เป็นที่พูดถึงกันอย่างมากสำหรับตัวละคร “พละ” ในซีรีส์ “ฮอร์โมน” ที่ออกอากาศก่อนวันเอดส์โลก 1 ธันวาคม เพียงไม่กี่วันแล้วสร้างความเข้าใจเรื่องเอชไอวี/เอดส์ กับสังคมจนถึงกับมีชาวโซเชียลพูดกันว่าที่ผ่านมาถูกตำราสุขศึกษาหลอก
พระเจ้า! นี่เราเรียนอะไรกันมาหรือเกี่ยวกับเรื่องเอดส์
จริงๆ ต้องบอกว่าตำราสุขศึกษาให้ข้อมูลเรื่องเอดส์ไว้นิดเดียวว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่มีข้อมูลใหม่ๆ ด้านการรักษา ไม่ทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คนไม่ป้องกันจนทำให้ติดเชื้อเอชไอวีคืออะไร ทำให้เด็กๆ ที่เรียนหนังสือมามีภาพเอดส์ที่น่ากลัวและรู้สึกว่าเอดส์เป็นเรื่องไกลตัวพวกเขา ทั้งๆ ที่ทุกปีครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่คือ “เยาวชน”
แต่ “พละ” คือตัวละครที่บอกกับผู้ชมว่า เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีมาตั้งแต่แรกเกิดสามารถมีชีวิตอยู่ได้ และไม่ได้อยู่อย่างอ่อนแอ ขี้โรค แต่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนกับวัยรุ่นทั่วไป สามารถเรียนหนังสือ ทำทุกอย่างได้ มีแฟนได้ โดยให้ข้อมูลว่า “ยาต้านไวรัส” คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้พละไม่ป่วย ไม่อ่อนแอ เหมือนตำราสุขศึกษาตามที่เรียนกันในโรงเรียน
นอกจากนี้ คลิปสั้นๆ ชื่อ “พละ ผมมีเชื้อ HIV ครับ” ที่พูดถึงเรื่อง เอชไอวี VS เอดส์ ก็ได้สร้างความเข้าใจให้กับสังคมว่า 2 ชื่อนี้เกี่ยวข้องกันแต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว และการใช้ผิดที่ผิดทางก็สร้างความเข้าใจผิดจนเกิดการติดเชื้อรายใหม่และการไม่เข้าถึงการรักษา (ใครสนใจหาชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=JTnfWB1AOAw )
“พละ” โด่งดังมากจริงๆ ครับ หลายคนโทรเข้ามาปรึกษาเรื่องเอชไอวี/เอดส์ เพราะได้ดูซีรีส์ตอนนี้ หนึ่งในนั้นคือสาวน้อยคนหนึ่งที่เพิ่งทราบว่าแฟนติดเชื้อเอชไอวีเพราะเอะใจว่าแฟนของเธอกินยาเหมือนที่ “พละ” กิน เมื่อแฟนเธอยอมรับว่าติดเชื้อเอชไอวีจริงและกินยาต้านไวรัสมาได้ 5 ปีแล้ว ใจจริงก็อยากบอกเรื่องนี้กับเธอมากแต่เพราะกลัวสูญเสียความสัมพันธ์จึงปิดบังไว้และรอบอกเมื่อพร้อม สาวน้อยคนนี้ช็อกมากครับเพราะตลอดเวลาที่เป็นแฟนกันเธอกับแฟนใช้ถุงยางบ้าง ไม่ใช้บ้าง แม้จะโกรธแต่ก็เข้าใจแฟน เธอตั้งใจไปตรวจเลือดในเร็ววันนี้เพื่อที่จะได้ดูแลรักษาตัวเองต่อไป เธอบอกกับเราว่า “เพราะดูพละแท้ๆ หนูถึงรู้ว่าแฟนติดเชื้อ”
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ายังมีอีกหลายคนครับที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน แต่ยังนึกไม่ถึงว่าตัวเองเสี่ยงต่อเอชไอวี ด้วยอาจจะยังมีมายาคติเรื่องเอดส์ในแบบเก่าๆ ว่าคนเป็นเอดส์ต้องผอม ดำ มีตุ่ม แฟนเราดูแข็งแรงไม่น่าจะมีเชื้อ หรืออาจจะคิดว่าเราและแฟนไม่ใช่คนเที่ยว ไม่ได้มั่ว ไม่มีทางติดเชื้อเอชไอวีแน่ มายาคติแบบนี้แหละครับที่ทำให้หลายรายติดเชื้อกันมาแล้ว
ย้อนกลับมาที่ “พละ” ตัวละครที่ติดเชื้อเอชไอวีตั้งแต่แรกเกิดกันอีกครั้ง ข้อมูล ณ ปัจจุบันอาจบอกได้ว่าทุกโรงเรียนมัธยมมีเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีเรียนอยู่ แต่โรงเรียนจะรู้หรือไม่ อันนี้อีกเรื่อง ที่ผมพูดแบบนี้เพราะดูจากตัวเลขการรับยาต้านไวรัสของเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิดและปัจจุบันเข้าสู่วัยรุ่นระดับเรียนมัธยมพบว่ามีมากกว่าจำนวนโรงเรียนมัธยมในประเทศไทย ดังนั้น ก็อาจจะประมาณการณ์ได้แบบข้างต้นครับ
อย่างไรก็ตาม การบอกหรือไม่บอกผลเลือดเป็นสิทธิของเจ้าตัว การบังคับให้เปิดเผยผลเลือดไม่สามารถทำได้ เป็นเรื่องผิดกฎหมาย และการที่คนๆ หนึ่งจะบอกผลเลือดเอชไอวีกับใคร เจ้าตัวก็ต้องคิดกลั่นกรองแล้วหลายครั้ง เลือกแล้วว่าคนๆ นี้ไว้ใจได้ บอกแล้วไม่มีผลกระทบตามมา จึงอาจจะตัดสินใจบอก แต่ถ้าบอกแล้วถูกรังเกียจ ถูกให้ออกจากโรงเรียน ถูกยุติความสัมพันธ์ เหมือนที่เยาวชนที่ติดเชื้อเอชไอวีหลายคนเจอ แบบนี้ก็คงไม่มีใครอยากบอก จริงไหมครับ
แต่เรื่องนี้ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกหรอกครับ เรื่องป้องกันทำได้ง่ายกว่า ในเมื่อเรารู้ว่าความเสี่ยงที่จะรับเชื้อเอชไอวีหลักๆ มีเพียงเรื่องเดียวคือเพศสัมพันธ์ไม่ได้ป้องกัน เราก็ป้องกันครับ ปิดประตูการรับเชื้อไปเลย เพราะเรื่องอื่นๆ อย่างการอยู่ร่วมกันไม่ทำให้เราติดเชื้ออยู่แล้วครับ
และถุงยางยังเป็นพระเอกเสมอ ใช้เลยครับ ง่ายและทำได้ด้วยตัวเราเอง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ "Quality of Life" ได้ที่