กรมศิลปากร เตรียมรื้อ 2 รายการ “ศาลาเสวิกุล และศาลาทรงปั้นหยา” วัดกัลยาฯ สร้างทับที่โบราณสถานเดิม เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานคดีทุบทำลายโดยไม่ขออนุญาต
วันนี้ (30 เม.ย.) นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หลังจากมีการทุบทำลายโบราณสถานภายในวัดโดยไม่ขออนุญาตจากกรมศิลปากร ว่า ตามที่วัดกัลยาณมิตรได้ดำเนินการรื้อถอนอาคารโบราณสถาน และก่อสร้างอาคารในเขตโบราณสถานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร ตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนคดี 16 คดี อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง 10 คดี โดยได้ทำการรื้อทำลายโบราณสถาน 26 รายการ อัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง 14 รายการ และคงเหลือ อีก 1 รายการที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี ขณะที่การก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต 15 รายการ อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง 3 รายการ คงเหลืออยู่ระหว่างดำเนินคดี 12 รายการ
อย่างไรก็ดี ในการดำเนินคดีต่างๆยังมีกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเป็นที่สิ้นสุดแล้ว โดยให้กรมศิลปากรระงับการก่อสร้าง และให้รื้อถอนอาคาร หรือ ส่วนแห่งอาคารที่ก่อสร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตภายในวัดกัลยาณมิตร ภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.2552 ตามที่ทางวัดขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งกรมศิลปากรเลิกคำสั่งห้ามให้วัดกระทำการก่อสร้างอาคารในที่ดินของวัดและรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร แต่เนื่องจากทางวัดผู้ฟ้องคดีขอถอนฟ้อง ซึ่งศาลอนุญาตและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ถือว่ากรมศิลปากรชนะคดี
นายบวรเวท กล่าวต่อว่า กรมศิลปากร จึงใช้อำนาจตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 มาตรา 7 ทวิ เข้าดำเนินการรื้อถอนโบราณสถานภายในวัด จำนวน 2 รายการ ได้แก่ ศาลาเสวิกุล และศาลาทรงปั้นหยา จากจำนวนทั้งสิ้น 15 รายการ ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ทางวัดได้ทุบทำลายของเดิม และสร้างขึ้นใหม่ ตนมอบหมายให้นิติกรส่งหนังสือการเข้าดำเนินการรื้ออาคารพร้อมแนบคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง แจ้งไปยังพระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยา ให้ทราบก่อนล่วงหน้า ทั้งนี้ การรื้อถอนเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานคดีทุบทำลายโดยไม่ขออนุญาตด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (30 เม.ย.) นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หลังจากมีการทุบทำลายโบราณสถานภายในวัดโดยไม่ขออนุญาตจากกรมศิลปากร ว่า ตามที่วัดกัลยาณมิตรได้ดำเนินการรื้อถอนอาคารโบราณสถาน และก่อสร้างอาคารในเขตโบราณสถานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร ตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนคดี 16 คดี อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง 10 คดี โดยได้ทำการรื้อทำลายโบราณสถาน 26 รายการ อัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง 14 รายการ และคงเหลือ อีก 1 รายการที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี ขณะที่การก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต 15 รายการ อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง 3 รายการ คงเหลืออยู่ระหว่างดำเนินคดี 12 รายการ
อย่างไรก็ดี ในการดำเนินคดีต่างๆยังมีกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเป็นที่สิ้นสุดแล้ว โดยให้กรมศิลปากรระงับการก่อสร้าง และให้รื้อถอนอาคาร หรือ ส่วนแห่งอาคารที่ก่อสร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตภายในวัดกัลยาณมิตร ภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.2552 ตามที่ทางวัดขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งกรมศิลปากรเลิกคำสั่งห้ามให้วัดกระทำการก่อสร้างอาคารในที่ดินของวัดและรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร แต่เนื่องจากทางวัดผู้ฟ้องคดีขอถอนฟ้อง ซึ่งศาลอนุญาตและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ถือว่ากรมศิลปากรชนะคดี
นายบวรเวท กล่าวต่อว่า กรมศิลปากร จึงใช้อำนาจตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 มาตรา 7 ทวิ เข้าดำเนินการรื้อถอนโบราณสถานภายในวัด จำนวน 2 รายการ ได้แก่ ศาลาเสวิกุล และศาลาทรงปั้นหยา จากจำนวนทั้งสิ้น 15 รายการ ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ทางวัดได้ทุบทำลายของเดิม และสร้างขึ้นใหม่ ตนมอบหมายให้นิติกรส่งหนังสือการเข้าดำเนินการรื้ออาคารพร้อมแนบคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง แจ้งไปยังพระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยา ให้ทราบก่อนล่วงหน้า ทั้งนี้ การรื้อถอนเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานคดีทุบทำลายโดยไม่ขออนุญาตด้วย
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่