา และพยาบาลคอยให้บริการ ซึ่งไม่สามารถออกสื่อได้ เนื่องจากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 11 และไม่มีการออกมาทักท้วงแต่อย่างใด สำหรับการเปรียบเทียบปรับนั้นจะเริ่มตั้งแต่ทำหนังสือไปยังคณะกรรมการเปรียบเทียบคดี และทำหนังสือแจ้งไปยังสถานพยาบาลดังกล่าว ส่วนปรับวันละ 10,000 บาทจนกว่าจะยุติการเผยแพร่การโฆษณานั้น จะพิจารณาว่าสถานพยาบาลได้มีการแสดงการทักท้วงการโฆษณานั้นแล้วหรือไม่ โดยยื่นหลักฐานการทักท้วงมายัง สบส.

เมื่อถามว่า จะมีการส่งข้อมูลไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ด้วยหรือไม่ เนื่องจาก สคบ. ยังไม่สามารถพิจารณาได้ว่า ดร.เซปิง ไชยศาส์น มีความผิดฐานโฆษณาเกินจริงหรือไม่ น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าวว่า จะมีการส่งข้อมูลการพิจารณานี้ให้แก่ สคบ. ด้วย ซึ่งในการประชุมคณะอนุฯ ทาง สคบ.ก็มีส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมเช่นกัน ซึ่งชัดเจนว่าคำว่าเฟซออฟเป็นการประชาสัมพันธ์สื่อถึงกระบวนการทำให้หนุ่มสาวขึ้น ลดวัยมาได้ 20 กว่าปี เป็นการสื่อความหายถึงกระบวนการทำศัลยกรรมที่แปลกใหม่ สร้างความหวังให้แก่ประชาชน ทั้งที่วิธีการทำไม่ได้แปลกใหม่เลย และไม่มีหลักฐานทางวิชาการว่าจะสามารถลดวัยได้มากขนาดนั้น ทำให้ประชาชนสับสน และเข้าใจคลาดเคลื่อน

ด้าน นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณี ดร.เซปิง เตรียมแจ้งความกรณี นพ.ชลธิศ ไม่ได้ทำศัลยกรรมด้วยตนเอง แต่ให้พยาบาลเป็นผู้ดำเนินการแทน ว่า ถือเป็นสิทธิของ ดร.เซปิง ส่วนตนไม่ขอออกความเห็นทุกกรณี เนื่องจากไม่อยากให้เกิดปรากฏการณ์โต้ไปโต้มา เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์รายวัน ช่วงนี้ขอไม่ออกความเห็นใด ๆ อีก ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายที่มีการดำเนินการอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เห็นใบหน้าของนายสุรชัย แล้วเป็นลักษณะของการทำศัลยกรรมแบบเฟซออฟหรือไม่ นพ.ชลธิศ กล่าวว่า ตนไม่ได้ติดตามข่าวสารใด ๆ ในช่วงนี้ แม้แต่ข่าวของนายสุรชัยก็ไม่ได้ติดตาม จึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีการทำศัลยกรรมแบบใดบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นพ.ชลธิศ เป็นผู้ทำศัลยกรรมเอง หรือมีแพทย์ที่สถานพยาบาลทั้งหมดกี่คน นพ.ชลธิศ กล่าวว่า เนื่องจากยังไม่มียังไม่มีการแจ้งความหรือเกิดเรื่องเกิดราวอะไรขึ้นมา ดังนั้น ตนจึงไม่ขอตอบคำถาม และตอนนี้ยังไม่ได้แต่งตั้งทนายความขึ้นมาแต่อย่างใด





ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น