ศูนย์ข่าวขอนแก่น- ภาคีเครือข่าย จ.ขอนแก่น เห็นพ้องยันโครงการเขตขับขี่ปลอดภัย 14 กิโลเมตร ดีเดย์จับปรับจริงแน่ 1 พ.ย.นี้ เผยใช้กล้องจับความเร็ว และออกใบสั่งอัตโนมัติต่อรถที่ขับเร็วเกิน 60 และ 80 กิโลเมตร หวังลดอุบัติเหตุช่วง 14 กม. บน ถ.มิตรภาพช่วงผ่านเมืองขอนแก่น มั่นใจลดอุบัติเหตุ และความสูญเสียได้แน่ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นด้วย ชี้ขยายพื้นที่ดำเนินการ และให้ครอบคลุมข่ายความผิดกฎหมายจราจรอื่น
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 4 เครือข่ายคณะทำงานดำเนินโครงการเขตขับขี่ปลอดภัย 14 กิโลเมตร บนถนนมิตรภาพช่วงผ่านเมืองขอนแก่น แถลงข่าวโครงการดังกล่าว โดยมี นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก ด้านการป้องกันอุบัติเหตุ พ.ต.อ.สุภากร คำสิงห์นอก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว
โครงการเขตขับขี่ปลอดภัย 14 กิโลเมตร จะรณรงค์ให้ผู้ขับรถบนถนนมิตรภาพ 14 กม.ช่วงผ่านเมืองขอนแก่น ต้องลดความเร็วลง นำเทคโนโลยีติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วไม่ให้เกิน 60 และ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีระบบออกใบสั่งอัตโนมัติ (e-ticket) ตลอด 24 ชั่วโมง โดยกล้องจะบันทึกภาพรถที่วิ่งเร็วเกินกำหนด เห็นภาพตัวรถ ทะเบียนรถ สามารถใช้เป็นข้อมูลยืนยันออกใบสั่งถึงบ้าน โดยจะติดตั้งกล้องทั้งหมด 12 จุด ตลอดระยะทาง 14 กม. จากจุดตัดถนนมิตรภาพกับทางเลี่ยงเมืองขอนแก่นทิศเหนือ ไปจดจุดตัดทางเลี่ยงเมืองทิศใต้ และมีห้องควบคุมที่สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 4
การดำเนินงานจะมุ่งเน้นตักเตือนผู้ขับขี่มากกว่าตรวจจับปรับผู้ขับขี่ โดยจะมีป้ายเตือนผู้ขับขี่ก่อนเข้าสู่เขตควบคุมความเร็วเป็นระยะ ส่วนรถยนต์ที่ต้องการใช้ความเร็วสูงกว่า 60 และ 80 ให้ไปใช้ทางเลี่ยงเมืองขอนแก่นที่ควบคุมความเร็วไว้ที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อลดอุบัติเหตุบนถนนสายหลัก และต้องการให้เป็นต้นแบบต่อการควบคุมความเร็วรถยนต์บนถนนสายหลักที่ผ่านตัวเมืองให้แก่จังหวัดอื่นต่อไป โดยจะเริ่มตรวจจับปรับจริงวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้
นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก ด้านการป้องกันอุบัติเหตุ เปิดเผยว่า ถนนมิตรภาพช่วงผ่านตัวเมืองขอนแก่นเกิดอุบัติเหตุสูง สร้างความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สินประชาชน โดยสถิติปี 2557 พบว่า มีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนถนนมิตรภาพช่วง 14 กม.เฉลี่ยวันละ 1 ราย หรือ 365 คน มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นทุกเดือน หรือ 14 คน ทั้งสถิติความสูญเสียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงเกิดโครงการเขตขับขี่ปลอดภัย 14 กิโลเมตร โดยการควบคุมความเร็วรถด้วยกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติบนถนนมิตรภาพ
หลักของโครงการดังกล่าวคือ ต้องทำให้รถขับช้าลง ซึ่งมีผลวิจัยยืนยันว่าลดอุบัติเหตุลงได้จริง แต่การควบคุมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงขอนแก่น ซึ่งมีกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 35 นาย ต้องรับผิดชอบทั้งจังหวัดขอนแก่น จึงไม่เพียงพอจัดการปัญหา การใช้เทคโนโลยีด้วยกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติสามารถแบ่งเบาภาระเจ้าหน้าที่ และมีประสิทธิภาพการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มีระบบออกใบสั่งอัตโนมัติส่งถึงเจ้าของรถยนต์ที่ฝ่าฝืน
“เชื่อมั่นว่าการนำโครงการดังกล่าวมาใช้จะลดการเกิดอุบัติเหตุ และลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินลงได้ ซึ่งจากการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารถึงโครงการดังกล่าวเบื้องต้น ปรากฏว่า รถยนต์ที่ขับผ่านถนนมิตรภาพช่วง 14 กิโลเมตร ต่างให้ความร่วมมือขับรถช้าลงด้วยความเร็วไม่เกินอัตราที่กำหนด และหากบังคับใช้ตรวจจับปรับจริงตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ จะสามารถควบคุมอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้ โดยจะประเมินผลโครงการหลังผ่านไป 1 ปีด้วย” นพ.วิทยา กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สุภากร คำสิงห์นอก รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การนำกล้องตรวจจับความเร็ว และมีระบบออกใบสั่งอัตโนมัติมาคุมความเร็วรถช่วง 14 กิโลเมตรบนถนนมิตรภาพ ถือเป็นอีกก้าวของพัฒนาการลดอุบัติเหตุบนถนน นำเทคโนโลยีมาควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ของมนุษย์ ซึ่งกล้องจับความเร็วทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มีความแม่นยำ ไม่โกหก ช่วยตำรวจทำงานได้ดี ลดการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ขับขี่ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ทั้งนี้ การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาปรับใช้ช่วง 14 กิโลเมตรนั้น คาดหวังว่าจะมีการขยายโครงการควบคุมความเร็วรถบนท้องถนนไปยังพื้นที่อื่นๆ ไม่เฉพาะถนนมิตรภาพเท่านั้น และที่สำคัญควรนำเทคโนโลยีมาตรวจจับพฤติกรรมผู้ขับขี่รถยนต์ที่ทำผิดกฎหมายจราจรด้านอื่นๆ เช่น ตรวจจับรถยนต์ที่ฝ่าฝืนไฟสัญญาณจราจร ตรวจจับรถยนต์ที่จอดในที่ห้ามจอดด้วย