วธ. ชูชายแดนใต้ศูนย์กลางวัฒนธรรมอาเซียน โดยใช้มิติวัฒนธรรม - อัตลักษณ์ ภาคใต้ และ 3 ประเทศเพื่อนบ้าน เปิดประตูสู่อาเซียน
ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้มิติอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ว่า ที่ประชุมได้ติดตามและหารือถึงโครงการจัดกิจกรรมต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้มิติอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้ขับเคลื่อนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมอาเซียน ซึ่งเห็นว่าวัฒนธรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจะต้องให้ความสำคัญกับคนในพื้นที่ในการเข้ามามีส่วนร่วม ขณะเดียวกัน ก็ให้ความสำคัญกับมิติของความเป็นอาเซียนด้วย โดยควรจัดกิจกรรมด้านวัฒนธรรมกับประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน เพื่อให้เกิดการไหลเท แลกเปลี่ยน และแบ่งปันทางวัฒนธรรมร่วมกัน ทั้งเรื่องความเชื่อ ศิลปะการแสดง วิถีชีวิต อาหาร และ ศิลปวัฒนธรรม
ส่วนกิจกรรมจะต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วนช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2558 โดยเห็นตรงกันว่าควรเน้นกิจกรรมที่น่าสนใจ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. เรื่อง ศิลปะการแสดง เช่น ลิเกฮูลู หนังตะลุง หนังใหญ่ โดยจะเชิญคณะการแสดงจากประเทศเพื่อนบ้านมาร่วมแสดงด้วย เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมการแสดงร่วมกัน โดยไม่ถือเป็นการแข่งขันหรือประชันกันแต่อย่างใด 2. เรื่องผ้าและการแต่งกายในมิติทางภาคใต้ เนื่องจากเห็นว่าลายผ้า ลายบาติกของจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ทั้งการทอ การปัก และการออกแบบลวดลายที่ดี ซึ่งจะนำไปสู่การวิจัยและผลิต รวมถึงการเดินแฟชั่นร่วมกันของประเทศเพื่อนบ้านด้วย และ 3. เรื่องอาหาร โดยเฉพาะฮาลาลเป็นที่นิยมมากทางใต้ จึงควรจัดกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงอาหารแต่ชนิดและรสชาติของอาหารแต่ละประเทศ
“วธ. จะใช้ยุทธศาสตร์เชิงบวกด้านมิติวัฒนธรรมลบภาพที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความน่ากลัวของจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเปิดประตูสู่อาเซียน เพราะในมิติของวัฒนธรรมนั้นชายแดนใต้ ถือเป็นแหล่งที่มีความสมบูรณ์ ประชากรยิ้มแย้มมีความสุข และเต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน หากถูกนำมาใช้บ่อยๆ จะเกิดมิติความสงบ และความเข้าใจซึ่งกันและกันได้” ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังได้รับทราบเรื่องการเตรียมการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์อัลกุรอาน ที่กรมศิลปากรเตรียมอออกแบบพิพิธภัณฑ์แล้วที่ จ.นราธิวาส ซึ่งในอนาคตจะเป็นจุดดึงดูดให้ผู้ศรัทธาจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามเข้ามาเคารพบูชา และศึกษาคัมภีร์ ในมิติของการท่องเที่ยวเชิงศรัทธา เพื่อสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชายแดนใต้ได้อย่างดี
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่