เมื่อไม่นานนี้ ดิฉันได้เจอเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่าเธอกำลังจะตั้งแชร์ (วิธีการระดมทุนอย่างหนึ่งจากกลุ่มคนใกล้ชิดเพื่อให้ได้เงินจำนวนหนึ่งโดยอาศัยความไว้วางใจ) โดยที่รุ่นน้องคนนั้นจะเป็นเท้าแชร์ (เป็นเสมือนเจ้ามือ) เอง
ดิฉันก็เลยสอบถามว่าจะเอาเงินไปทำอะไร
“หนูจะเอาไปจ่ายค่าเรียนพิเศษของลูกค่ะ ค่าเรียนแพงเหมือนกัน แล้วต้องเรียนหลายคอร์ส เพราะต้องเรียนต่อเนื่องด้วย หนูไม่ได้เตรียมเงินไว้ตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้จำเป็นต้องใช้ ก็เลยคิดว่าจะตั้งแชร์ดีกว่าค่ะ”
ความจริงก่อนหน้านี้ดิฉันก็เคยได้ยินเรื่องจากเพื่อนคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าแม่ของเพื่อนลูกคนหนึ่ง ถึงขั้นไปกู้ยืมเงินเพื่อจะให้ลูกได้เรียนพิเศษหลายอย่าง
ทั้งสองเรื่องนี้เป็นตัวอย่างสะท้อนอีกหลายครอบครัวที่อาจจะเลือกหนทางชีวิตเช่นนี้
เรื่องเรียนพิเศษหรือเรียนกวดวิชากลายเป็นค่านิยมของคนเป็นพ่อแม่มาแทบทุกยุคทุกสมัย แต่ดูเหมือนยุคนี้จะสาหัสมากขึ้น เพราะกลายเป็นว่าการเรียนพิเศษของลูกเป็นเรื่องจำเป็นมาก
และค่าใช้จ่ายเท่าไรก็ต้องหามาให้ได้ !
ในอดีต ค่าใช้จ่ายของครอบครัวที่มีลูกแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะมีค่าใช้จ่ายประจำในครัวเรือน ค่ากินอยู่ ค่าเดินทาง ค่าจิปาถะ ฯลฯ และถ้าเป็นเรื่องของลูกส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องค่าเทอม แต่ดูเหมือนพ่อแม่ยุคนี้ไม่พอแล้ว เพราะค่าเรียนพิเศษได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายหลักของแต่ละครอบครัวไปเสียแล้ว
เรียกว่าไม่ว่าพ่อแม่จะมีฐานะแบบไหน แต่ก็จะส่งลูกเรียนพิเศษ บางคนเน้นเรียนเรื่องวิชาการ บางคนเน้นเรื่องทักษะชีวิตด้านอื่นๆ เช่น เรียนดนตรี เรียนกีฬา เรียนศิลปะฯลฯ ซึ่งก็ต้องใช้เงินทั้งสิ้น
ในขณะที่การจับจ่ายใช้สอยของคนยุคนี้ก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ต้องยอมรับว่าถูกกระตุ้นให้บริโภคเพราะ “อยาก” มากกว่าเพราะ “จำเป็น” จนดูเหมือนว่าหลายๆอย่าง ในชีวิตมันได้แปรสภาพจากความ “อยาก” ไปเป็น “จำเป็น” ไปซะหมด
ทุกวันนี้เวลาไปศูนย์การค้าหรือแหล่งชอปปิ้ง โดยเฉพาะบรรดาร้านอาหาร เรามักจะเห็นผู้คนเข้าคิว ต่อคิวกันเพื่อใช้บริการ หรือเห็นภาพของผู้คนที่แย่งกันซื้อสินค้าลดราคากันมากมาย ประหนึ่งเหมือนเราอยู่ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ดีมาโดยตลอด
ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าเราอยู่ในสังคมบริโภคนิยม ที่นับวันจะเน้นบริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผนวกเข้ากับโลกแห่งเทคโนโลยีที่เข้ามาตอบสนองความสะดวกสบาย นั่นหมายความว่าเราก็ต้องใช้เงินแลกกับความสะดวกสบาย
และนั่นก็หมายความว่า ลูกก็ได้เสพพฤติกรรมของความช่างบริโภคของคนเป็นพ่อแม่ หรือผู้ใกล้ชิดเด็กอย่างแน่นอน
นี่ยังไม่นับรวมกับบรรดาทัศนคติเรื่องที่เพื่อนลูกมีอะไร ก็ต้องให้ลูกมีสิ่งนั้นด้วย เพราะไม่อยากให้ลูกน้อยหน้า หรือไม่อยากให้ลูกรู้สึกว่าด้อยกว่าคนอื่น ทั้งที่เป็นทัศนคติที่แย่ และสร้างพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมให้กับลูกอีกต่างหาก
เรื่องเรียนพิเศษเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ถูกกลายสภาพเป็น “จำเป็น” และกลายเป็นค่าใช้จ่ายหลักของครอบครัวที่พร้อมจ่ายแม้ว่าต้องทำงานมากขึ้นหรือต้องลำบากเพิ่มขึ้นก็ยอม
แล้วมันคุ้มกันไหม?
