นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (15 พ.ค.)ตนได้เชิญ นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายพเยาว์ เนี๊ยะแก้ว อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาหารือกรณีที่ชาวนครปฐมออกมาคัดค้านการยุบพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม และโยกย้ายโบราณวัตถุไปไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งผลการหารือได้ข้อสรุปว่า วธ.จะไม่มีการยุบพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์รวมถึงไม่มีการย้ายโบราณวัตถุทั้งหมดออกไปไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทองด้วย โดยที่ประชุมได้หารือถึงปัญหาระบบการรักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจส่งผลต่อโบราณวัตถุที่จะสูญหายได้ รวมถึงพื้นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดเล็ก
ทั้งนี้จากการหารือทางจังหวัด ได้นำเสนอพื้นที่เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมเดิม ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 40 ไร่ มาใช้ในการก่อสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์แห่งใหม่ขึ้น โดยทุกฝ่ายก็ยอมรับในข้อเสนอดังกล่าว ดังนั้น ตนจึงได้มอบหมายให้นายบวรเวท จัดส่งนักสถาปนิก และมัณฑนากร ไปสำรวจและศึกษาพื้นที่ เพื่อกำหนดว่าจะใช้ส่วนใดในการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ และให้ดำเนินการออกแบบ เพื่อนำมาเสนอของบประมาณก่อสร้างในปีงบประมาณ 2560
นอกจากนี้ยังได้หารือกันถึงแผนการดำเนินงานในอนาคตว่า หากก่อสร้างแล้วเสร็จ อาจจะมอบให้ทางจังหวัด หรือ ท้องถิ่นเข้ามาบริหารจัดการด้วย ขณะเดียวกันตนจะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถึงปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังของวธ. โดยเฉพาะปัญหาของกรมศิลปากร ที่บุคลากรต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องขออัตราเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตนจะให้กรมต่างๆในสังกัด วธ.ประเมินและประมวลปัญหา เพื่อนำเสนอ ก.พ. โดยเร็วที่สุด
ด้าน นายชาติชาย กล่าวว่า ผลการหารือเป็นที่น่าพอใจ และยินดีที่จะให้มีการก่อสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ใหม่ ขณะเดียวกันทางจังหวัดได้รับปากที่จะร่วมมือกับ วธ. ในการดำเนินงานร่วมกัน โดยระหว่างนี้ตนจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดชุดสายตรวจมาดูแลรักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ให้มีความถี่มากขึ้น รวมทั้งจะนำผลการหารือไปแจ้งให้ชาวนครปฐมได้รับทราบ ซึ่งตนคิดว่าการเคลื่อนไหวน่าจะยุติลง อย่างไรก็ตามเมื่อมีกระแสข่าวออกมาทำให้ประชาชนเกิดความสนใจในการดูแลรักษาของมีค่าในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีหลายพันรายการ ดังนั้น ทางจังหวัดจะใช้โอกาสนี้ ให้เป็นประโยชน์ โดยจัดรถให้บริการนำนักเรียน นักศึกษาเข้ามาเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์ให้มากขึ้น
ทั้งนี้จากการหารือทางจังหวัด ได้นำเสนอพื้นที่เรือนจำกลางจังหวัดนครปฐมเดิม ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 40 ไร่ มาใช้ในการก่อสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์แห่งใหม่ขึ้น โดยทุกฝ่ายก็ยอมรับในข้อเสนอดังกล่าว ดังนั้น ตนจึงได้มอบหมายให้นายบวรเวท จัดส่งนักสถาปนิก และมัณฑนากร ไปสำรวจและศึกษาพื้นที่ เพื่อกำหนดว่าจะใช้ส่วนใดในการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ และให้ดำเนินการออกแบบ เพื่อนำมาเสนอของบประมาณก่อสร้างในปีงบประมาณ 2560
นอกจากนี้ยังได้หารือกันถึงแผนการดำเนินงานในอนาคตว่า หากก่อสร้างแล้วเสร็จ อาจจะมอบให้ทางจังหวัด หรือ ท้องถิ่นเข้ามาบริหารจัดการด้วย ขณะเดียวกันตนจะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถึงปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังของวธ. โดยเฉพาะปัญหาของกรมศิลปากร ที่บุคลากรต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องขออัตราเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตนจะให้กรมต่างๆในสังกัด วธ.ประเมินและประมวลปัญหา เพื่อนำเสนอ ก.พ. โดยเร็วที่สุด
ด้าน นายชาติชาย กล่าวว่า ผลการหารือเป็นที่น่าพอใจ และยินดีที่จะให้มีการก่อสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ใหม่ ขณะเดียวกันทางจังหวัดได้รับปากที่จะร่วมมือกับ วธ. ในการดำเนินงานร่วมกัน โดยระหว่างนี้ตนจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดชุดสายตรวจมาดูแลรักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ให้มีความถี่มากขึ้น รวมทั้งจะนำผลการหารือไปแจ้งให้ชาวนครปฐมได้รับทราบ ซึ่งตนคิดว่าการเคลื่อนไหวน่าจะยุติลง อย่างไรก็ตามเมื่อมีกระแสข่าวออกมาทำให้ประชาชนเกิดความสนใจในการดูแลรักษาของมีค่าในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีหลายพันรายการ ดังนั้น ทางจังหวัดจะใช้โอกาสนี้ ให้เป็นประโยชน์ โดยจัดรถให้บริการนำนักเรียน นักศึกษาเข้ามาเรียนรู้ในพิพิธภัณฑ์ให้มากขึ้น