เอเอฟพี – โรงเรียนในเกาหลีใต้ปิดการสอนอีกกว่าหลายร้อยแห่งในวันนี้ (4) ขณะที่ทางการกำลังพยายามบรรเทาความหวั่นวิตกที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ((Middle East Respiratory Syndrome) หรือ MERS ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 35 ราย เสียชีวิต 2 ราย และเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวหลายพันคนตัดสินใจยกเลิกแผนการเดินทาง
สถาบันการศึกษากว่า 700 แห่ง ตั้งแต่โรงเรียนอนุบาลจนถึงวิทยาลัย ได้ปิดการเรียนการสอนแล้วในตอนนี้จากกระแสความหวั่นวิตกของสาธารณะชนเกี่ยวกับสิ่งที่ได้กลายเป็นการระบาดที่ใหญ่ที่สุดของเชื้อไวรัส MERS นอกซาอุดีอาระเบีย
ในวันนี้ (4) มีการยืนยันว่ามีผู้ป่วยเพิ่มอีก 5 ราย ทำให้ยอดรวมของผู้ติดเชื่ออยู่ที่ 35 ราย กระทรวงสาธารณสุข ระบุ
ผู้ติดเชื้อรายแรก ซึ่งมีการรายงานเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม เป็นชายวัย 68 ปีที่ได้รับการวินิจฉัยหลังจากเดินทางกลับมาจากซาอุดีอาระเบีย
นับตั้งแต่นั้นมา คนกว่า 1,300 คนที่อาจสัมผัสกับเชื้อไวรัสทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ถูกจัดให้อยู่ภายใต้การกักโรคในระดับที่ต่างกันออกไป บางคนถูกแยกเดียวในสถานที่ที่ทางการจัดไว้ให้ ขณะที่หลายคนได้รับการกำชับให้อยู่แต่ในบ้าน
ในกรุงโซล ความกังวลของสาธารณะชนที่เพิ่มมากขึ้นโดยเห็นได้จากจำนวนของผู้สวมหน้ากากบนรถบัสและรถไฟใต้ดินที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวัน
ความวิตกกังวลดังกล่าวไม่ได้มีอยู่แค่ภายในประเทศเท่านั้น องค์การการท่องเที่ยวเกาหลี (Korea Tourism Organisation หรือ KTO) รายงานในวันนี้ (4) ว่า นักท่องเที่ยวกว่า 7,000 คน ส่วนมากจากจีนและไต้หวัน ยกเลิกแผนการเดินทางมายังแดนกิมจิ
“การยกเลิกเป็นจำนวนมากขนาดนี้เป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง และนักเดินทางจำนวนมากยกเรื่องการระบาดของ MERS มาเป็นเหตุผลหลัก” โฆษกของ KTO บอกกับเอเอฟพี
คณะบริหารของประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วไปถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการที่พวกเขาตอบสนองต่อการระบาดในระยะแรกช้าเกินไป
ในการประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมื่อวานนี้ (3) พัค เรียกร้องให้ใช้ “ความพยายามสูงสุด” ในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้และบรรเทาความกลัวของสาธารณะชน
ในตอนนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัส MERS แล้ว 1,161 คนทั่วโลก เสียชีวิตแล้ว 436 ราย ประเทศที่ได้รับผลกระทบมีมากกว่า 20 ประเทศ และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในซาอุดีอาระเบีย
โรค MERS ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีหนทางรักษาหรือวัคซีน ถือว่าเป็นอันตรายน้อยกว่าโรคติดต่อในตระกูลเดียวกันอย่างเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory Syndrome) หรือโรค SARS ที่คร่าชีวิตคนหลายร้อยในช่วงที่มันระบาดหนักในเอเชียเมื่อปี 2003
องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกในเกาหลีใต้ แต่ย้ำว่า “ไม่มีหลักฐานของการแพร่เชื้ออย่างต่อเนื่องในชุมชน”