ASTVผู้จัดการรายวัน-สถานทูตไทยในเกาหลีใต้ ประกาศเตือนคนไทยในเมืองแดจอนและพื้นที่ใกล้เคียง เลี่ยงไปที่สาธารณะ สกัดติดเชื้อโรค MERS ด้านสาธารณสุขยึดมาตรการ "อีโบลา" เฝ้าระวังโรค พร้อมสั่งติดตามคนไปประกอบพิธีฮัจญ์-อุมเราะห์ใกล้ชิด ด้านเกาหลีใต้ สั่งปิดโรงเรียนประถมแล้วกว่า 200 แห่ง WHO ติดตามการระบาดใกล้ชิด หนักใจโรคนี้เป็นโรคใหม่ คนยังไม่มีความรู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2012 หรือเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (Middle East Respiratory Syndrome) หรือ MERSที่ประเทศเกาหลีใต้ ล่าสุด วานนี้ (3 มิ.ย.) สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ได้ออกประกาศเตือนชาวไทยในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะคนที่อาศัยในเมืองแดจอนและพื้นที่ใกล้เคียง ให้เพิ่มความระมัดระวังตัว หลีกเลี่ยงการอยู่ที่สาธารณะ ซึ่งอาจเป็นแหล่งติดเชื้อได้ หมั่นล้างมือให้สะอาด ใช้หน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก เมื่อมีอาการไอ จาม หากเป็นไข้ให้พบแพทย์ทันที หากสงสัยว่ามีบุคคลในครอบครัวติดเชื้อดังกล่าว นอกจากพบแพทย์แล้วให้แจ้งสถานเอกอัครราชทูตฯด้วย
สำหรับประเทศไทย กรมควบคุมโรค (คร.) ได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือโรคดังกล่าว ร่วมกับ รพ.รามาธิบดี รพ.กลาง กรุงเทพมหานคร (กทม.) รพ.เอกชน รพ.ศิริราช กรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ กระทรวงกลาโหม
โดยนพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร. กล่าวภายหลังประชุมว่า ขณะนี้มีรายงานพบผู้ป่วย MERSในเกาหลีใต้ 30 ราย เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ที่ต้องเฝ้าระวังติดตามอาการ เนื่องจากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอีกประมาณ 700-800 ราย ซึ่งถือว่ามีระบบในการจัดการโรคได้ดี ผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ในห้องแยก และยังมีการประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เช่น สวนสาธารณะ เป็นต้น
ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อห้ามในการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด ส่วนประเทศไทยจะดูบทเรียนที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ เนื่องจากการติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในโรงพยาบาล เพราะกว่าผู้ป่วยคนแรกจะได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ ก็มีการไปรักษาใน 3 คลินิก 1 โรงพยาบาล จึงมีผู้สัมผัสโรคจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งแพทย์ และพยาบาลติดเชื้อด้วยเช่นกัน
นพ.โสภณ กล่าวว่า เบื้องต้นประเทศไทยจะนำเอางบประมาณและมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้ออีโบลามาใช้ในการป้องกันโรค MERS คือ 1.การเฝ้าระวังผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลาง และประเทศที่มีการระบาด เช่น ป่วยในช่วงระยะเวลา 14 วัน ปอดบวมรุนแรง เป็นกลุ่มก้อน โรคทางเดินหายใจ 2.การตรวจวินิจฉัยโรคทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งขณะนี้ สามารถทำได้ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกแห่ง และ 3.การดูแลรักษาในรพ.รัฐและเอกชน โดยวันที่ 4 มิ.ย. จะนำข้อสรุปมาตรการเฝ้าระวังโรค MERS รายงานให้ รมว.สาธารณสุขทราบ และจะมีการประชุมทางไกลผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขทั่วประเทศเพื่อทราบแนวทางในการป้องกันโรคนี้ต่อไป
นอกจากนี้ จะติดตามผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ด้วย ซึ่งจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคก่อนไป มีทีมแพทย์คอยดูแลในพื้นที่ และขอความร่วมมือสำนักจุฬาราชมนตรี และบริษัทเอเยนซี เพื่อขอรายชื่อผู้ที่จะเดินทางไปทำอุมเราะห์ ที่ประเทศแถบตะวันออกกลาง เพื่อติดตามเฝ้าระวังป้องกันโรคต่อไป
