xs
xsm
sm
md
lg

“ประตูที่ไม่มีใครกล้าเปิด”!!..จดหมายจาก “เลขา ศอ.บต.” ชวนคนกลับบ้านช่วงรอมฎอน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ASTVผู้จัดการออนไลน์

 
โดย...เอกรักษ์  ศรีรุ่ง
 
ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน...คุณภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) เขียนจดหมาย 417 ฉบับ ไปถึงผู้มีชื่อในบัญชีหมายจับ...ให้กลับบ้าน
 
จดหมายฉบับนี้พิมพ์ทั้งภาษาไทย-มลายู...คุณภาณุ เริ่มด้วยการแนะนำตัว...เป็นคนปัตตานี เป็นปลัดอำเภอ เป็นนายอำเภอเจาะไอร้อง อำเภอศรีสาคร เป็นผู้ว่าฯ ปัตตานี เคยนำ ขจก.และผู้ก่อเหตุร้ายมอบตัวแล้วนับร้อยคน
 
ทุกวนนี้ คนเหล่านี้ไม่มีคดี มีอาชีพ มีครอบครัว ลูกเมียมีความสุขทุกคน
 
เวลานี้ใกล้ช่วงรอมฎอน เป็นโอกาสที่น้องจะมาหาครอบครัว ตามแนวทางของศาสนาอิสลาม ต้องคิด ต้องทำแต่เรื่องดี จึงอยากขอให้มาเปิดบวชด้วยกัน ฉลองวันฮารีรายอด้วยกัน
 
“รอมฎอนปีนี้เป็นรอมฎอนที่ประเสริฐ เราทุกคนจะได้ผลบุญเต็มที่ การรายงานตัวครั้งนี้ แม่ทัพภาค 4 และ ศอ.บต.จะช่วยเหลือเต็มที่ ทั้งด้านคดี ความปลอดภัย การใช้ชีวิตปกติ มีงานอาชีพ มีรายได้ของน้องทุกคน”
 
 
ท้ายจดหมาย...คุณภาณุ เขียนขั้นตอนรายงานตัวไว้ว่า...
 
1.ประสานกับคนถือจดหมาย หรือกำนันผู้ใหญ่บ้าน อิหม่าม หรือญาติพี่น้อง ติดต่อนายอำเภอ ผู้กำกับตำรวจ หรือทหารที่ใกล้สุด
 
2.ทุกอย่างจะดำเนินการในทางลับ และจะต้องรีบจัดการให้แล้วเสร็จในสัปดาห์สุดท้ายก่อนรอมฎอน (หมดเขต 15 มิ.ย.2558)
 
3.หากจะติดต่อ ศอ.บต. ให้ใช้สายด่วน ศอ.บต. 1880
 
ผมนึกถึงภาพการก่อเหตุร้ายในยะลา ในปัตตานี ในนราธิวาส แล้วก็หนักใจ แต่เมื่ออ่านจดหมายเลขา ศอ.บต.แล้วก็สบายใจ...โล่งใจ
 
ใน 417 รายชื่อปีนี้ มีทั้งคนที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการระดับแกนนำ มีหมายจับ ป.วิอาญา 8 ราย แต่หลายรายไม่มีหมายจับ แต่กังวลไม่สบายใจ จึงหลบหนีไว้ก่อน
 
เคยได้ยินว่า ทุกปีก่อนรอมฎอนจะมีบรรยากาศที่ผมอยากเรียกว่า “หยุดยิง” อย่างนี้ และก็เข้าใจว่าจำนวนรายชื่อในบัญชีผู้ก่อเหตุร้ายก็คงลดลง ความสงบสันติสุขตามเป้าหมาย...คงใกล้เข้าไปอีก
 
วิธีคลี่คลายปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้แบบนี้ ไม่ใช่วิธีใหม่...สมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม...ใช้ได้ผลชะงัดชัดเจนแล้ว ทั้ง “ผกค.” “ขจก.” และ “จคม.” วางปืนเข้ามอบตัวเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย
 
หลังการมอบตัว หลายคนเป็นกำนัน เป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นมือไม้สำคัญของทางการ มีฐานะการงาน...มั่นคง
 
ผมมีนิทานเรื่อง...ประตูที่ไม่มีใครกล้าเปิด...(เรื่องเล็กๆ ความหมายใหญ่ๆ สำนักพิมพ์อินสไปร์ 2553) ขอเอามาเล่าต่อ...
 
พระราชาประสงค์จะเลือกขุนนางรับหน้าที่สำคัญ โจทย์ของพระองค์คือ ประตูใหญ่ของเมืองบานหนึ่ง มันทั้งใหญ่ ทั้งหนา และหนัก...ยังไม่มีใครเคยเปิดมันได้
 
พวกขุนนางมองประตูบานนั้น...เหมือนถูกมนต์สะกด วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา การเปิดประตูคงยากนัก หลายคนไม่กล้ากระทั่งเฉียดเข้าใกล้
 
คนที่กล้า...และทำท่าฉลาดบางคน เดินเฉียดเข้าไป ไม่เห็นวี่แววเปิดได้ ก็ถอยออกมา
 
มีขุนนางเพียงคนเดียวเดินถึงประตูบานนั้น...เขามองมันอย่างพินิจพิจารณา ไม่ช้าเขาก็เห็นโซ่หนักเส้นหนึ่ง เขาลองลากโซ่เส้นนั้น ไม่นานประตูบานใหญ่นั้นก็เปิดออก
 
นิทานเรื่องนี้จบลงตรงพระราชาตรัสว่า...
 
“เจ้าไม่จำกัดตัวเองจากสิ่งที่เจ้ามองเห็น และได้ยิน เจ้ามีความกล้าที่จะใช้สติปัญญา และพละกำลังที่จะเสี่ยงทดลอง เพราะเหตุนี้ข้าจะมอบตำแหน่งสำคัญที่สุดให้”
 
ปัญหาของแผ่นดินจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เหมือนประตูบานใหญ่...ที่เคยถูกเปิดมาแล้ว เพียงแต่คนรุ่นต่อมา...ไม่ใช้ปัญญา ทำให้มันปิดเกือบสนิท สนิมเกรอะกรัง
 
ใช้คนถูกแล้ว ประตูกำลังเผยอเปิดแล้ว ก็ต้องช่วยกันเปิดต่อไป นอกจากกำลังและปัญญา ความจริงใจอย่างยวดยิ่งเป็นแรงส่งที่สำคัญ
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น