อดีตบอร์ด สสส.ประสานเสียงไร้ทุจริต ตั้งข้อสงสัยถูกปลดระหว่างเลือกเก้าอี้กรรมการบอร์ด 1 ตำแหน่ง "สมพร" ยื่นร้องทุกข์นายกฯ ยันความบริสุทธิ์-รักษาศักดิ์ศรี "สงกรานต์" บี้ คสช.จัดการผลประโยชน์ทับซ้อนกระทรวงอื่น ชี้เหตุการณ์เอื้อคนคิด "เหล้า-บุหรี่" อยู่เบื้องหลัง
จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลดกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ด สสส.) จำนวน 7 คน ท่ามกลางข้อสงสัยจากหลายฝ่ายว่าอาจมีความพยายามในการล้ม สสส. โดยมีกลุ่มทุนบริษัทเหล้าและบุหรี่อยู่เบื้องหลังนั้น
วันนี้ (7 ม.ค.) นายสมพร ใช้บางยาง อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการกีฬา สสส. กล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและขอความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว เป็นการยืนยันความบริสุทธิ์และรักษาศักดิ์ศรีของตนเองว่าไม่มีการทุจริตใดๆ ตั้งแต่รับราชการมาจนกระทั่งเข้ามาทำงานกับ สสส. ซึ่งการเป็นบอร์ด สสส.ก็ไม่ได้มีข้อห้ามว่าเมื่อเป็นกรรมการมูลนิธิแล้วห้ามเป็นบอร์ด และช่วงที่เป็นกรรมการมูลนิธิและกรรมการ สสส. ก็ไม่เคยเอาตำแหน่งไปอนุมัติเงินใดๆ ให้มูลนิธิเลย ช่วงที่มีการพิจารณาโครงการของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ตนก็ไม่ได้เข้าร่วมพิจารณา ส่วนที่มีการระบุว่ามีขบวนการล้ม สสส.โดยมีบริษัทเหล้า บุหรี่อยู่เบื้องหลัง ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่วงในขนาดนั้น
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า การตรวจสอบ สสส.ของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไม่พบการทุจริต แต่มีข้อกังวลกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่อย่างกรณีของตนนั้นไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนเลย เพราะลาออกจากกรรมการมูลนิธิวิถีสุขตั้งแต่ปี 2551 และมาเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส.เพียงปีกว่าๆ เท่านั้น ส่วนการแก้ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน คสช.ควรทำทุกกระทรวงด้วย อย่างผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ไปเป็นบอร์ดของรัฐวิสาหกิจ/บริษัท ที่ทำกำไรจากธุรกิจพลังงาน มีผลประโยชน์ขัดกันชัดเจน เพราะผลตอบแทนขึ้นอยู่กับผลกำไรของรัฐวิสาหกิจ/บริษัท เช่น มีโบนัส ทำให้ราคาพลังงานขึ้นเร็ว ลงช้า มีผลกระทบกับทุกคนในสังคม คสช.รับทราบหรือไม่ เหตุใดไม่รีบแก้ไขให้รวดเร็วแบบ สสส. หรือมีเหตุผลอื่นที่ คสช.ต้องรีบจัดการ สสส.ด่วนกว่า ซึ่งคงห้ามไม่ให้คนที่ติดตามสถานการณ์คิดไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปลดในครั้งนี้มีคนคิดว่ามาจากกลุ่มธุรกิจเหล้า บุหรี่ จ้องล้ม สสส. ภก.สงกรานต์ กล่าวว่า คงมีคนคิด เพราะมีตัวอย่างจากในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย มีการตั้งองค์กรคล้าย สสส. ใช้งบจากภาษีเหล้า บุหรี่ แต่ธุรกิจก็หาช่องทางฟ้องร้องจนองค์กรล้มไป แต่ของไทยไม่มีหลักฐานและคงพูดแบบนั้นไม่ได้เต็มที่ เพียงแต่คงมีคนคิด อย่างไรก็ตาม องค์กรแบบ สสส.คนส่วนใหญ่ในสังคมได้ประโยชน์ มีแต่ธุรกิจที่ทำลายสุขภาพ ทำร้ายสังคมเท่านั้นที่เสียประโยชน์ และมันเกิดกระบวนการทำลายองค์กรแบบ สสส. มาในหลายประเทศแล้ว เพราะธุรกิจเหล่านี้มีกำลังทุนมหาศาล ที่จะทำอะไรต่ออะไรเกิดขึ้นในสังคมนี้ได้แน่นอน ส่วนตัวแอบคิดว่ากรณี สสส. อาจมีการสอดไส้เรื่อง สสส. มาในคำสั่งนี้ภายหลังหรือไม่
นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการด้านการสื่อสารมวลชน สสส. กล่าวว่า ตนไม่ทราบเหตุผลของคำสั่ง เพราะหากบอกว่า มาจากผลประโยชน์ทับซ้อนจากการนั่งกรรมการบอร์ดต่างๆ ข้อเท็จจริงคือ สสส.มีการกวดขันเข้มงวดมาก ไม่ให้มีการอนุมัติโครงการใดๆ ที่มีความทับซ้อนเลย อย่างตนก็ไม่เคยอนุมัติโครงการหรือมีส่วนอนุมัติโครงการใดๆ ที่ตนสังกัดอยู่ ยิ่งการประชุมบอร์ด สสส.ครั้งล่าสุด ก็มีมติให้แก้ระเบียบ สสส. กำหนดให้กรรมการที่มีตำแหน่งในบอร์ดอื่นตัดสินใจเลือกเพียงตำแหน่งเดียวภายใน 90 วัน ซึ่งกรรมการแต่ละท่านอยู่ระหว่างทยอยลาออกจากบอร์ดอื่น และเท่าที่ทราบมี 2 ท่านขอลาออกจากบอร์ด สสส.คือ นพ.วิชัย โชควิวัฒน และรศ. ประภาภัทร นิยม ส่วนตนอยู่ระหว่างลาออกจากตำแหน่งจากมูลนิธิองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย จึงไม่เข้าใจว่ายังไม่ทันให้เวลากรรมการได้ตัดสินใจก็กลับมีคำสั่ง อย่างไรก็ตาม คงไม่ชี้แจงกับทาง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) เพราะไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ส่วนคำถามที่ว่าอาจมีการแทรกแซงของธุรกิจเหล้า บุหรี่จ้องล้ม สสส. เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน เพราะเมื่อพิจารณาเหตุผลอื่นๆ ก็ไม่พบความน่าจะเป็น
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาชุมชน สสส. กล่าวว่า ตนไม่ทราบสาเหตุการโดนปลด แต่ไม่ได้ติดใจอะไร และการถูกปลดก็ไม่ใช่คดีทุจริต จึงมีความกังวล ต่อจากนี้คงทำงานที่มีอยู่ต่อไป ส่วนกรณีที่มีการระบุว่ามีบริษัทเหล้าบุหรี่พยายามจะล้ม สสส.นั้น ตนอยู่วงนอกจึงไม่ทราบและไม่มีหลักฐานในเรื่องนี้
รศ.ประภาภัทร นิยม อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านศิลปะวัฒนธรรม สสส. กล่าวว่าตนไม่ทราบถึงสาเหตุของการที่ถูกปลด เพราะการทุจริตก็ไม่มี อีกอย่างการเอากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิออกนั้นทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้คำสั่งมาตรา 44 อย่างไรก็ตาม ไม่ได้กังวลอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น เชื่อว่าต่อให้ไม่มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 คนนี้ สสส.ก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ตามเจตนารมณ์ และเชื่อว่าไม่ว่าผู้ใดที่จะเข้ามาทำก็สามารถเดินหน้าได้ เพราะ สสส.เป็นของสังคมไทยอยู่แล้ว สำหรับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 คนหลังถูกปลดยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือกัน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลดกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ด สสส.) จำนวน 7 คน ท่ามกลางข้อสงสัยจากหลายฝ่ายว่าอาจมีความพยายามในการล้ม สสส. โดยมีกลุ่มทุนบริษัทเหล้าและบุหรี่อยู่เบื้องหลังนั้น
วันนี้ (7 ม.ค.) นายสมพร ใช้บางยาง อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการกีฬา สสส. กล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและขอความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว เป็นการยืนยันความบริสุทธิ์และรักษาศักดิ์ศรีของตนเองว่าไม่มีการทุจริตใดๆ ตั้งแต่รับราชการมาจนกระทั่งเข้ามาทำงานกับ สสส. ซึ่งการเป็นบอร์ด สสส.ก็ไม่ได้มีข้อห้ามว่าเมื่อเป็นกรรมการมูลนิธิแล้วห้ามเป็นบอร์ด และช่วงที่เป็นกรรมการมูลนิธิและกรรมการ สสส. ก็ไม่เคยเอาตำแหน่งไปอนุมัติเงินใดๆ ให้มูลนิธิเลย ช่วงที่มีการพิจารณาโครงการของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ตนก็ไม่ได้เข้าร่วมพิจารณา ส่วนที่มีการระบุว่ามีขบวนการล้ม สสส.โดยมีบริษัทเหล้า บุหรี่อยู่เบื้องหลัง ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่วงในขนาดนั้น
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า การตรวจสอบ สสส.ของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไม่พบการทุจริต แต่มีข้อกังวลกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่อย่างกรณีของตนนั้นไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนเลย เพราะลาออกจากกรรมการมูลนิธิวิถีสุขตั้งแต่ปี 2551 และมาเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส.เพียงปีกว่าๆ เท่านั้น ส่วนการแก้ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน คสช.