"ขอแนะนำทั้ง 2 กลุ่ม หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังฟาร์มเลี้ยงสัตว์ งดการสัมผัสกับอูฐหรือดื่มนมอูฐดิบ ล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ และหลังเดินทางกลับมาแล้วจะต้องติดตามเฝ้าระวังต่อในระยะ 14 วัน ซึ่งเป็นระยะฟักตัวของโรค รวมถึงกลุ่มอื่นๆ ที่ต้องเดินทางไปในพื้นที่ตะวันออกกลาง โดยระหว่างนี้ ใครที่ป่วยอยู่ในช่วง 14 วันต้องรีบมาพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเดินทางด้วยซึ่งสำคัญมาก"นพ.โสภณกล่าว
ทางด้านสำนักข่าวต่างประเทศ เอเอฟพี รายงานว่า พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้เรียกประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าอาวุโสด้านสาธารณะสุขและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อร่างแผนการกักกันโรคแบบสมบูรณ์ หลังจากได้รับรายงานมีผู้ติดเชื้อใหม่ 5 ราย ทำให้การระบาดครั้งนี้ เป็นการระบาดที่ใหญ่ที่สุดของเชื้อไวรัส MERS นอกซาอุดิอาระเบีย ที่คร่าชีวิตคนไปมากกว่า 400 รายนับตั้งแต่ปี 2555
ขณะเดียวกัน ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นกลัว พากันออกมาซื้อหน้ากากและน้ำยาล้างมือเก็บสำรองไว้ และกิจกรรมในที่สาธารณะหลาย 10 งานถูกยกเลิก ประชาชนกว่า 1,360 คนที่สัมผัสกับเชื้อไวรัสทั้งทางตรงและทางอ้อมถูกจัดให้อยู่ภายใต้การกักโรคในระดับที่แตกต่างกันออกไป
ฮวาง วู-ยี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า มีโรงเรียนประถมปิดการเรียนการสอนชั่วคราวแล้ว 209 แห่ง เพราะมาตรการป้องกันการติดเชื้อในหมู่นักเรียน ควรมีการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม
ด้าน WHO ระบุว่า กำลังเฝ้าติดตามการระบาดครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นโรคเกิดใหม่ ที่ยังคงขาดความรู้ความเข้าใจกันมาก
ล่าสุด มีผู้ติดเชื้อไวรัส MERS แล้ว 1,161 คนทั่วโลก เสียชีวิตแล้ว 436 ราย ประเทศที่ได้รับผลกระทบมีมากกว่า 20 ประเทศ และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในซาอุดีอาระเบีย
สำหรับโรค MERSตอนนี้ยังไม่มีหนทางรักษาหรือวัคซีน โดยเป็นอันตรายน้อยกว่าโรคติดต่อในตระกูลเดียวกันอย่างเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory Syndrome) หรือโรค SARS ที่คร่าชีวิตคนหลายร้อยในช่วงที่มันระบาดหนักในเอเชียเมื่อปี 2546
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2012 หรือเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (Middle East Respiratory Syndrome) หรือ MERSที่ประเทศเกาหลีใต้ ล่าสุด วานนี้ (3 มิ.ย.) สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ได้ออกประกาศเตือนชาวไทยในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะคนที่อาศัยในเมืองแดจอนและพื้นที่ใกล้เคียง ให้เพิ่มความระมัดระวังตัว หลีกเลี่ยงการอยู่ที่สาธารณะ ซึ่งอาจเป็นแหล่งติดเชื้อได้ หมั่นล้างมือให้สะอาด ใช้หน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก เมื่อมีอาการไอ จาม หากเป็นไข้ให้พบแพทย์ทันที หากสงสัยว่ามีบุคคลในครอบครัวติดเชื้อดังกล่าว นอกจากพบแพทย์แล้วให้แจ้งสถานเอกอัครราชทูตฯด้วย
สำหรับประเทศไทย กรมควบคุมโรค (คร.) ได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือโรคดังกล่าว ร่วมกับ รพ.รามาธิบดี รพ.กลาง กรุงเทพมหานคร (กทม.) รพ.เอกชน รพ.ศิริราช กรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ กระทรวงกลาโหม
โดยนพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร. กล่าวภายหลังประชุมว่า ขณะนี้มีรายงานพบผู้ป่วย MERSในเกาหลีใต้ 30 ราย เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ที่ต้องเฝ้าระวังติดตามอาการ เนื่องจากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอีกประมาณ 700-800 ราย ซึ่งถือว่ามีระบบในการจัดการโรคได้ดี ผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ในห้องแยก และยังมีการประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เช่น สวนสาธารณะ เป็นต้น
ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อห้ามในการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด ส่วนประเทศไทยจะดูบทเรียนที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ เนื่องจากการติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในโรงพยาบาล เพราะกว่าผู้ป่วยคนแรกจะได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ ก็มีการไปรักษาใน 3 คลินิก 1 โรงพยาบาล จึงมีผู้สัมผัสโรคจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งแพทย์ และพยาบาลติดเชื้อด้วยเช่นกัน
นพ.โสภณ กล่าวว่า เบื้องต้นประเทศไทยจะนำเอางบประมาณและมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้ออีโบลามาใช้ในการป้องกันโรค MERS คือ 1.การเฝ้าระวังผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลาง และประเทศที่มีการระบาด เช่น ป่วยในช่วงระยะเวลา 14 วัน ปอดบวมรุนแรง เป็นกลุ่มก้อน โรคทางเดินหายใจ 2.การตรวจวินิจฉัยโรคทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งขณะนี้ สามารถทำได้ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกแห่ง และ 3.การดูแลรักษาในรพ.รัฐและเอกชน โดยวันที่ 4 มิ.ย. จะนำข้อสรุปมาตรการเฝ้าระวังโรค MERS รายงานให้ รมว.สาธารณสุขทราบ และจะมีการประชุมทางไกลผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขทั่วประเทศเพื่อทราบแนวทางในการป้องกันโรคนี้ต่อไป
นอกจากนี้ จะติดตามผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ด้วย ซึ่งจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคก่อนไป มีทีมแพทย์คอยดูแลในพื้นที่ และขอความร่วมมือสำนักจุฬาราชมนตรี และบริษัทเอเยนซี เพื่อขอรายชื่อผู้ที่จะเดินทางไปทำอุมเราะห์ ที่ประเทศแถบตะวันออกกลาง เพื่อติดตามเฝ้าระวังป้องกันโรคต่อไป
"ขอแนะนำทั้ง 2 กลุ่ม หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังฟาร์มเลี้ยงสัตว์ งดการสัมผัสกับอูฐหรือดื่มนมอูฐดิบ ล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ และหลังเดินทางกลับมาแล้วจะต้องติดตามเฝ้าระวังต่อในระยะ 14 วัน ซึ่งเป็นระยะฟักตัวของโรค รวมถึงกลุ่มอื่นๆ ที่ต้องเดินทางไปในพื้นที่ตะวันออกกลาง โดยระหว่างนี้ ใครที่ป่วยอยู่ในช่วง 14 วันต้องรีบมาพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเดินทางด้วยซึ่งสำคัญมาก"นพ.โสภณกล่าว
ทางด้านสำนักข่าวต่างประเทศ เอเอฟพี รายงานว่า พัค กึน-ฮเย ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้เรียกประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าอาวุโสด้านสาธารณะสุขและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อร่างแผนการกักกันโรคแบบสมบูรณ์ หลังจากได้รับรายงานมีผู้ติดเชื้อใหม่ 5 ราย ทำให้การระบาดครั้งนี้ เป็นการระบาดที่ใหญ่ที่สุดของเชื้อไวรัส MERS นอกซาอุดิอาระเบีย ที่คร่าชีวิตคนไปมากกว่า 400 รายนับตั้งแต่ปี 2555
ขณะเดียวกัน ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นกลัว พากันออกมาซื้อหน้ากากและน้ำยาล้างมือเก็บสำรองไว้ และกิจกรรมในที่สาธารณะหลาย 10 งานถูกยกเลิก ประชาชนกว่า 1,360 คนที่สัมผัสกับเชื้อไวรัสทั้งทางตรงและทางอ้อมถูกจัดให้อยู่ภายใต้การกักโรคในระดับที่แตกต่างกันออกไป
ฮวาง วู-ยี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า มีโรงเรียนประถมปิดการเรียนการสอนชั่วคราวแล้ว 209 แห่ง เพราะมาตรการป้องกันการติดเชื้อในหมู่นักเรียน ควรมีการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม
ด้าน WHO ระบุว่า กำลังเฝ้าติดตามการระบาดครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นโรคเกิดใหม่ ที่ยังคงขาดความรู้ความเข้าใจกันมาก
ล่าสุด มีผู้ติดเชื้อไวรัส MERS แล้ว 1,161 คนทั่วโลก เสียชีวิตแล้ว 436 ราย ประเทศที่ได้รับผลกระทบมีมากกว่า 20 ประเทศ และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในซาอุดีอาระเบีย
สำหรับโรค MERSตอนนี้ยังไม่มีหนทางรักษาหรือวัคซีน โดยเป็นอันตรายน้อยกว่าโรคติดต่อในตระกูลเดียวกันอย่างเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory Syndrome) หรือโรค SARS ที่คร่าชีวิตคนหลายร้อยในช่วงที่มันระบาดหนักในเอเชียเมื่อปี 2546