xs
xsm
sm
md
lg

มติเอกฉันท์หนัง “อาปัติ” เข้าโรงฉาย หลังเปลี่ยนชื่อปรับเนื้อหา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้หนัง “อาปัติ” เข้าฉาย หลังจากผู้สร้างปรับเนื้อหาและเปลี่ยนชื่อ


จากกรณีคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ มีมติห้ามฉายภาพยนตร์เรื่องอาบัติ ของค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ส่งผลให้ผู้สร้างกลับไปปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาภาพยนตร์พร้อมเปลี่ยนชื่อ จากอาบัติ เป็นอาปัติ ก่อนส่งให้คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดิทัศน์ตรวจพิจารณาใหม่ นั้น

วันนี้ (16 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่อาคารสำนักพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ชุดที่ 1 ได้ประชุมเพื่อตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่อง “อาปัติ” ซึ่งใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้น นายสมบัติ ภู่กาญจน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ชุดที่ 1 เปิดเผยภายหลังการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ ว่า ผู้สร้างได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่สำนักพิจารณาตรวจพิจารณาภาพยนตร์ ว่า เรื่องนี้เป็นการตัดต่อเนื้อหาใหม่ทั้งหมดและเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อส่งให้คณะกรรมการฯตรวจพิจารณาชื่อเรื่องอาปัติ โดยที่ประชุมได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา และคณะกรรมตรวจพิจารณาภาพยนตร์ชุดเดิมมาร่วมพิจารณาตามภาพและเสียงที่เสนอมาใหม่ ทั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ฯ จำนวน 5 คน ได้มีติเป็นเอกฉันท์อนุญาตให้ภาพยนตร์เรื่อง “อาปัติ” ในเรตผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จากการพิจารณาไม่พบว่ามีฉากที่ล่อแหลม และไม่มีภาพที่น่าวิตกกังวล ขณะเดียวกัน พระสงฆ์ที่ได้ร่วมพิจารณาภาพยนตร์เรื่องอาบัติครั้งที่แล้ว ได้เข้าร่วมชม และยืนยันว่า มีหลายฉากที่ไม่เหมาะสม ล่อแหลม น่ากลัวได้ถูกตัดออกไปแล้ว และเนื้อหาเรื่อง “อาปัติ” ที่ส่งมาใหม่เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระ และผี โดยเป็นคนที่เข้าไปอยู่ในพระพุทธศาสนาบวชเป็นสามเณรด้วยความไม่เต็มใจ เกิดล่วงละเมิดพระธรรมวินัย และต้องต้องรับผลกรรมที่ทำไว้ ผู้สร้างพยายามแสดงให้เห็นว่า หากวันหนึ่งมีผู้ที่ไม่ดีเข้าไปอยู่ในพระพุทธศาสนาแล้วจะเป็นเช่นไร ดังนั้น จึงมีมติอนุญาตให้ฉายซึ่งหนังเรื่องนี้มีความยาว 86 นาที

นายสมบัติ กล่าวต่อว่า สำหรับการพิจารณาครั้งนี้จะอนุญาตให้จัดฉายในชื่อ อาปัติ เท่านั้น หากผู้สร้างนำไปจัดฉายโดยใช้ชื่อเรื่องอาบัติ หรือมีการสับเวอร์ชันเก่าเข้ามา จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายภาพยนตร์และวีดิทัศน์มาตรา 77 และ 78 หากผู้ใดนำไปจัดฉายจะมีโทษปรับ 2 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท ส่วนผู้จัดสร้างมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท ทั้งนี้ ยืนยันว่า คณะกรรมการทั้งหมดทำงานตามกฎหมาย มีหลักเกณฑ์ วิธีการเงื่อนไข โดยใช้หลักความรู้และวิจารณญาณในการชมภาพยนตร์ และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ตามเนื้อเรื่องของอาปัติ และยืนยันว่า ไม่ได้มีการขัดแย้งกับคณะกรรมการชุดแรกแต่อย่างใด เพราะไม่มีฉากแบบในภาพยนตร์เรื่องอาบัติอีกแล้ว

“โดยส่วนตัวยอมรับว่าหนังแรงจริง แต่ก็สะท้อนให้สังคมเห็นบาปบุญคุณโทษ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาภาพยนตร์จะกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรให้เป็นบรรทัดฐานเลยคงทำได้ยาก เพราะใน พ.ร.บ. ภาพยนตร์จะกำหนดภาพกว้าง ๆ ไว้เท่านั้น ซึ่งก็ให้คณะกรรมการใช้ดุลพินิจพิจารณา เพราะหนังไม่มีสูตรสำเร็จจึง ต้องมีการถกเถียงกันเพื่อให้ได้ความเหมาะสมที่สุด” นายสมบัติ กล่าว

ด้าน นายปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้ดำเนินงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง อาปัติ กล่าวว่า จากที่คณะกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ได้มีมติไม่ให้จัดฉายภาพยนตร์เรื่องอาบัติ จึงได้มีการตัดต่อภาพยนตร์ใหม่ แต่ยังคงเนื้อหาเดิมไว้ และนำมาเสนอใหม่ภายใต้ชื่ออาปัติ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมายที่ไม่สามารถเสนอชื่อเดิมที่ถูกสั่งห้ามฉายแล้ว จากนั้นได้นำมาเสนอให้คณะกรรมการตรวจพิจารณาใหม่ และเมื่อทราบว่า คณะกรรมการตรวจพิจารณาให้ผ่านแล้ว ตนก็รู้สึกดีใจที่ภาพยนตร์ที่ตั้งใจสร้างครั้งนี้สามารถจัดฉายได้แล้ว

ในกรณีที่ยังใช้โปสเตอร์ชื่ออาบัติอยู่นั้น ตนจะรีบปรับเปลี่ยนเป็นชื่อและภาพ “อาปัติ” โดยเร็วเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมายแล้วถูกดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอาบัติถูกแบน เมื่อเปลี่ยนชื่อและปรับเนื้อหาใหม่ คาดว่า จะมีผู้มาชมภาพยนตร์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอให้หนังอาปัติสร้างรายได้ 30 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับต้นทุนการผลิตผมก็พอใจแล้ว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น