ไทยจ่อขึ้นทะเบียน "วัคซีนไข้เลือดออก" หลังฟิลิปปินส์ บราซิล เม็กซิโก ไฟเขียวขึ้นทะเบียนแล้ว เผยประสิทธิภาพป้องกันได้ 60% ลดความรุนแรง 80% ย้ำควรใช้ควบคู่มาตรการอื่น
นพ.จรุง เมืองชนะ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวถึงกรณีข่าวประเทศฟิลิปปินส์ขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกว่า วัคซีนดังกล่าวเป็นของบริษัท ซาโนฟี่ ปาสเตอร์ ซึ่งมีการวิจัยพัฒนามานาน และประเทศไทยก็ร่วมศึกษาด้วย ที่ผ่านมาทางบริษัทได้นำวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ซึ่งเป็นการป้องกันไวรัสเด็งกี 4 สายพันธุ์ ไปขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของแต่ละประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ซึ่งระยะเวลาอาจช้าเร็วไม่เหมือนกัน โดยปัจจุบันมีประเทศที่ขึ้นทะเบียนวัคซีนไข้เลือดออก คือ ฟิลิปปินส์ บราซิล และเม็กซิโก
"หากขึ้นทะเบียนแล้วก็จะสามารถประกาศใช้วงกว้างได้ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยนั้น "วัคซีนไข้เลือดออก" เป็นวัคซีนที่อยู่ในแผนวาระแห่งชาติด้านวัคซีน เป็นวัคซีนที่ได้รับการสนับสนุนการวิจัยตั้งแต่ต้นน้ำเพื่อให้สามารถนำไปผลิตในเชิงอุตสาหกรรม"นพ.จรุง กล่าวและว่า สำหรับประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันได้ประมาณร้อยละ 60 คือ 100 คน จะมี 60 คนที่ป้องกันได้ ส่วนที่เหลืออีก 40 คนก็ไม่ต้องกังวล เนื่องจากยังมีประสิทธิภาพลดความรุนแรงของโรคได้อีกร้อยละ 80 ซึ่งการฉีดวัคซีนจะใช้ 3 เข็มในกลุ่มอายุ 9-45 ปี เพราะช่วงอายุต่ำกว่า 9 ปีประสิทธิภาพยังไม่ชัดมาก ขณะที่อายุมากกว่า 45ปี ไม่มีข้อมูลวิจัย ตนมองว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพราะการป้องกันไข้เลือดออกจากยุงลายนั้น ต้องมีมาตรการหลายอย่างควบคู่กันไป ทั้งการป้องกันยุง กำจัดลูกน้ำยุงลาย และวัคซีน
นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการ อย. กล่าวว่า วัคซีนนี้มีการขึ้นทะเบียนพร้อมกันไม่ต่ำกว่า 7ประเทศ ซึ่งไทยก็มีการยื่นเรื่องเช่นกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านคุณภาพ ด้านความปลอดภัย และด้านการวิจัยทางคลินิก ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ส่งความเห็นกลับมาให้แล้ว เหลือรอความคิดเห็นอื่นๆ หากครบก็จะมีการเสนอคณะอนุกรรมการด้านชีววัตถุพิจารณาต่อไป หากอนุมัติก็จะเสนอต่อคณะกรรมการ อย.ชุดใหญ่ เพื่ออนุมัติขึ้นทะเบียนได้ทันที โดยวัคซีนดังกล่าวน่าจะขึ้นทะเบียนได้ เพราะเป็นวัคซีนตัวแรก แม้ประสิทธิภาพอาจไม่ดีในบางสายพันธุ์ แต่ดีกว่าไม่มีเลย ส่วนจะพิจารณากระจายให้ประชาชนในวงกว้างหรือวงแคบ อยู่ที่กรมควบคุมโรค และกระทรวงสาธารณสุขพิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การควบคุมโรคไข้เลือดออก ขณะนี้ สธ.เน้นการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. - 13 เม.ย.นี้ เพื่อลดปริมาณยุงลายก่อนถึงฤดูกาลระบาด โดยให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรดำเนินการ 5 ส. 3. เก็บ โดย “5 ส.” คือ 1.สะสาง เก็บข้าวของให้ปลอดโปร่ง 2.สะดวก จัดวางหรือจัดเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบ 3.สะอาด การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานให้เรียบร้อย 4. สร้างมาตรฐาน คือ รักษามาตรฐาน 3ส.แรกให้ดี และ5.สร้างวินัย ปฏิบัติตามมาตรฐาน กฎระเบียบต่างๆ ที่ตั้งไว้อย่างสม่ำเสมอ ส่วน“3 เก็บ” ได้แก่ เก็บบ้าน ให้ปลอดโปร่งไม่ให้ยุงลายเกาะพัก เก็บขยะเศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย และเก็บน้ำ ปิดให้มิดชิดหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกสัปดาห์ไม่ให้ยุงลายวางไข่ โดยขอให้ทุกหน่วยงานสังกัด สธ.ทำทุกวันศุกร์
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่