xs
xsm
sm
md
lg

อภ.เร่งผลิตยาโรงงานใหม่รังสิต คาดผลิตเต็มสูบ 2,500 ล.เม็ดต่อปีในปี 60

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อภ. เร่งเดินหน้าผลิตยาที่โรงงานยารังสิต คาดผลิตได้เต็มสูบ 2,500 ล้านเม็ดต่อปี ในกลางปี 2560 ช่วยเพิ่มยอดการผลิตขึ้นอีก 50% เผยโรงงานวัคซีนสระบุรีล่าช้ากว่า 8 ปีเดินหน้าต่อได้แล้ว รมว.สธ. สั่งลุยเต็มที่

วันนี้ (24 ก.ย.) เมื่อเลา 14.00 น. นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินทางมาตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) และความคืบหน้าของการเปิดสายการผลิตของโรงงานผลิตยารังสิต จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตยาแห่งใหม่ของ อภ. นอกเหนือจากโรงงานที่พระราม 6 โดยมี พล.ท.ศุภกร สงวนชาติศรไกร ประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผอ.อภ. และคณะให้การต้อนรับ

นพ.นพพร กล่าวว่า การดำเนินงานของ อภ. ในปี 2558 อภ. มีรายได้สุทธิ 1,014 ล้านบาท สามารถนำส่งรัฐได้ 515 ล้านบาท ช่วยรัฐประหยัดงบประมาณได้มากถึง 4,090 ล้านบาท สำหรับแผนยุทธศาสตร์ในปี 2559 - 2563 มีเป้าหมายใน 3 เรื่อง คือ 1. การผลิตและจัดหายาจำเป็น โดยจะเร่งเปิดการดำเนินการโรงงานผลิตยารังสิตให้ได้ ปรับปรุงการผลิตยาที่โรงงานพระราม 6 เป็นต้น 2. เพิ่มการเข้าถึงยา และ 3. ทำให้องค์กรอยู่ได้คือมีกำไรและประหยัดงบประมาณภาครัฐ สำหรับโรงงานผลิตยาแห่งใหม่ที่รังสิต ดำเนินการผลิตตามมาตรฐาน GMP-PIC/S ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะให้การรับรองใน ต.ค. นี้ ทั้งมาตรฐานความสะอาด ระบบปรับอากาศ ระบบลมอัด ระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์ ที่มีคุณภาพระดับมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ส่วนสายการผลิตนั้นมีการนำระบบ Manufacturing Execution System : MES  ซึ่งเป็นระบบติดตามควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนในรูปแบบ หากขั้นตอนการผลิตใดไม่ผ่านมาตรฐานระบบจะไม่อนุญาตให้ดำเนินการขั้นตอนต่อไป

นพ.นพพร กล่าวว่า โรงงานผลิตยารังสิตมีกำลังผลิตยาสูงถึง 2,500 ล้านเม็ดต่อปี ผลิตได้ทั้งยาเม็ดและแคปซูลจำนวน 32 รายการ  มีทั้งยาที่มีมูลค่าการใช้สูง เช่น ยาเบาหวาน ยาความดัน ยาต้านไวรัสเอชไอวี ซึ่งเพิ่มจากโรงงานผลิตยาพระราม 6 แห่งเดิมที่ผลิตได้ 5,000 ล้านเม็ดต่อปี เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 50 ส่วนแผนการโอนย้ายการผลิตยาจากโรงงานพระราม 6 มายังโรงงานที่รังสิตนั้น จะต้องยื่นแก้ไขทะเบียนตำรับกับ อย. ก่อน ซึ่งในส่วนของยารูปแบบแคปซูลชั้นที่ 1 จะแล้วเสร็จใน พ.ย. 2559 มีกำลังการผลิต 350 ล้านแคปซูลต่อปี  ยาเม็ดชั้นที่ 1 จะโอนย้ายการผลิตแล้วเสร็จใน พ.ค. 2560 มีกำลังการผลิต 1,400 ล้านเม็ดต่อปี  ส่วนยารูปแบบแคปซูลชั้นที่ 2 จะโอนย้ายแล้วเสร็จใน พ.ย. 2558 มีกำลังการผลิต 150 ล้านแคปซูลต่อปี และยาเม็ดชั้นที่ 2 จะโอนย้ายแล้วเสร็จใน ธ.ค. 2558 มีกำลังการผลิต 600 ล้านเม็ดต่อปี

“ส่วนโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกที่ จ.สระบุรี ซึ่งมีความล่าช้ามานานนั้น ทั้งในเรื่องของเทคนิค การเปลี่ยนแบบ น้ำท่วม ขณะนี้ได้ให้บริษัทผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้างต่อแล้ว จะแล้วเสร็จในปลายปี 2559 ส่วนเรื่องเครื่องมือที่เดิมเคยซื้อมาล่วงหน้า 2 ปี ทำให้ชิ้นส่วนบางอันเสียหาย ในส่วนนี้องค์การอนามัยโลกสนับสนุนงบฯมาปรับปรุงแล้ว 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังได้ขอคำปรึกษาอัยการสูงสุดในการหาทางออกร่วมกันด้วยว่า ควรเป็นความรับผิดชอบบริษัทรับเหมาหรือ อภ.” ผอ.อภ. กล่าว    

ด้าน นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า โรงงานวัคซีนที่ยังไม่แล้วเสร็จนั้น ขอให้เดินหน้าต่ออย่างเต็มที่ เพราะถือเป็นมหากาพย์ที่ยาวนาน ตั้งแต่ปี 2550 เป็นเวลา 8 ปีแล้ว จึงถือเป็นเรื่องดีที่จะเดินหน้าต่อ สิ่งสำคัญต้องวางแผน และบริหารให้ดี ให้เก่ง ไม่ใช่เวลาต้องมาเรียนรู้ แต่ต้องเอาความรู้มาใช้แล้ว นอกจากนี้  ในเรื่องการพัฒนามาตรฐานการผลิตระดับสากลนั้น เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการ เพราะจะดีในแง่การผลิตส่งออก ไม่ใช่แค่ขายในประเทศเท่านั้น ซึ่งจะลดปัญหายาสต็อกค้างด้วย สิ่งสำคัญ อภ. ต้องบริหารแบบเอกชน แต่ต้องทำเพื่อประชาชน คือ ไม่ได้ต้องการกำไรมาก แต่ต้องเก่งในการบริหาร รู้เท่าทัน และทำให้ประชาชนเข้าถึงยาได้อย่างเพียงพอ

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น