แต่ไหนแต่ไรมา เป็นที่ทราบกันดีว่า เชื้อไวรัสมรณะตระกูลโคโรนากลุ่มโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (Middle East Respiratory Syndrome) หรือไวรัส “MERS” ซึ่งอุบัติขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกตั้งแต่เมื่อช่วงกลางปี 2012 นั้น มีศูนย์กลางของการแพร่ระบาดอยู่ที่ราชอาณาจักรกลางทะเลทรายอย่างซาอุดีอาระเบีย และรัฐอาหรับรายรอบ แต่การพบผู้เสียชีวิตและติดเชื้อในเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางการระบาดหลายพันกิโลเมตร ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงไม่น้อย
คำแถลงของทางกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ที่ระบุว่า มีสตรีวัย 58 ปีเสียชีวิตจากไวรัส “เมอร์ส” เมื่อวันที่ 1มิถุนายน และการเสียชีวิตของชายวัย 71 ปีอีกคนหนึ่งในวันที่ 2 มิถุนายน หลังจากที่เขาได้รับเชื้อมรณะนี้เข้าสู่ร่างกายได้เพียงไม่กี่วัน กลายเป็นข่าวช็อกที่ปลุกกระแสแห่งความหวาดกลัว ให้ลุกลามไปทั่วดินแดนโสมขาวภายในระยะเวลาเพียงชั่วพริบตา
ข้อมูลล่าสุดนับจนถึงวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) ระบุว่า เกาหลีใต้พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสเมอร์สแล้วอย่างน้อย 2 คน ขณะเดียวกันก็พบผู้ติดเชื้อไวรัสที่ยังไม่มีหนทางรักษาชนิดนี้ อีกอย่างน้อย 30 คนทั่วประเทศ ส่งผลให้เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีผู้ตกเป็นเหยื่อเชื้อไวรัสนี้มากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 รองจากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ ถือได้ว่าเป็นการพบการระบาดของไวรัสเมอร์ส นอกภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นครั้งที่ 2 เท่านั้นหลังจากก่อนหน้านี้ มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสเมอร์สในพื้นที่ส่วนอื่นๆของเอเชียเพียงแค่รายเดียว นั่นคือ ผู้ป่วยชายชาวมาเลเซียที่เสียชีวิตลงเมื่อเดือนเมษายน ปี 2014
ด้านกวอน จุนวุก เจ้าหน้าที่อาวุโสแห่งกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเฉพาะกิจฉุกเฉินของรัฐบาลโซลสำหรับรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์ส เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯกำลังออกติดตามผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก และว่า มีประชาชน 24 คนถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศ หลังต้องสงสัยว่าอาจได้รับเชื้อ
ประธานาธิบดีหญิงพัค กึน-ฮเย ผู้นำรัฐบาลโสมขาวออกโรงตำหนิการทำหน้าที่ของบรรดาเจ้าหน้าที่การแพทย์และบุคลากรด้านสาธารณสุขในประเทศของตน ที่ยังมีมาตรการรับมือการระบาดของไวรัสมรณะชนิดนี้ “ไม่เพียงพอ” ก่อนที่ผู้นำหญิงผู้นี้จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางรับมือกับการแพร่ระบาดต่อไป
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะตระกูลโคโรนากลุ่มโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ที่กำลังดำเนินอยู่ในเกาหลีใต้เวลานี้ ถือได้ว่าเป็นการระบาดครั้งที่ใหญ่ที่สุดของเชื้อไวรัส MERS นอกซาอุดีอาระเบีย ประเทศต้นกำเนิดไวรัสชนิดนี้ที่แผลงฤทธิ์คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 400 รายนับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา
รายงานข่าวระบุว่าโรงเรียนในระดับประถมศึกษาทั่วเกาหลีใต้กว่า 700 แห่งตัดสินใจปิดการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนี้มีเกือบ 50 แห่งที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดคยองกี ซึ่งเป็นที่พำนักของผู้ป่วยหญิงที่เสียชีวิตเป็นรายแรกของประเทศ
ในขณะที่ชเว คยองฮวาน รักษาการนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ประกาศทุ่มทรัพยากรทั้งหมดที่มีเพื่อยับยั้งและป้องกันการระบาดของไวรัสเมอร์ส หลังจากที่ผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยสื่อหลายสำนักบ่งชี้ว่า ประชาชนเกาหลีใต้จำนวนมากรู้สึกกังวลว่า มาตรการรับมือเบื้องต้นของทางการยังอ่อนด้อยประสิทธิภาพ
ในอีกด้านหนึ่ง กระแสหวาดกลัวภัยการระบาดของไวรัสเมอร์สได้ส่งผลให้ยอดขาย “หน้ากากอนามัย”ของผู้ค้าปลีกออนไลน์รายหนึ่งมียอดสั่งซื้อพุ่งสูงขึ้นถึง 700% ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับราคาของหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบินต่างๆที่พากันดิ่งลงตามกัน
ทั้งนี้ ไวรัสเมอร์สหรือไวรัสมรณะตระกูลโคโรนากลุ่มโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางนี้ ถูกจัดเป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในตระกูลเดียวกับเชื้อไวรัส “ซาร์ส” ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจรุนแรง และส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตไปหลายร้อยรายในทวีปเอเชียเมื่อปี 2003 โดยไวรัสเมอร์สอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ตั้งแต่ปวดเมื่อยคล้ายกับเป็นไข้ ร่วมด้วยอาการปอดอักเสบและมีผลทำให้ไตวาย แต่ถึงกระนั้นความสามารถในการแพร่เชื้อของไวรัสเมอร์ส ยังคงต่ำกว่าอัตราการแพร่กระจายเชื้อของไวรัสที่ทำให้เกิดโรคซาร์สอยู่หลายเท่า
จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้จะดำเนินต่อไปยาวนานเพียงใดและมีความรุนแรงในระดับใด แต่การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในแดนกิมจิเวลานี้ ถือเป็นเครื่องมือเตือนสติอย่างดีแก่พี่น้องคนไทย เพราะเชื้อมรณะซึ่งยังไร้หนทางรักษานี้ได้ขยับเข้ามาใกล้ตัวคนไทยมากขึ้นทุกขณะและไม่ถือเป็น “เรื่องไกลตัว” อีกต่อไป