กระแสการคัดค้านจีเอ็มโออย่างกว้างขวางในสังคมไทยจากการที่รัฐบาลผ่านร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ สะท้อนอะไรหลายอย่างในสังคมไทย แต่สิ่งที่สะท้อนชัดที่สุดคือ คนไทยส่วนใหญ่ต้องการพืชผักสัตว์และอาหารที่ปลอดภัย ปลอดสารพิษ และกังวลกับความปลอดภัยของอาหารตัดแต่งดัดแปลงพันธุกรรม
คำถามที่สำคัญที่สุดต่อ ร่าง พรบ.ความปลอดภัยทางชีวภาพหรือที่เรียกว่ากับว่า ร่าง พ.ร.บ.จีเอ็มโอ นั้นคือ ร่าง พ.ร.บ.นี้มีจุดยืนเพื่อส่งเสริมหรือจำกัดการเข้ามาของสิ่งมีชีวิตตกแต่งพันธุกรรมในประเทศไทยกันแน่
ในข้อตกลงระหว่างประเทศ “พิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ” เขียนอย่างชัดเจนว่า กรณีของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมหรือ GMOs นั้น ให้ใช้หลักปลอดภัยไว้ก่อน (Precautionary principle) คือ ไม่ต้องรอให้มีหลักฐานวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า GMOs มีโทษ เพียงแค่สงสัยว่าGMOs นี้อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายก็สั่งห้ามผลิต ห้ามนำเข้า ห้ามใช้ ห้ามขายไว้ก่อนได้ และประเทศไทยก็เป็นภาคีของพิธีสารนี้ด้วย แต่ร่าง พ.ร.บ.ที่ผ่าน ครม.แล้วกลับมีจุดยืนที่โอนอ่อนอนุญาตให้ปลูก เลี้ยง ทดลอง หรือนำเข้าได้ หากมีการขออนุญาตตามขั้นตอนและได้รับการอนุญาตจากรัฐมนตรีและพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่า เป็น พรบ.ปล่อยผีจีเอ็มโอ นั่นเอง เพียงแต่ร่างให้ดูดีมีขั้นตอนมากมาย แต่สุดท้ายรัฐมนตรีก็อนุญาตให้นำเข้า ปลูก จำหน่าย แปรรูป หรือส่งออก ได้อยู่ดี และคนอนุญาตก็ไม่เคยต้องรับผิดกับความผิดพลาดในอนาคตที่จะตามมา ร่าง พ.ร.บ.นี้ซึ่งดูดีเหมือนมีการควบคุม แต่แท้จริงคือการปล่อยผี GMOs
คำถามสำคัญคือเราอยากให้สังคมไทยเป็นสังคมแบบไหน เราอยากให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ผันตนเองไปเน้นเกษตรอินทรีย์และผลิตอาหารอินทรีย์ใช่หรือไม่ มีการเกษตรที่ใช้สารเคมีลดลง ใช้น้ำหมักชีวภาพแทนยากำจัดศัตรูพืช ใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี ใช้เมล็ดพันธุ์พื้นเมืองที่หลากหลายแทนเมล็ดพันธุ์ผูกขาดหรือเมล็ดพันธุ์ตัดแต่งพันธุกรรม ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดเช่น ถ้าตื่นมาไปเดินตลาด ทั้งตลาดมีแต่ปลาทับทิม เราจะรู้สึกอย่างไร ส่วนปลากระพง ปลานิล ปลาข้างเหลือง ปลาทู ปลาดุก ปลาช่อน ปลาตามธรรมชาติอื่นๆกลับหายไป ไม่มีใครขาย นี่หรือคือสิ่งที่เราอยากได้
สำคัญอยู่ที่จุดที่ยืน ไม่ใช่รายละเอียด พืชสัตว์จีเอ็มโอใช่ว่าไม่มีข้อดี แต่สำคัญว่ามีข้อเสียที่ไม่อาจยอมรับได้ต่างหาก นั่นคือการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ การปนเปื้อนสู่ธรรมชาติ และการที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจริง
สำหรับกระทรวงสาธารณสุขเอง เมื่อจุดยืนไม่ชัด การกำหนดท่าทีก็ไม่ชัด จึงเออออไปตามอำนาจแล้วแก้เกี้ยวด้วยการจะไปออกกฏหมายลูกให้รัดกุม ซึ่งไม่มีทางรัดกุมเพราะเพียงหลักการเริ่มต้นก็ผิดทางไปแล้ว การมาติดฉลากแก้ตามหลังย่อมจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
จีเอ็มโอเพื่อแก้วิกฤตอาหารโลก ก็เหมือนนิวเคลียร์ปลอดภัย ถ่านหินสะอาด สร้างเขื่อนแก้ภัยแล้ง สิ่งเหล่านี้ล้วนคือวาทกรรมขายฝัน สำคัญที่จุดยืน ขอให้รัฐบาลทบทวนมติ ครม.ที่ผ่านร่าง พ.ร.บ.นี้ไปแล้ว อย่าปล่อยให้เป็นภาระ สนช. อย่าให้ประชาชนมีความเสี่ยงกับการตัดสินใจที่ไม่รอบคอบของรัฐบาล หากรัฐบาลมีจุดยืนจริงอย่างที่นายกประยุทธพูดไว้ว่า “ผมยืนยันว่า ไม่เคยคิดให้มีจีเอ็มโอในประเทศไทย ใครคิดก็บ้าแล้ว”
ติดตาม Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่