หนึ่ง เวลาคุณภาพที่ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
จากที่พ่อแม่ทำงานทั้งคู่ เมื่อลูกไปเรียนหนังสือ กลับมาจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาและใช้ช่วงเวลาคุณภาพทำกิจกรรมร่วมกัน แต่กลายเป็นว่าพ่อแม่ต้องทำงานหนักขึ้น เวลาที่น้อยลงอยู่แล้วก็ลดน้อยลงไปอีก เพราะต้องหารายได้เพิ่ม ต้องทำโอที เพื่อแลกกับเงินค่าเรียนพิเศษของลูก
สอง เป็นสิ่งที่ลูกต้องการจริงหรือ
ช่วงเวลาที่ลูกยังเล็ก เราให้ลูกเรียนพิเศษ แล้วเคยลองถามลูกไหมว่าระหว่างให้เขาเรียนพิเศษกับอยู่กับพ่อแม่ เขาอยากเลือกสิ่งไหน ลูกไม่มีโอกาสได้เลือก เพราะเชื่อฟังพ่อแม่ เพราะพ่อแม่บอกว่าดี เพราะพ่อแม่บอกว่าอยากให้เรียน โดยที่พ่อแม่ได้รู้หรือไม่ว่าแท้จริงลูกรู้สึกอย่างไร
สาม ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเองดีกว่าไหม
ในกรณีที่ลูกอาจจะมีปัญหาเรื่องการเรียน พ่อแม่ลองเปลี่ยนวิธีคิดด้วยการพยายามหาทางช่วยฝึก ช่วยสอน ด้วยการพูดคุยว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งใดในบทเรียน และกระตุ้นให้ลูกฝึกถามคุณครู เราเองก็จะได้รู้ว่าลูกของเราทำสิ่งใดได้ดี และสิ่งใดที่ยังติดขัดอยู่ ก็จะได้เป็นการฝึกสังเกตและส่งเสริมลูกได้ถูกทาง ที่สำคัญเป็นการฝึกให้ลูกรู้จักการแก้ปัญหาและช่วยเหลือตัวเองได้ด้วย
แต่ทั้งสามข้อนี้ก็ถูกมองข้ามไป...ด้วยทัศนคติที่ว่า
“ทำอย่างไรได้ล่ะ ก็ในเมื่อเพื่อนลูกเรียนพิเศษกันหมด ถ้าลูกเราไม่เรียนแล้วจะทันคนอื่นได้อย่างไร”
แล้วถ้าเด็กที่เรียนตามระบบและไม่ได้เรียนพิเศษเลย ก็อาจกลายเป็นเด็กเรียนอ่อนในชั้นเรียน เพราะเด็กที่เรียนเก่ง ล้วนแล้วต้องไปเรียนพิเศษ
พ่อแม่บางคนก็ส่งลูกเรียนพิเศษตั้งแต่เล็กจนกลายเป็นวิถีชีวิต
เพราะพ่อแม่จำนวนมากต่างก็ปักใจเชื่อตรงกันว่า ที่ลูกสามารถสอบเข้าโรงเรียนต่างๆ ได้ ก็เพราะพาลูกไปเรียนพิเศษ หากเรียนในระบบอย่างเดียวไม่มีทางสอบเข้าได้เด็ดขาด
จากความไม่จำเป็นที่เด็กทุกคนต้องเรียนพิเศษในระยะแรกๆ แต่เมื่อเด็กเริ่มเรียนพิเศษกันมากขึ้นๆ จนในที่สุดแทบไม่มีเด็กคนใดไม่เรียนพิเศษ ก็ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้พ่อแม่สนับสนุนให้ลูกเรียนพิเศษ จนทุกวันนี้พ่อแม่ที่คุยกันเรื่องเรียนของลูก แทบจะคุยกันแต่เรื่องเรียนพิเศษ
มันน่าเศร้าไหมเล่า !!
แอบคิดแผลงๆ ว่า ถ้าพ่อแม่รวมตัวกันเรียกร้องเงินบางส่วนคืนจากโรงเรียนในระบบบ้างได้ไหม ฐานที่สอนแล้วยังมีความจำเป็นที่เด็กต้องเรียนพิเศษกันระห่ำอีก
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่