บอร์ด สสส. เห็นชอบผู้ทรงคุณวุฒิใหม่ 7 คน เตรียมเสนอ ครม. แต่งตั้งสัปดาห์หน้า พบ “หมอวีระพันธ์” นั่งรองประธานบอร์ดคนที่ 2 ยันทุกคนไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน เผยลงนามแก้ระเบียบ สสส. แล้ว เตรียมรายงานนายกฯ ขอปลดล็อกการสกรีนโครงการรับทุน สสส. เกิน 5 ล้านบาท
วันนี้ (19 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น. ในการประชุมคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ด สสส.) มีวาระในการพิจารณาคัดเลือกคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. คนใหม่ ทดแทนคนเดิมจำนวน 7 คน ที่โดนปลดจากตำแหน่ง จากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ลงนามโดยหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ด สสส. กล่าวภายหลังการประชุม ว่า คณะกรรมการสรรหารองประธานบอร์ด สสส. คนที่ 2 และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. ที่มี ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม เป็นประธาน ได้ดำเนินการตามกระบวนการสรรหาและสรุปรายชื่อผู้ได้รับการสรรหาจำนวน 14 คน จากผู้สนใจสมัครเข้ามารับการสรรหาถึง 124 คน เพื่อเสนอให้บอร์ด สสส. คัดเลือกด้วยวิธีการลงคะแนนลับให้เหลือ 7 คน ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว คัดเลือกให้ นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข และอดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มและขับเคลื่อนการป้องกันอุบัติเหตุการจราจรของ จ.ขอนแก่น จนเป็นต้นแบบการจัดการอุบัติเหตุทางถนนของทั่วประเทศ ดำรงตำแหน่งรองประธานบอร์ด สสส. คนที่ 2 ซึ่งโดยตำแหน่งจะได้เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้วย
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ส่วนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ อีก 6 ท่าน ได้แก่ 1. นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสร้างเสริมสุขภาพ 2. นางสุวรรณี คำมั่น อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการพัฒนาชุมชน 3. นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาการศึกษาด้านการสื่อสารมวลชน เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสื่อมวลชน 4. รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก อาจารย์ประจำหลักสูตรวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการกีฬา 5. นายสรรพสิทธิ์ คุมประพันธ์ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านศิลปวัฒนธรรม และ 6. นายสัมพันธ์ ศิลปะนาฏ รองประธานผู้จัดการ บริษัท เอชจีเอชที (ประเทศไทย) จำกัด เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการบริหาร หลังจากนี้ จะนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งต่อไป โดยยืนยันว่า ทั้ง 7 คนไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะระเบียบใหม่ที่แก้ไขระบุชัดเจนห้ามกรรมการมีส่วนได้เสียกับมูลนิธิที่รับทุน สสส.
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า สำหรับการปลดล็อกการอนุมัติงบประมาณสนับสนุนให้แก่ภาคีเครือข่าย สสส. นั้น ล่าสุด ตนได้ลงนามแก้ไขระเบียบข้อบังคับของ สสส. จำนวน 15 ฉบับ ตามที่คณะกรรมการพิจารณาเสนอความเห็นในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายลำดับรองของ สสส. ที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งขึ้นแล้ว และรายงานไปยังนายกรัฐมนตรีรับทราบ ผ่านคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) เพื่อพิจารณายกเลิกมาตรการควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณของ สสส. ซึ่งอยู่ระหว่างการนำเสนอ คาดว่า ภายในสัปดาห์หน้าหากนายกฯ พิจารณาเห็นชอบ ส่งผลให้การใช้จ่ายงบประมาณของ สสส. กลับเป็นปกติ สามารถเบิกจ่ายงบโครงการต่าง ๆ ที่มีวงเงินเกิน 5 ล้านบาทได้เองทั้งหมด เพราะถือว่า สสส. ได้มีการแก้ไขข้อบังคับตามที่มีการท้วงติงเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องนำเสนอ คตร.พิจารณาก่อนอนุมัติงบ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบในส่วนนี้ได้
“ผมได้มอบให้ ทพ.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. ไปหารือร่วมกับกรมสรรพากร ถึงสถานการณ์เรียกเก็บภาษีอากรจากการทำงานสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อทำความเข้าใจหรือปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคีฯ 4,184 โครงการในปัจจุบัน รวมถึงเมื่อมีคณะกรรมการครบทั้งหมดแล้ว จะมีการหารือเพื่อจัดทำแนวทางในการพิจารณาอนุมัติโครงการต่าง ๆ ที่ขอรับงบประมาณสนับสนุนจากสสส. เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับใหม่ที่มีการแก้ไขแล้ว” พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวและว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานกองทุน สสส. ประจำปีงบประมาณ 2558 ที่ประเมินโดยคณะกรรมการประเมินผลกองทุนฯ ตามที่ ครม. แต่งตั้งขึ้น โดยมี รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ เป็นประธาน ซึ่งได้ประเมินตามตัวชี้วัดองค์กรใน 5 ด้าน คือ ผลสัมฤทธิ์ การเงิน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ปฏิบัติการ และการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน มีผลการดำเนินงานอยู่ที่ 4.33 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีข้อเสนอให้ สสส. หาแนวทางสื่อสารกระบวนการทำงานขององค์กรเพื่อสร้างความเข้าใจกับสังคม และควรขยายผลงาน หรือนวัตกรรมที่สำคัญของ สสส. ไปสู่หน่วยงานต่าง ๆ ที่มีหน้าที่หลักในการพัฒนาสุขภาวะเพื่อขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
สำหรับประวัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. ทั้ง 7 คนที่ได้รับเลือกใหม่นั้น นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ เคยเป็นผู้อำนวยการ รพ.ขอนแก่น และผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข สมัยที่ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน เป็น รมว.สาธารณสุข นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ รองประธานกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส. ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายกสมาคมระบาดวิทยา (ประเทศไทย) นางสุวรรณี คำมั่น ประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 4 ของ สสส. กรรมการมูลนิธิสถาบันและพัฒนาประเทศไทยตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และอดีตเลขาธิการมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาประเทศไทยตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการบริหารคณะที่ 1 ของ สสส. คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการศึกษาด้านการสื่อสารมวลชน กระทรวงศึกษาธิการ และกรรมการสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก กรรมการบริหารแผนคณะที่ 5 ของ สสส. อาจารย์ประจำหลักสูตรวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล และ รอง ผอ.รพ.เทพธารินทร์ นายสรรพสิทธิ์ คุมประพันธ์ ประธานมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก รองประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อนหญิง กรรมการเหรัญญิกมูลนิธิพัฒนาคุ้มครองเด็ก และนายสัมพันธ์ ศิลปนาฏ กรรมการคณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 4 ของ สสส. รองประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัท เอชจีเอชที (ประเทศไทย) จำกัด และอดีตรองประธานฝ่ายการผลิตบริษัท เวสเทิร์นดิจิตอล (ประเทศไทย และ มาเลเซีย)
ทั้งนี้ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. ที่ถูกปลด ด้วยคำสั่งหัวหน้า คสช. จากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ประกอบด้วย นพ.วิชัย โชควิวัฒน นายสงกรานต์ ภาคโชคดี นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นายสมพร ใช้บางยาง รศ.ประภาภัทร นิยม นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ และ นายวิเชียร พงศธร ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่า การปลดครั้งนี้เกี่ยวเนื่องกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในแง่การดำรงตำแหน่งในมูลนิธิอื่น ๆ หรือไม่ ขณะที่กลุ่มคัดค้านมองว่าไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และยังอยู่ระหว่างปรับแก้กฎระเบียบการดำเนินการของ สสส. ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
