เมื่อสุดสัปดาห์ทีผ่านมาดิฉันได้พาหนูน้อยนักเล่านิทาน 12 คน ที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการลับสมองประลองปัญญา สรรหาหนูน้อยนักเล่านิทาน ครั้งที่ 10 ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากการรวมตัวกันของภาคีเครือข่าย ได้แก่ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (ทีเคปาร์ค), สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม, มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก และนิตยสาร Mother&Care บินลัดฟ้าไปทัศนศึกษาที่ฮ่องกง เพื่อต่อยอดการเรียนรู้ของหนูน้อยนักเล่านิทาน
สถานที่เป้าหมายของทริปฮ่องกงครั้งนี้เน้นแหล่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเด็ก ก็คือ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (Hong Kong Science Museum) และ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (Hong Kong Museum of History)
และแน่นอนที่พลาดไม่ได้ก็คือดิสนีย์แลนด์ ดินแดนในฝันของเด็ก ๆ
การเดินทางไปแหล่งการเรียนรู้ในต่างแดนทำให้เด็ก ๆ ตื่นตัวและตื่นเต้นกันมาก
ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษคือพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ฮ่องกง ซึ่งมีการจัดแสดง 3 ชั้น
ชั้นแรกตื่นตาตื่นใจกับโซนไฟฟ้าและพลังงานต่าง ๆ รวมไปถึงการทำงานตามหลักกลศาสตร์ เครื่องenergy Machine ที่ประกอบด้วยกลไกต่าง ๆ
ส่วนชั้นสองจะเป็นการจัดแสดงเกี่ยวกับการประหยัดไฟฟ้า การรักษาสิ่งแวดล้อมโดยการใช้ทรัพยากรภายในบ้านและที่ทำงานให้เหมาะสม รวมไปถึงระบบการติดต่อสื่อสารในปัจจุบันและอนาคต
ในขณะที่ชั้นล่างจะเป็น Life science ที่อธิบายเกี่ยวกับกลไกการทำงานของร่างกาย มีการให้ทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย และอธิบายเกี่ยวกับร่างกายของสัตว์ ฯลฯ
ส่วนพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ก็มีการจัดพื้นที่การเรียนรู้ได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้เรื่องราวประวัติศาสตร์กลายเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับเด็กที่พร้อมจะเรียนรู้ทุกสิ่งอย่าง
ที่ผ่านมาทุกครั้งที่ได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ดี ๆ ในต่างประเทศ แล้วก็อดชื่นชมความโชคดีของพลเมืองของเขาไม่ได้ เพราะบ้านเขาจะให้ความสำคัญกับแหล่งการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชนอย่างมาก
ภาพเด็กน้อยหลากหลายวัย ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ประถม ฯลฯ ที่มีคุณครูหรือพ่อแม่ผู้ปกครองจูงมือเรียงแถวพาเด็ก ๆ เข้าชมพิพิธภัณฑ์ เป็นภาพที่ประทับใจทุกครั้ง
รูปแบบการเรียนรู้ขณะอยู่ในพิพิธภัณฑ์ก็น่าสนใจยิ่ง จะมีคุณครูหรือผู้ปกครองที่คอยกระตุ้นให้เด็ก ๆ ตื่นตัวกับการเรียนรู้
และนั่น..ทำให้อดไม่ได้ที่จะคิดถึงพิพิธภัณฑ์ในบ้านเรา
ในบ้านเรามีพิพิธภัณฑ์ราว ๆ 2,000 แห่ง แต่พิพิธภัณฑ์ที่ดี ที่น่าสนใจ และมีความเคลื่อนไหวจริง ๆ กลับมีไม่กี่แห่ง
