งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ สุดคึกคัก ปชช. แห่ร่วมงานอื้อ รอรับต้นกล้าสมุนไพรหายาก ด้าน น้ำผัวหลง - เมียหลง ช่วยเพิ่มสมรรถภาพหนุ่มสาวฮิตติดลมบน คนรอชิม - ซื้อผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง รมว.สธ. เผยผลักดันแพทย์แผนไทยเป็นการแพทย์ทางเลือกหลัก พร้อมทะลวงปัญหาที่ติดขัด หมอไทยอีสานคว้าหมอไทยดีเด่น หลังรักษาคนด้วยสมุนไพรมานานกว่า 60 ปี
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 12 “การแพทย์แผนไทย...ความมั่นคงในระบบสุขภาพ” จัดโดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และภาคีเครือข่าย เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เม.ย. 2558 ว่า การจัดงานดังกล่าวเป็นการขับเคลื่อนนโยบายการแพทย์แผนไทยในระดับชาติและระดับพื้นที่ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนมากขึ้น ทั้งนี้ ครม. ได้อนุมัติให้การแพทย์แผนไทยซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม เป็นแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อผลักดันให้การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก เป็นการแพทย์ทางเลือกหลักของประเทศในการบูรณาการคู่ขนานไปกับการแพทย์แผนปัจจุบัน ในการสร้างสุขภาวะประชาชน และสร้างเศรษฐกิจของชาติ โดยการผลักดันนั้นจะต้องยอมรับศาสตร์การแพทย์แผนไทยให้เป็นระบบสุขภาพแห่งชาติ มีการคุ้มครองภูมิปัญญา พัฒนาบุคลากรแพทย์แผนไทยให้มีคุณภาพ มีสิทธิและศักดิ์ศรี และส่งเสริมสมุนไพร สำหรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน (เออีซี) ประเทศไทยจัดว่ามีทรัพยากรภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยอยู่มาก ตรงนี้จะทำให้การเจรจาการค้า ตลาดสมุนไพร ผลิตภัณฑ์สุขภาพของไทยมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ส่วนการดำเนินการอะไรที่ติดขัดอยู่ เช่น การขึ้นทะเบียนสมุนไพร การวิจัยแพทย์แผนไทย เป็นต้น ก็จะเร่งดำเนินการให้ผ่านอุปสรรคไปได้
นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การแสดงนิทรรศการการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก การประชุมวิชาการ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ การให้บริการสุขภาพด้านการแพทย์แผนไทย การจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร การวิจัยและพัฒนาต่อยอดผลงานที่มาจากการจัดงานใน 11 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดรายได้ทางเศรษฐกิจ เช่น มะขามป้อม หมามุ่ย หญ้ารีแพร์ พร้อมเปิดตัวสมุนไพรหายากหลายชนิด เช่น ป่าเฮ่วหมอง ว่านนางตัด หัวเข่าคลอน การเปิดเผยสูตรอาหารและขนมที่ใช้สมุนไพรเป็นส่วนประกอบ เพื่อสนับสนุนการนำสมุนพรมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น คุกกี้หมามุ่ย บำรุงสมอง ส้มตำมะระขี้นก ไก่ต้มขมิ้น เป็นอาหารต้านเบาหวาน บริการนวดไทยเพื่อผู้สูงอายุ การแจกสมุนไพรหายากวันละ 300 ต้น พร้อมการอบรมระยะสั้นกว่า 30 หลักสูตร เช่น นวดกระตุ้นความจำในผู้สูงอายุ การทำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าท้อง การทำผลิตภัณฑ์กระชับผิว เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงาน นพ.ปิยะสกล ยังได้เป็นประธานมอบมอบเกียรติบัตรให้หมอไทยดีเด่นประจำปี 2558 คือ 1. นายพรมมา แสงชมพู หมอพื้นบ้านที่ทำการรักษาโรคให้ประชาชนในพื้นที่ผ่านการตรวจสุขภาพและยืนยันโรคจากแพทย์แผนปัจจุบันเรียบร้อยแล้ว โดยสมุนไพรที่ใช้จะมีทั้งประเภทสูตรตำรับยาต้ม ยาหม้อ โดยเฉพาะการอบสมุนไพรหลังคลอดซึ่งได้รับความนิยม ปัจจุบันมีการถ่ายทอดองค์ความรู้โดยตั้งเป็นกลุ่มสมุนไพรขันติธรรม ซึ่งมีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 85 คน และ 2. นายสอย เพชรฤทธิ์ หรือหมอตีนเปล่า ซึ่งเป็นหมอพื้นบ้านที่มีสูตรตำรับยารักษามะเร็งควบคู่กับการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน
สำหรับการเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 12 มีประชาชนจากทั่วประเทศแห่มาร่วมงานอย่างคึกคัก โดยก่อนเปิดงานด้านหน้าห้องจัดแสดงผลิตภัณฑ์มีประชาชนมาเข้าแถวเพื่อรอเข้างานเป็นจำนวนมาก และเมื่อถึงเปิดให้เข้าชมพบว่าประชาชน โดยเฉพาะซุ้มของ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร มีประชาชนมาเข้าแถวเพื่อรับหนังสือบันทึกของแผ่นดิน และต้นกล้าสมุนไพรหายากที่มีการเอามาจากฟรีภายในงานวันละกว่า 300 ต้น ให้ความสนใจไปชิมและซื้อผลิตภัณฑ์น้ำผัวหลง เมียหลงอย่างเนืองแน่น ส่วนขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) เน้นนำเสนอผลการวิจัยสารสกัดจากขมิ้นชัน ที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ รักษาผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม ลดการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันตับจากสารพิษ ป้องกันการเกิดมะเร็ง บำรุงสมอง ช่วยเพิ่มอายุของเม็ดเลือดแดง นำเสนอผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงความจำ จีพีโอ พรมมิ พร้อมแจกต้นพรมมิวันละ 200 ต้น วันละ 2 รอบ ช่วงเวลา 14.00 น. และ 17.30 น. พร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในราคาพิเศษ ซึ่งพบว่าก็มีประชาชนมารอรับต้นพรมมิเช่นเดียวกัน รวมถึงจุดแสดงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็ได้รับความนิยมจากประชาชนเช่นเดียวกัน
นายพรมมา แสงชมภู อายุ 86 ปี หมอไทยดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2558 กล่าวว่า ตนทำหน้าที่เป็นหมอไทยตั้งแต่สมัยเป็นสามเณร ได้รับตำรับสมุนไพรในการรักษาโรคต่างๆ มาจากหลวงปู่ โดยส่วนใหญ่จะใช้สมุนไพรเป็นตำรับยาต้ม และยาฝนบ้าง โดยคนป่วยที่มารักษาก็จะถามว่า แพทย์แผนปัจจุบันวินิจฉัยว่าป่วยเป็นอะไร จากนั้นจะจัดตำรับสมุนไพรให้ไปรับประทาน รู้สึกภูมิใจที่ได้รับรางวัลนี้ เพราะในการให้การรักษาคนป่วยก็ตั้งใจว่าจะหายาสมุนไพรให้ลูกหลานกิน ปัจจุบันมีการถ่ายทอดภูมิปัญญาความรู้เรื่องตำรับสมุนไพรให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านกุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยตั้งเป็นกลุ่มสมุนไพรขันติธรรม มีสมาชิกประมาณ 85 คน เพื่อสืบสานภูมิปัญญาไทยต่อไป
นายสอย เพชรฤทธิ์ อายุ 76 ปี หมอไทยดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2558 กล่าวว่า ตนเป็นหมอรักษามาตั้งแต่อายุ 14 ปี ดีใจและภูมิใจที่ได้รับรางวัลนี้ และปัจจุบันมีการให้การสนับสนุนภูมิปัญญาไทย เรื่อง หมอพื้นบ้านและสมุนไพรมากขึ้น ในอนาคตอยากเห็นการแพทย์แผนไทย แผนปัจจุบัน และแผนอนาคตผสมผสานการทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ ในการให้บริการคนไข้จะใช้ยาสมุนไพรท้องถิ่นประยุต์ร่วมกับการแพทย์แผนจีนที่ตนไปเรียนรู้มาจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน เพื่อใช้เป็นการรักษาผู้ป่วยตั้งแต่การเป่า การนวด การจับเส้น เพื่อแก้อาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อต่างๆ และใช้ยาสมุนไพรในการรักษาโรคโดยใช้ตำรับยาต้ม
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่