หมอแนะสูตรวิธี “ดื่มนม” เหมาะสมสำหรับเด็กทุกช่วงวัย ย้ำทารกก่อน 6 เดือน ดื่มนมแม่อย่างเดียว หลังจาก 6 เดือนเพิ่มมื้ออาหารเสริมพ่วงนม ชี้ให้เริ่มที่มื้อเย็น ช่วยลดดื่มนมตอนดึก ลดการฟันผุได้ ส่วนวัยรุ่นดื่มนมวันละ 3 กล่องใหญ่ ช่วยเพิ่มความสูง
วันนี้ (28 เม.ย.) รศ.พญ.สุนทรี รัตนชูเอก แพทย์สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวถึงเรื่อง เลือกดื่มนมอย่างไร เพื่อให้มีสุขภาพดี ในบทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน “รวมพลัง ขยับกาย สร้างสังคมไทย ไร้พุง” โดยเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า นมเป็นอาหารที่มีประโยชน์เป็นแหล่งของแคลเซียมที่สำคัญ ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน ควรเลือกดื่มนมตามช่วงวัยอย่างเหมาะสม เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ ฟัน และลดโอกาสการเกิดโรคอ้วน แต่การดื่มนมจะต้องคำนึงถึงอายุ และปริมาณที่เหมาะสมด้วย
รศ.พญ.สุนทรี กล่าวว่า ทารกวัยขวบปีแรก นมแม่เป็นอาหารหลักอย่างเดียวถือว่าเพียงพอ ทารกอายุมากกว่า 6 เดือน ควรเพิ่มอาหารเสริมตามวัยอย่างเหมาะสม โดยเพิ่มเป็น 2 มื้อ เมื่ออายุ 8 - 9 เดือน และ 3 มื้อ เมื่ออายุ 10 - 11 เดือน หลังจากนี้ ควรให้ทารกดื่มนม 3 มื้อ และอาหาร 3 มื้อ โดยการให้ทารกเริ่มทานอาหารเสริมนั้น ควรเริ่มมื้อเย็นเป็นมื้อแรก จะทำให้ทารกอิ่มท้อง สามารถกินนมมื้อก่อนนอนเป็นมื้อสุดท้าย และงดนมมื้อดึกได้ ลดปัญหาฟันผุจากการดูดขวดนมกลางคืน แต่หากทารกอายุมากกว่า 6 เดือนกินนมได้น้อยและเจริญเติบโตช้า ให้พิจารณาเปลี่ยนเป็นนมผงสูตรต่อเนื่อง สำหรับทารกตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป หรือนมสูตร 2 ทำให้ทารกได้รับโปรตีนสูงขึ้น แต่ไม่แนะนำสำหรับทารกที่กินนมและเจริญเติบโตปกติ นอกจากนี้ ควรหัดให้ลูกดื่มน้ำจากแก้ว เพื่อความพร้อมที่จะเลิกขวดนมหลังอายุ 1 ปี
รศ.พญ.สุนทรี กล่าวว่า สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป ควรได้รับอาหารครบห้าหมู่ วันละ 3 มื้อ กินพออิ่ม และให้นมเป็นอาหารว่างระหว่างมื้อข้าว เพื่อเสริมแคลเซียมให้กระดูกและฟันแข็งแรง ส่วนเด็กก่อนวัยเรียน ควรให้นมผงสูตร 2 หรือสูตร 3 (นมครบส่วน) วันละ 2 - 3 ครั้ง ปริมาณ 12 - 24 ออนซ์ต่อวัน จะให้แคลเซียมพอต่อความต้องการของเด็กวัยนี้ อย่างไรก็ตาม วัยนี้อาจให้นมกล่องรสจืดแทนได้ เพื่อหัดให้เด็กดูดนมจากหลอดหรือแก้ว ในการเลิกขวดนมก่อนอายุ 18 เดือน โดยให้กินนมพร้อมคนในบ้าน หรือดื่มระหว่างอ่านนิทานกับลูก โดยให้เด็กดูดนมหมดกล่องเมื่อนิทานจบเรื่อง และได้แปรงฟันก่อนนอน เด็กวัยเรียน 6 ปีขึ้นไป ควรดื่มนมวันละ 2 กล่องใหญ่ และเด็กวัยรุ่น จะมีส่วนสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องการแคลเซียมมากขึ้น ควรดื่มนมวันละ 3 กล่องใหญ่ จึงจะเพียงพอ
“สำหรับนมชนิดอื่นที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ได้แก่ นมปรุงแต่งรสหวาน กินได้เป็นครั้งคราว ไม่แนะนำให้กินเป็นประจำ เพราะจะติดรสหวานของน้ำตาล และทำให้ฟันผุ นมเปรี้ยวพร้อมดื่มมีรสหวานจากการเติมน้ำตาล และมีน้ำตาลจากน้ำผลไม้ ไม่แนะนำให้กินแทนนมจืด เพราะมีปริมาณน้ำนมเพียงครึ่งเดียว ทำให้ได้รับแคลเซี่ยมปริมาณต่ำ สำหรับนมพร่องมันเนยสามารถใช้แทนนมจืด ในกรณีที่เด็กอายุมากกว่า 2 ปี มีปัญหาอ้วนหรือมีปัญหากรรมพันธุ์ไขมันในเลือดสูง เด็กที่มีปัญหาปวดท้อง หรือท้องเสียเวลากินนมจืด แนะนำให้กินโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 แก้วใหญ่ หรือดื่มนมถั่วเหลืองที่มีแคลเซียมสูงแทน” รศ.