อธิบดีกรมศิลป์ ลั่น 24 ก.ค. นำช่างรื้อศาลาวัดกัลยาณ์ ซึ่งสร้างโดยไม่ได้ขออนุญาต สั่งนิติกรคำนวณค่ารื้อถอนจากวัด
วันนี้ (22 ก.ค.) นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการทางกฎหมายกับวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ว่า ตามที่ ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตาม คำสั่งศาลปกครองกลาง ไม่รับคำฟ้องของวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ที่ยื่นฟ้องกรมศิลปากร เพื่อขอให้ศาลปกครองสูงสุด สั่งเพิกถอนคำสั่ง วธ 0403/1035 ลว. 8 เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 55 เรื่อง ห้ามวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร รื้อถอนทำลายอาคาร 3 หลังภายในวัด ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ประกอบด้วย อาคารหมายเลข 20 ค4/4 หมายเลข 20 ค 4/5 และหมายเลข 21 ตามแผนผังโบราณสถานวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารนั้น ขณะนี้ ถือว่า คำพิพากษาของศาลสิ้นสุดลงแล้ว กรมศิลปากร จึงจะเข้าไปดำเนินการตามกฎหมาย โดยได้ทำหนังสือ ลงวันที่ 13 ก.ค. แจ้งไปทางวัดแล้วว่าจะเข้าไปรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในวัดที่สร้างขึ้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร ซึ่งทางวัดก็ได้ลงนามรับทราบเรื่องแล้ว
นายบวรเวท กล่าวว่า วันที่ 24 ก.ค. ตนจะนำทีมช่างเข้าไปรื้อถอนศาลาภายในวัด จำนวน 2 รายการ ซึ่งเป็นศาลาที่ทางวัดได้รื้อทำลายของเก่าทิ้งไปและมีการปลูกสร้างขึ้นใหม่โดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งการรื้อถอนครั้งนี้ กรมศิลปากรจะมีการเก็บอุปกรณ์ส่วนต่าง ๆ ที่ยังใช้ประโยชน์ได้ให้กับวัด โดยเป็นไปตามระเบียบการรื้อถอน หลังจากนั้น กรมศิลปากร จะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามกฎหมายแพ่งกับทางวัดอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายจากการรื้อถอน โดยทางวัดจะต้องรับผิดชอบ ซึ่งตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่นิติกร ไปประเมินราคาค่าดำเนินการ เพื่อสรุปรวมค่าเสียหายเพื่อฟ้องคดีแพ่ง รวมทั้งประเมินค่าใช้จ่ายล่วงหน้า เพื่อใช้ในกรณีที่อาจจะมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่ให้เหมือนศาลาแบบเดิม อย่างไรก็ตาม กรมศิลปากร เห็นว่า การดำเนินการรื้อถอนครั้งนี้ เป็นการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2535 เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน ในการห้ามไม่ให้มีการทำลายโบราณสถานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตามกฎหมาย ระบุไว้ชัดเจนว่า กรณีจะดำเนินการใด ๆ ต่อโบราณสถานจะต้องขออนุญาตจากกรมศิลปากรก่อนทุกครั้ง และห้ามทำโดยพลการ หากฝ่าฝืน ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่