อีกทั้งเวลาเราพูดถึงคำว่าพิพิธภัณฑ์ คนส่วนใหญ่ในบ้านเราก็ยังมีจินตภาพติดอยู่กับสถานที่คร่ำเคร่ง เป็นสถานที่น่าเบื่อ ไม่มีอะไรตื่นตาตื่นใจ ไม่เห็นจะเหมือนสวนสนุก หรือห้างสรรพสินค้า ที่คนเป็นพ่อแม่เลือกที่จะพาลูกหลานไปมากกว่า และพิพิธภัณฑ์แทบจะเป็นสถานที่ท้าย ๆ ที่พ่อแม่ส่วนใหญ่จะนึกถึง เพราะมักจะมีมโนภาพ ว่า การพาเด็กไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เป็นหน้าที่ของโรงเรียน หรือไม่ถ้าพิพิธภัณฑ์ไหนที่เคยไปแล้ว พ่อแม่ ผู้ปกครองก็จะบอกว่าเคยไปแล้ว มักจะไม่ไปซ้ำ ทั้งที่เวลาพาลูกหลานไปห้างสรรพสินค้าสามารถพาไปซ้ำ ๆ บ่อย ๆ จนกระทั่งสามารถรู้หมดว่าจะหาซื้ออะไรอยู่ที่ไหนได้เป็นอย่างดี
ฉะนั้น ต้องเริ่มจากการปรับทัศนคติของพ่อแม่ก่อนว่าการไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์นั้น เป็นแหล่งการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ดีสำหรับลูกซะก่อน
ในต่างประเทศเรื่องการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของครอบครัวเป็นเรื่องปกติ แล้ววิธีการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ของเขาก็มีการจัดการที่ดี เพราะเริ่มต้นด้วยฐานคิดที่ว่าพิพิธภัณฑ์คือแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เด็ก ที่สำคัญที่สุด และโชคดีก็คือภาครัฐส่งเสริมคนในชาติให้เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้ผ่านพิพิธภัณฑ์ในทุกมิติ
หันมามองบ้านเรา แหล่งการเรียนรู้ของเด็กในบ้านเรากลับกลายเป็นว่าพ่อแม่นิยมพาไปห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า ซึ่งก็ตลกยิ่งนักที่คอนเซ็ปต์ห้างสรรพสินค้าของบ้านเรานอกจากจะเป็นแหล่งช้องปิ้งแล้ว ยังเป็นสวนสนุก สวนน้ำ สวนสัตว์ แหล่งเล่นเกม คาราโอเกะ ฯลฯ
แล้วจะไม่ให้เด็กติดห้างได้อย่างไร
นี่ยังไม่นับรวมสถานที่กวดวิชาในห้างสรรพสินค้าด้วยนะ ที่มีกันเกลื่อนเมือง เรียกว่ามีที่บ้านเราประเทศเดียวในโลกซะกระมัง
แท้จริงแล้ว การปลูกฝังให้เด็กได้เข้าใจว่าการเรียนรู้ไม่ได้มีในห้องเรียนสี่เหลี่ยมเท่านั้นเป็นเรื่องสำคัญ เด็กต้องได้สัมผัสกับชีวิตจริงจากประสบการณ์จริงด้วย ไม่ใช่แค่ท่องจำในกระดาษอย่างเดียว
แหล่งเรียนรู้ดี ๆ ที่เหมาะกับเด็กและเยาวชนในบ้านเรามีมากมาย มีอยู่ล้อมรอบตัวจริง ๆ อยู่ที่พ่อแม่แล้วล่ะค่ะที่จะเสาะแสวงหาแหล่งเรียนรู้ใหม่ ๆ ให้แก่ลูกของเรามากน้อยแค่ไหน
เอ่ยมาถึงตอนนี้ ก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่เริ่มต้นที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของเราที่บริเวณวังหน้าติดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ล่าสุดได้มีการจัดใหม่ ปรับปรุงใหม่ ด้วยรูปแบบการนำเสนอระดับสากล โดยคัดสรรนำเอาโบราณวัตถุชิ้นเด่น 100 ชิ้นมาตั้งแสดงเรียงตามลำดับยุคและเวลา เสียเวลาแค่สองสามชั่วโมงก็จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติศิลปะของชาติได้ไม่ยาก
ถ้าใช้การปรับใหม่ ณ จุดนี้ของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเป็นจุดเริ่มต้นก้าวเดินไปข้างหน้าได้ก็น่าจะดี
วันใดวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อครอบครัวไทยหันมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์แทนห้างสรรพสินค้าวันนั้นบ้านนี้เมืองนี้คงก้าวพ้นจากหล่มวิกฤตเดินรุดหน้าไปสู่ความเจริญที่แท้จริง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่
สถานที่เป้าหมายของทริปฮ่องกงครั้งนี้เน้นแหล่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเด็ก ก็คือ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (Hong Kong Science Museum) และ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (Hong Kong Museum of History)
และแน่นอนที่พลาดไม่ได้ก็คือดิสนีย์แลนด์ ดินแดนในฝันของเด็ก ๆ
การเดินทางไปแหล่งการเรียนรู้ในต่างแดนทำให้เด็ก ๆ ตื่นตัวและตื่นเต้นกันมาก
ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษคือพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ฮ่องกง ซึ่งมีการจัดแสดง 3 ชั้น
ชั้นแรกตื่นตาตื่นใจกับโซนไฟฟ้าและพลังงานต่าง ๆ รวมไปถึงการทำงานตามหลักกลศาสตร์ เครื่องenergy Machine ที่ประกอบด้วยกลไกต่าง ๆ
ส่วนชั้นสองจะเป็นการจัดแสดงเกี่ยวกับการประหยัดไฟฟ้า การรักษาสิ่งแวดล้อมโดยการใช้ทรัพยากรภายในบ้านและที่ทำงานให้เหมาะสม รวมไปถึงระบบการติดต่อสื่อสารในปัจจุบันและอนาคต
ในขณะที่ชั้นล่างจะเป็น Life science ที่อธิบายเกี่ยวกับกลไกการทำงานของร่างกาย มีการให้ทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย และอธิบายเกี่ยวกับร่างกายของสัตว์ ฯลฯ
ส่วนพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ก็มีการจัดพื้นที่การเรียนรู้ได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้เรื่องราวประวัติศาสตร์กลายเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับเด็กที่พร้อมจะเรียนรู้ทุกสิ่งอย่าง
ที่ผ่านมาทุกครั้งที่ได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ดี ๆ ในต่างประเทศ แล้วก็อดชื่นชมความโชคดีของพลเมืองของเขาไม่ได้ เพราะบ้านเขาจะให้ความสำคัญกับแหล่งการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชนอย่างมาก
ภาพเด็กน้อยหลากหลายวัย ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ประถม ฯลฯ ที่มีคุณครูหรือพ่อแม่ผู้ปกครองจูงมือเรียงแถวพาเด็ก ๆ เข้าชมพิพิธภัณฑ์ เป็นภาพที่ประทับใจทุกครั้ง
รูปแบบการเรียนรู้ขณะอยู่ในพิพิธภัณฑ์ก็น่าสนใจยิ่ง จะมีคุณครูหรือผู้ปกครองที่คอยกระตุ้นให้เด็ก ๆ ตื่นตัวกับการเรียนรู้
และนั่น..ทำให้อดไม่ได้ที่จะคิดถึงพิพิธภัณฑ์ในบ้านเรา
ในบ้านเรามีพิพิธภัณฑ์ราว ๆ 2,000 แห่ง แต่พิพิธภัณฑ์ที่ดี ที่น่าสนใจ และมีความเคลื่อนไหวจริง ๆ กลับมีไม่กี่แห่ง
อีกทั้งเวลาเราพูดถึงคำว่าพิพิธภัณฑ์ คนส่วนใหญ่ในบ้านเราก็ยังมีจินตภาพติดอยู่กับสถานที่คร่ำเคร่ง เป็นสถานที่น่าเบื่อ ไม่มีอะไรตื่นตาตื่นใจ ไม่เห็นจะเหมือนสวนสนุก หรือห้างสรรพสินค้า ที่คนเป็นพ่อแม่เลือกที่จะพาลูกหลานไปมากกว่า และพิพิธภัณฑ์แทบจะเป็นสถานที่ท้าย ๆ ที่พ่อแม่ส่วนใหญ่จะนึกถึง เพราะมักจะมีมโนภาพ ว่า การพาเด็กไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เป็นหน้าที่ของโรงเรียน หรือไม่ถ้าพิพิธภัณฑ์ไหนที่เคยไปแล้ว พ่อแม่ ผู้ปกครองก็จะบอกว่าเคยไปแล้ว มักจะไม่ไปซ้ำ ทั้งที่เวลาพาลูกหลานไปห้างสรรพสินค้าสามารถพาไปซ้ำ ๆ บ่อย ๆ จนกระทั่งสามารถรู้หมดว่าจะหาซื้ออะไรอยู่ที่ไหนได้เป็นอย่างดี