พญ.สุนทรี กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (28 เม.ย.) รศ.พญ.สุนทรี รัตนชูเอก แพทย์สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวถึงเรื่อง เลือกดื่มนมอย่างไร เพื่อให้มีสุขภาพดี ในบทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน “รวมพลัง ขยับกาย สร้างสังคมไทย ไร้พุง” โดยเครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า นมเป็นอาหารที่มีประโยชน์เป็นแหล่งของแคลเซียมที่สำคัญ ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน ควรเลือกดื่มนมตามช่วงวัยอย่างเหมาะสม เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ ฟัน และลดโอกาสการเกิดโรคอ้วน แต่การดื่มนมจะต้องคำนึงถึงอายุ และปริมาณที่เหมาะสมด้วย
รศ.พญ.สุนทรี กล่าวว่า ทารกวัยขวบปีแรก นมแม่เป็นอาหารหลักอย่างเดียวถือว่าเพียงพอ ทารกอายุมากกว่า 6 เดือน ควรเพิ่มอาหารเสริมตามวัยอย่างเหมาะสม โดยเพิ่มเป็น 2 มื้อ เมื่ออายุ 8 - 9 เดือน และ 3 มื้อ เมื่ออายุ 10 - 11 เดือน หลังจากนี้ ควรให้ทารกดื่มนม 3 มื้อ และอาหาร 3 มื้อ โดยการให้ทารกเริ่มทานอาหารเสริมนั้น ควรเริ่มมื้อเย็นเป็นมื้อแรก จะทำให้ทารกอิ่มท้อง สามารถกินนมมื้อก่อนนอนเป็นมื้อสุดท้าย และงดนมมื้อดึกได้ ลดปัญหาฟันผุจากการดูดขวดนมกลางคืน แต่หากทารกอายุมากกว่า 6 เดือนกินนมได้น้อยและเจริญเติบโตช้า ให้พิจารณาเปลี่ยนเป็นนมผงสูตรต่อเนื่อง สำหรับทารกตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป หรือนมสูตร 2 ทำให้ทารกได้รับโปรตีนสูงขึ้น แต่ไม่แนะนำสำหรับทารกที่กินนมและเจริญเติบโตปกติ นอกจากนี้ ควรหัดให้ลูกดื่มน้ำจากแก้ว เพื่อความพร้อมที่จะเลิกขวดนมหลังอายุ 1 ปี
รศ.พญ.สุนทรี กล่าวว่า สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป ควรได้รับอาหารครบห้าหมู่ วันละ 3 มื้อ กินพออิ่ม และให้นมเป็นอาหารว่างระหว่างมื้อข้าว เพื่อเสริมแคลเซียมให้กระดูกและฟันแข็งแรง ส่วนเด็กก่อนวัยเรียน ควรให้นมผงสูตร 2 หรือสูตร 3 (นมครบส่วน) วันละ 2 - 3 ครั้ง ปริมาณ 12 - 24 ออนซ์ต่อวัน จะให้แคลเซียมพอต่อความต้องการของเด็กวัยนี้ อย่างไรก็ตาม วัยนี้อาจให้นมกล่องรสจืดแทนได้ เพื่อหัดให้เด็กดูดนมจากหลอดหรือแก้ว ในการเลิกขวดนมก่อนอายุ 18 เดือน โดยให้กินนมพร้อมคนในบ้าน หรือดื่มระหว่างอ่านนิทานกับลูก โดยให้เด็กดูดนมหมดกล่องเมื่อนิทานจบเรื่อง และได้แปรงฟันก่อนนอน เด็กวัยเรียน 6 ปีขึ้นไป ควรดื่มนมวันละ 2 กล่องใหญ่ และเด็กวัยรุ่น จะมีส่วนสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องการแคลเซียมมากขึ้น ควรดื่มนมวันละ 3 กล่องใหญ่ จึงจะเพียงพอ
“สำหรับนมชนิดอื่นที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ได้แก่ นมปรุงแต่งรสหวาน กินได้เป็นครั้งคราว ไม่แนะนำให้กินเป็นประจำ เพราะจะติดรสหวานของน้ำตาล และทำให้ฟันผุ นมเปรี้ยวพร้อมดื่มมีรสหวานจากการเติมน้ำตาล และมีน้ำตาลจากน้ำผลไม้ ไม่แนะนำให้กินแทนนมจืด เพราะมีปริมาณน้ำนมเพียงครึ่งเดียว ทำให้ได้รับแคลเซี่ยมปริมาณต่ำ สำหรับนมพร่องมันเนยสามารถใช้แทนนมจืด ในกรณีที่เด็กอายุมากกว่า 2 ปี มีปัญหาอ้วนหรือมีปัญหากรรมพันธุ์ไขมันในเลือดสูง เด็กที่มีปัญหาปวดท้อง หรือท้องเสียเวลากินนมจืด แนะนำให้กินโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 แก้วใหญ่ หรือดื่มนมถั่วเหลืองที่มีแคลเซียมสูงแทน” รศ.พญ.สุนทรี กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
