เทียบ 3 สิทธิรักษาฟัน ทันตแพทยสมาคมฯ ชี้ “ประกันสังคม” แย่สุด เหตุต้องร่วมจ่าย แต่สิทธิประโยชน์น้อย เบิกจ่าย 600 บาทต่อปี จี้ขยายสิทธิครอบคลุมหัตถการอื่น เพิ่มเพดานการเบิกจ่าย ไม่ใช่ให้สิทธิแต่ผู้ประกันตนยังต้องจ่ายเพิ่ม ด้านข้าราชการดีที่สุด ส่วนสิทธิบัตรทองยังไม่ครอบคลุมการรักษาคลองรากฟัน
วันนี้ (12 ส.ค.) ทพ.อดิเรก ศรีวัฒนาวงษา นายก (สำรอง) ทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า เมื่อเปรีบเทียบสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมของ 3 กองทุนรักษาพยาบาลหลักที่มีอยู่ในประเทศไทย คือ สวัสดิการข้าราชการ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) และประกันสังคม ซึ่งแม้แต่ละกองทุนจะมีการกำหนดสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมแล้ว แต่ความครอบคลุมไม่เท่ากัน โดยพบว่า สิทธิประกันสังคมจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่ำที่สุด และดูเหมือนว่าผู้ประกันตนจะถูกเอารัดเอาเปรียบมากที่สุดด้วย เพราะเป็นกลุ่มเดียวที่ต้องร่วมจ่าย แต่สิทธิที่ได้รับการทำฟันน้อยมาก จำกัดเพียงแค่การถอนฟัน อุดฟัน การขูดหินน้ำลาย และใส่ฟันเทียมถอดได้ โดยมีเพดานเบิกจ่ายเพียงแค่ 600 บาทต่อปี และกำหนดให้เป็นการเบิกจ่ายจากการทำหัตถการ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 300 บาท ถือว่าน้อยมากและยุ่งยาก
ทพ.ดิเรก กล่าวว่า ขณะที่ระบบบัตรทองให้สิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมการทำหัตถกรรมเกือบทั้งหมด ตั้งแต่การขูดหินน้ำลาย อุดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด ยกเว้นการรักษาคลองรากฟัน ไปจนถึงการใส่ฟันเทียม ซึ่งถือว่าดีกว่า แต่ที่ดีที่สุดคือ สวัสดิการข้าราชการ เพราะสิทธิประโยชน์ครอบคลุมหัตถการทันตกรรมทั้งหมด เพียงแต่จำกัดต้องทำเฉพาะในโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น ซึ่งบางแห่งมีคิวหนาแน่น เพราะต้องดูแลทั้งผู้ป่วยบัตรทองและข้าราชการ ทำให้ข้าราชการบางส่วนยอมจ่ายเงินในบางหัตถการ เพื่อรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแทน
“ประกันสังคมควรปรับปรุงสิทธิประโยชน์ครอบคลุมหัตถการด้านทันตกรรมให้กว้างขึ้น และปรับเพิ่มเพดานเบิกจ่ายให้สูงขึ้น เพราะการกำหนดเพียงแค่ 600 บาท แทบจะไม่ได้อะไรเลย แต่เมื่อพูดถึงประเด็นปรับเพิ่มเมื่อไรก็มักจะถูกอ้างถึงเรื่องความยั่งยืนของกองทุน แต่มองว่าการที่ สปส. ระบุเช่นนั้นเป็นการปฏิเสธการให้ความคุ้มค่าการดูแลผู้ประกันตนที่คุ้มค่าแก่ผู้ถูกบังคับจ่ายค่าประกัน เพราะเป็นระบบประกันภาคบังคับ จึงต้องให้การดูแลที่ดีและครอบคลุม ไม่ใช่การให้สิทธิที่ไม่ครอบคลุมโดยที่ผู้ประกันตนยังต้องจ่ายเงินรักษาดูแลตนเอง” ทพ.อดิเรก กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (12 ส.ค.) ทพ.อดิเรก ศรีวัฒนาวงษา นายก (สำรอง) ทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า เมื่อเปรีบเทียบสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมของ 3 กองทุนรักษาพยาบาลหลักที่มีอยู่ในประเทศไทย คือ สวัสดิการข้าราชการ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) และประกันสังคม ซึ่งแม้แต่ละกองทุนจะมีการกำหนดสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรมแล้ว แต่ความครอบคลุมไม่เท่ากัน โดยพบว่า สิทธิประกันสังคมจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่ำที่สุด และดูเหมือนว่าผู้ประกันตนจะถูกเอารัดเอาเปรียบมากที่สุดด้วย เพราะเป็นกลุ่มเดียวที่ต้องร่วมจ่าย แต่สิทธิที่ได้รับการทำฟันน้อยมาก จำกัดเพียงแค่การถอนฟัน อุดฟัน การขูดหินน้ำลาย และใส่ฟันเทียมถอดได้ โดยมีเพดานเบิกจ่ายเพียงแค่ 600 บาทต่อปี และกำหนดให้เป็นการเบิกจ่ายจากการทำหัตถการ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 300 บาท ถือว่าน้อยมากและยุ่งยาก
ทพ.ดิเรก กล่าวว่า ขณะที่ระบบบัตรทองให้สิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมการทำหัตถกรรมเกือบทั้งหมด ตั้งแต่การขูดหินน้ำลาย อุดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด ยกเว้นการรักษาคลองรากฟัน ไปจนถึงการใส่ฟันเทียม ซึ่งถือว่าดีกว่า แต่ที่ดีที่สุดคือ สวัสดิการข้าราชการ เพราะสิทธิประโยชน์ครอบคลุมหัตถการทันตกรรมทั้งหมด เพียงแต่จำกัดต้องทำเฉพาะในโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น ซึ่งบางแห่งมีคิวหนาแน่น เพราะต้องดูแลทั้งผู้ป่วยบัตรทองและข้าราชการ ทำให้ข้าราชการบางส่วนยอมจ่ายเงินในบางหัตถการ เพื่อรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแทน
“ประกันสังคมควรปรับปรุงสิทธิประโยชน์ครอบคลุมหัตถการด้านทันตกรรมให้กว้างขึ้น และปรับเพิ่มเพดานเบิกจ่ายให้สูงขึ้น เพราะการกำหนดเพียงแค่ 600 บาท แทบจะไม่ได้อะไรเลย แต่เมื่อพูดถึงประเด็นปรับเพิ่มเมื่อไรก็มักจะถูกอ้างถึงเรื่องความยั่งยืนของกองทุน แต่มองว่าการที่ สปส. ระบุเช่นนั้นเป็นการปฏิเสธการให้ความคุ้มค่าการดูแลผู้ประกันตนที่คุ้มค่าแก่ผู้ถูกบังคับจ่ายค่าประกัน เพราะเป็นระบบประกันภาคบังคับ จึงต้องให้การดูแลที่ดีและครอบคลุม ไม่ใช่การให้สิทธิที่ไม่ครอบคลุมโดยที่ผู้ประกันตนยังต้องจ่ายเงินรักษาดูแลตนเอง” ทพ.อดิเรก กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่