รอง ผบช.น.ชี้ต้องปฏิรูป กม.จราจร เอาผิดเมาแล้วขับ ไม่เว้นรถจักรยาน ด้านมูลนิธิเมาไม่ขับเร่งรวบรวมความคิดเห็น ควรออก กม.เมาห้ามปั่นจักรยานหรือไม่ เสนอต่อรัฐบาล
จากกรณีตำรวจ สภ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ จับกุมผู้ขับขี่รถจักรจานเมาสุราและได้ส่งฟ้องศาล แต่ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ได้ยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีกฎหมายเอาผิดนั้น จนก่อให้เกิดความห่วงใยถึงช่องว่างของกฎหมายที่อาจจะส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน และเกิดกระแสท้าทายกฎหมายเมาไม่ขับ
วันนี้ (29 ต.ค.) ที่โรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวในงานเสวนา "เมาแล้วปั่น ช่องว่างกฎหมาย สังคมเห็นอย่างไร" จัดโดยมูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับ ว่า กฎหมายประเทศไทยหลายเรื่องเดินตามหลังปัญหา ในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมาย ตนเห็นว่าถึงเวลาต้องปฎิรูปกฎหมายจราจร เพื่อให้เกิดความทันสมัยและก้าวตามทันปัญหา ยกตัวอย่าง กรณีขับขี่รถจักรยานขณะเมาสุรา ตัวผู้ขับขี่จักรยานเองอาจจะไม่ไปทำให้ผู้ใดบาดเจ็บ ล้มตาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว อันตรายอาจเกิดกับผู้ขับขี่จักรยานเอง และอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุกับรถที่วิ่งร่วมทางบนท้องถนน กฎหมายจึงไม่ควรมีข้อยกเว้นกับผู้ขับขี่รถจักรยาน
นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า ปัญหาเมาแล้วปั่น มีแนวความคิดที่เห็นต่างกัน ผู้ที่เห็นว่าการขับขี่รถจักรยานขณะมึนเมา ไม่ใช่ปัญหาที่จะนำมาถกเถียงกันในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ใช้รถจักรยานไม่ใช่ผู้สร้างปัญหาบนท้องถนน เหมือนเช่นรถจักรยานหรือรถทั่วไป ขณะที่ผู้ที่เห็นต่าง มองว่า แนวโน้มผู้ใช้รถจักรยานจะเพิ่มมากขึ้น ถ้าไม่อุดช่องโหว่ของปัญหาจากปัญหาเล็ก ๆ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม มูลนิธิเมาไม่ขับ จะพยายามรวบรวมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน สรุปเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล พิจารณาว่าเห็นควรจะออกกฎหมายควบคุมผู้ขับขี่รถจักรยานไม่ให้เมาแล้วปั่นหรือไม่
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