ควรทำทุกกระทรวงด้วย อย่างผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ไปเป็นบอร์ดของรัฐวิสาหกิจ/บริษัท ที่ทำกำไรจากธุรกิจพลังงาน มีผลประโยชน์ขัดกันชัดเจน เพราะผลตอบแทนขึ้นอยู่กับผลกำไรของรัฐวิสาหกิจ/บริษัท เช่น มีโบนัส ทำให้ราคาพลังงานขึ้นเร็ว ลงช้า มีผลกระทบกับทุกคนในสังคม คสช.รับทราบหรือไม่ เหตุใดไม่รีบแก้ไขให้รวดเร็วแบบ สสส. หรือมีเหตุผลอื่นที่ คสช.ต้องรีบจัดการ สสส.ด่วนกว่า ซึ่งคงห้ามไม่ให้คนที่ติดตามสถานการณ์คิดไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปลดในครั้งนี้มีคนคิดว่ามาจากกลุ่มธุรกิจเหล้า บุหรี่ จ้องล้ม สสส. ภก.สงกรานต์ กล่าวว่า คงมีคนคิด เพราะมีตัวอย่างจากในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย มีการตั้งองค์กรคล้าย สสส. ใช้งบจากภาษีเหล้า บุหรี่ แต่ธุรกิจก็หาช่องทางฟ้องร้องจนองค์กรล้มไป แต่ของไทยไม่มีหลักฐานและคงพูดแบบนั้นไม่ได้เต็มที่ เพียงแต่คงมีคนคิด อย่างไรก็ตาม องค์กรแบบ สสส.คนส่วนใหญ่ในสังคมได้ประโยชน์ มีแต่ธุรกิจที่ทำลายสุขภาพ ทำร้ายสังคมเท่านั้นที่เสียประโยชน์ และมันเกิดกระบวนการทำลายองค์กรแบบ สสส. มาในหลายประเทศแล้ว เพราะธุรกิจเหล่านี้มีกำลังทุนมหาศาล ที่จะทำอะไรต่ออะไรเกิดขึ้นในสังคมนี้ได้แน่นอน ส่วนตัวแอบคิดว่ากรณี สสส. อาจมีการสอดไส้เรื่อง สสส. มาในคำสั่งนี้ภายหลังหรือไม่
นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการด้านการสื่อสารมวลชน สสส. กล่าวว่า ตนไม่ทราบเหตุผลของคำสั่ง เพราะหากบอกว่า มาจากผลประโยชน์ทับซ้อนจากการนั่งกรรมการบอร์ดต่างๆ ข้อเท็จจริงคือ สสส.มีการกวดขันเข้มงวดมาก ไม่ให้มีการอนุมัติโครงการใดๆ ที่มีความทับซ้อนเลย อย่างตนก็ไม่เคยอนุมัติโครงการหรือมีส่วนอนุมัติโครงการใดๆ ที่ตนสังกัดอยู่ ยิ่งการประชุมบอร์ด สสส.ครั้งล่าสุด ก็มีมติให้แก้ระเบียบ สสส. กำหนดให้กรรมการที่มีตำแหน่งในบอร์ดอื่นตัดสินใจเลือกเพียงตำแหน่งเดียวภายใน 90 วัน ซึ่งกรรมการแต่ละท่านอยู่ระหว่างทยอยลาออกจากบอร์ดอื่น และเท่าที่ทราบมี 2 ท่านขอลาออกจากบอร์ด สสส.คือ นพ.วิชัย โชควิวัฒน และรศ. ประภาภัทร นิยม ส่วนตนอยู่ระหว่างลาออกจากตำแหน่งจากมูลนิธิองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย จึงไม่เข้าใจว่ายังไม่ทันให้เวลากรรมการได้ตัดสินใจก็กลับมีคำสั่ง อย่างไรก็ตาม คงไม่ชี้แจงกับทาง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) เพราะไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ส่วนคำถามที่ว่าอาจมีการแทรกแซงของธุรกิจเหล้า บุหรี่จ้องล้ม สสส. เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน เพราะเมื่อพิจารณาเหตุผลอื่นๆ ก็ไม่พบความน่าจะเป็น
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาชุมชน สสส. กล่าวว่า ตนไม่ทราบสาเหตุการโดนปลด แต่ไม่ได้ติดใจอะไร และการถูกปลดก็ไม่ใช่คดีทุจริต จึงมีความกังวล ต่อจากนี้คงทำงานที่มีอยู่ต่อไป ส่วนกรณีที่มีการระบุว่ามีบริษัทเหล้าบุหรี่พยายามจะล้ม สสส.นั้น ตนอยู่วงนอกจึงไม่ทราบและไม่มีหลักฐานในเรื่องนี้
รศ.ประภาภัทร นิยม อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านศิลปะวัฒนธรรม สสส. กล่าวว่าตนไม่ทราบถึงสาเหตุของการที่ถูกปลด เพราะการทุจริตก็ไม่มี อีกอย่างการเอากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิออกนั้นทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้คำสั่งมาตรา 44 อย่างไรก็ตาม ไม่ได้กังวลอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น เชื่อว่าต่อให้ไม่มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 คนนี้ สสส.ก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ตามเจตนารมณ์ และเชื่อว่าไม่ว่าผู้ใดที่จะเข้ามาทำก็สามารถเดินหน้าได้ เพราะ สสส.เป็นของสังคมไทยอยู่แล้ว สำหรับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 คนหลังถูกปลดยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือกัน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่