ไทย-สปป.ลาวย้ำพร้อมรับมือควบคุมโรคติดต่อตามแนวชายแดน

หนองคาย - รองอธิบดีกรมควบคุมโรคของไทย และรองอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ สปป.ลาว จัดเวิร์กชอปโรคติดต่อตามแนวชายแดน 2 ประเทศ เผยพร้อมรับมือโรคติดต่อและโรคอุบัติใหม่ตามแนวชายแดน ย้ำสองฝ่ายร่วมมือทำงานด้วยดีตลอด 10 ปีไม่มีปัญหา

วันนี้ (22 ก.ย. 58) ที่ห้องประชุมโรงแรมอัศวรรณ อ.เมืองหนองคาย นายแพทย์ อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ ดร.สีบุนโฮม อัควง รองอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุขลาว ร่วมกันเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อสรุปผลการดำเนินงานโครงการสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมสำหรับโรคติดต่อและโรคอุบัติใหม่ตามแนวชายแดน ระหว่างจังหวัดหนองคาย กับนครหลวงเวียงจันทน์

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคายได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จากกรมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดำเนินงานโครงการสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมสำหรับโรคติดต่อ โดยมีผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล และนักวิชาการทั้งไทยและลาวเข้าร่วมประชุม

นายแพทย์ อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จ.หนองคาย กับนครหลวงเวียงจันทน์ ได้ร่วมมือด้านสาธารณสุขชายแดนทั้งในด้านการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จัดซ้อมแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน แลกเปลี่ยนข้อมูลการรายงานสอบสวนโรคร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้โรคติดต่อแพร่ระบาดและโรคอุบัติใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน

ประกอบกับจังหวัดหนองคายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และในนครหลวงเวียงจันทน์ก็มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเช่นกัน จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย มีรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ และข้ามไปยัง สปป.ลาว และจีนในอนาคต สิ่งเหล่านี้ส่งผลดีในด้านเศรษฐกิจ แต่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งในด้านการระบาดของโรคติดต่อ โรคอุบัติใหม่ การนำเข้าอาหารและยาไม่ปลอดภัยหรือภัยสุขภาพต่างๆ อาจมีขึ้นได้

ด้าน ดร.สีบุนโฮม อัควง รองอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุขลาว กล่าวว่า ลาวเป็นประเทศเล็กๆ ที่ต้องร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งในอาเซียนด้วยกันและองค์กรสากลระหว่างประเทศในการสนับสนุนภารกิจดูแลงานสาธารณสุข โดยเฉพาะกับประเทศไทยที่มีชายแดนติดต่อกันหลายแขวง หลายจังหวัด ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือป้องกันและควบคุมโรคต่างๆ เป็นอย่างดี รวมถึงให้ความรู้แก่ประชาชน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีศักยภาพเพิ่มขึ้น จากความร่วมมืออันดีที่ผ่านมาทำให้การป้องกันและควบคุมโรคเป็นไปด้วยดี