สพฉ.เตรียมแนวทางป้องกันเมอร์สสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ แนะผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ต้องไม่สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเองทุกครั้ง พร้อมประสานศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการเตรียมรับมือ
หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อ“โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง” หรือ ไวรัสเมอร์ส (MERS) เป็นคนแรกของประเทศไทย และอยู่ระหว่างการเฝ้าระวังผู้ต้องสงสัยอีก 59 ราย นั้น เบื้องต้น สธ.ได้ออกมาตรการเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไว้ในขั้นสูงสุดแล้ว
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทยุฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโรคยังไม่ใช้คำเรียกว่า “โรคระบาด” แต่จากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วที่ประเทศเกาหลีใต้ ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วง โดย สพฉ. ได้เตรียมความพร้อมสำหรับผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉินเช่นกัน โดยได้ออกประกาศการทำงานเพื่อป้องกันตนเองของบุคลากรให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อ คือ ก่อนเข้าทำการช่วยเหลือผู้ป่วยจะต้องพิจารณาถึงอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลของตนเองก่อนเสมอเพื่อความปลอดภัย โดยต้องมีอุปกรณ์ป้องกันที่ครบถ้วน ไม่ไปสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง นอกจากนี้จะต้องทำการประเมินความปลอดภัย และสังเกตถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตนเองหรือผู้ป่วยด้วย
สำหรับแนวทางปฏิบัติงาน มีดังนี้ หากสัมผัสกับผู้ป่วยทุกรายโดยไม่ต้องมีการตรวจเลือดผู้ป่วยว่าติดเชื้อหรือไม่ จะต้องล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อทุกครั้งทั้งก่อนและหลังสัมผัส พยายามหลีกเลี่ยงการเกิดบาดแผลขณะทำงาน การปฏิบัติงานจะต้องสวมถุงมือทุกครั้ง เพราะอาจจะมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อโรคของผู้ป่วยได้ และ สวมเสื้อคลุมหรือแผ่นกันเปื้อนทุกครั้ง สวมผ้าปิดจมูก ทุกครั้ง นอกจากนี้ที่สำคัญห้ามใช้ปากดูดหรือเป่าในการกระทำงานใด ห้ามทำ mouth to mouth resuscitation กับผู้ป่วยที่ไม่ทราบประวัติแน่นอน อีกทั้งควรทำความสะอาดสถานที่และบริเวณที่ปนเปื้อนของผู้ป่วยทันทีด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทันที และเครื่องมือต่างๆ ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งแต่ถ้ามีความจำเป็นต้องนำกลับมาใช้อีกก็ให้นำจะต้องนำไปอบฆ่าเชื้อให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตามได้ประสานให้ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงเตรียมพร้อมรับมือโดยใช้มาตรการสูงสุดแล้ว
ทั้งนี้ สธ.ได้ประกาศให้ไวรัสเมอร์สเป็น “โรคติดต่ออันตราย” ที่ต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2523 โดยที่ผ่านมามีการประกาศไปแล้ว 6 โรคด้วยกันคือ โรคอหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ ไข้เหลือง ไข้กาฬโรค โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) และโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ดังนั้นหากผู้ป่วยมีอาการ มีไข้หรืออาจไม่มีไข้, ไอ จาม มีเสมหะ , หายใจหอบลำบาก หากรุนแรงจะมีภาวะหายใจล้มเหลว , ตรวจพบปอดอักเสบ , ถ่ายอุจจาระเหลว และไตวาย โดยหากใครฝ่าฝืนหรือปิดบังข้อมูล มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่