ฉะนั้น ต้องเริ่มจากการปรับทัศนคติของพ่อแม่ก่อนว่าการไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์นั้น เป็นแหล่งการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ดีสำหรับลูกซะก่อน
ในต่างประเทศเรื่องการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของครอบครัวเป็นเรื่องปกติ แล้ววิธีการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ของเขาก็มีการจัดการที่ดี เพราะเริ่มต้นด้วยฐานคิดที่ว่าพิพิธภัณฑ์คือแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เด็ก ที่สำคัญที่สุด และโชคดีก็คือภาครัฐส่งเสริมคนในชาติให้เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้ผ่านพิพิธภัณฑ์ในทุกมิติ
หันมามองบ้านเรา แหล่งการเรียนรู้ของเด็กในบ้านเรากลับกลายเป็นว่าพ่อแม่นิยมพาไปห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า ซึ่งก็ตลกยิ่งนักที่คอนเซ็ปต์ห้างสรรพสินค้าของบ้านเรานอกจากจะเป็นแหล่งช้องปิ้งแล้ว ยังเป็นสวนสนุก สวนน้ำ สวนสัตว์ แหล่งเล่นเกม คาราโอเกะ ฯลฯ
แล้วจะไม่ให้เด็กติดห้างได้อย่างไร
นี่ยังไม่นับรวมสถานที่กวดวิชาในห้างสรรพสินค้าด้วยนะ ที่มีกันเกลื่อนเมือง เรียกว่ามีที่บ้านเราประเทศเดียวในโลกซะกระมัง
แท้จริงแล้ว การปลูกฝังให้เด็กได้เข้าใจว่าการเรียนรู้ไม่ได้มีในห้องเรียนสี่เหลี่ยมเท่านั้นเป็นเรื่องสำคัญ เด็กต้องได้สัมผัสกับชีวิตจริงจากประสบการณ์จริงด้วย ไม่ใช่แค่ท่องจำในกระดาษอย่างเดียว
แหล่งเรียนรู้ดี ๆ ที่เหมาะกับเด็กและเยาวชนในบ้านเรามีมากมาย มีอยู่ล้อมรอบตัวจริง ๆ อยู่ที่พ่อแม่แล้วล่ะค่ะที่จะเสาะแสวงหาแหล่งเรียนรู้ใหม่ ๆ ให้แก่ลูกของเรามากน้อยแค่ไหน
เอ่ยมาถึงตอนนี้ ก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่เริ่มต้นที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของเราที่บริเวณวังหน้าติดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ล่าสุดได้มีการจัดใหม่ ปรับปรุงใหม่ ด้วยรูปแบบการนำเสนอระดับสากล โดยคัดสรรนำเอาโบราณวัตถุชิ้นเด่น 100 ชิ้นมาตั้งแสดงเรียงตามลำดับยุคและเวลา เสียเวลาแค่สองสามชั่วโมงก็จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติศิลปะของชาติได้ไม่ยาก
ถ้าใช้การปรับใหม่ ณ จุดนี้ของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเป็นจุดเริ่มต้นก้าวเดินไปข้างหน้าได้ก็น่าจะดี
วันใดวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อครอบครัวไทยหันมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์แทนห้างสรรพสินค้าวันนั้นบ้านนี้เมืองนี้คงก้าวพ้นจากหล่มวิกฤตเดินรุดหน้าไปสู่ความเจริญที่แท้จริง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่