xs
xsm
sm
md
lg

ประชุม 3 บอร์ดนัดแรก “ณรงค์” สั่ง คกก.-อนุ กก.ทุกหน่วยพักงานชั่วคราว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“ณรงค์” นั่งหัวโต๊ะประชุมบอร์ดคุรุสภา - สกสค.- องค์การค้าฯ นัดแรก สั่ง คกก.- อนุ กก. หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวให้เหลือไว้แค่ คกก. รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้า และ คกก. ที่ดูแลด้านสวัสดิการสมาชิกครู พร้อมมอบผู้ปฏิบัติหน้าที่ฯ แต่ละหน่วยงานไปดูและคงไว้เฉพาะ กก. ชุดที่มีความจำเป็นเหตุมีมากจนเป็นข้อครหา ขณะที่ ปฏิบัติหน้าที่ องค์การค้าฯ ระบุปี 58 มีหนี้กว่า 4 พัน ล. เร่งปรับแผนดำเนินการตามคำสั่งบอร์ด

วันนี้ (24 เม.ย.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และคณะกรรมการบริหารองค์การค้า ของ สกสค. ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรก ภายหลังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้อดีตคณะกรรมการทั้ง 3 ชุดพ้นจากหน้าที่ ว่า ที่ประชุมได้ขอให้ นายกมล ศิริบรรณ รองปลัด ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. และ นายสุเทพ ชิตยวงษ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้า ของ สกสค. ชี้แจงถึงการดำเนินการต่างๆ ภายใน 3 หน่วยงาน โดยในส่วนของคุรุสภา ที่ประชุมมีมติให้คณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ ที่คณะกรรมการคุรุสภาชุดเดิมจัดตั้งไว้รวม 37 คณะ หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนเป็นการชั่วคราว ยกเว้นคณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ที่มี นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธาน ขณะเดียวกัน ยังมอบให้ นายกมล ไปดูรายละเอียดว่าคณะกรรมการทั้ง 30 ชุด ชุดใดที่มีความจำเป็น และชุดใดที่มีความซ้ำซ้อน และเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการคุรุสภาในนัดต่อไป นอกจากนั้น ที่ประชุมอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ จำนวน 130 รายและอนุมัติใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูให้กับครูผู้ช่วย เฉพาะในสาขาที่ขาดแคลนอีก จำนวน 17 ราย

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการ สกสค.นั้น ที่ประชุมมอบหมายให้ นายพินิจศักดิ์ ไปพิจารณาการออกระเบียบแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ ภายใน สกสค. ถูกต้องตามระเบียบทุกคณะหรือไม่ และให้คณะกรรมการเหล่านั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว ยกเว้นคณะกรรมการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสมาชิก ส่วนกรณีปัญหาการทุจริตภายใน สกสค.ขอให้ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ไปดูข้อร้องเรียนต่างๆ ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร และให้นำมาพิจารณารวมกันในที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค. ขณะที่ในส่วนขององค์การค้าฯ ได้รายงานผลประกอบการ ซึ่งพบว่าในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาขาดทุนสะสมจำนวนมาก ดังนั้น จึงมอบหมายให้นายสุเทพ ไปพิจารณาปรับการดำเนินงานขององค์การค้า เพื่อลดปัญหาการขาดทุนต่อเนื่อง รวมถึงไปตรวจสอบการดำเนินงานที่ผ่านมาว่า มีเงินรั่วไหล หรือมีค่าใช่จ่ายอะไรที่ฟุ่มเฟือย โดยขอให้ทั้ง 3 ชุดเร่งดำเนินการและนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการทั้ง 3 ชุดในสัปดาห์หน้า

“เหตุผลที่ให้คณะกรรมการต่างๆ หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปก่อนเพื่อให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงานเข้าไปตรวจสอบ และวางระบบการทำงานที่เหมาะสม โดยเฉพาะในส่วนของคุรุสภาและสกสค. เพราะตำแหน่งเหล่านี้เวลาที่มีประชุมก็มีค่าใช้จ่าย ดังนั้น จึงขอให้ไปดูและให้เหลือเฉพาะชุดที่จำเป็น” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการทั้ง 3 ชุด รับทราบถึงปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการทำงาน โดยเห็นว่าที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการขึ้นมาจำนวนมาก ซึ่งในการประชุมแต่ละครั้งต้องมีเบี้ยประชุม จนเกิดเป็นข้อครหาว่า คณะกรรมการเหล่านี้เอาแต่ประชุม โดยไม่ได้ทำงานอะไร ส่วนการตรวจสอบการทุจริต ของ สกสค. ทั้งกรณีการทุจริตการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ จำนวน 360 ล้านบาท ซึ่งผลการสืบข้อเท็จจริงพบว่ามีมูล และคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงเสนอให้ยกเลิกสัญญาจ้าง กับ นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค. และกรณี สกสค. นำเงินสมาชิกโครงการการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ไปลงทุนกับบริษัทเอกชน จำนวน 2,100 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการนำเงิน ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ นั้นนายพินิจศักดิ์ได้รายงานสภาพปัญหา เบื้องต้นพบว่ามีความไม่ชอบมาพากลในหลายเรื่อง ดังนั้น จึงนายพินิจศักด์ ไปดูรายละเอียดข้อร้องเรียนต่างๆ รวมถึงให้ฝ่ายนิติกรกฎหมายไปดูสัญญาจ้างตำแหน่งเลขาธิการ สกสค. ว่าสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง

“ที่ผ่านมา ในฐานะปลัด ศธ. ผมได้กำชับให้ทั้ง 3 หน่วยงาน ดูแลในเรื่องค่าใช้จ่ายว่ามีอะไรที่เป็นการสุรุ่ยสุร่าย โดยเฉพาะการจ้างที่ปรึกษาจำนวนมาก ที่จะต้องไปพิจารณาว่ามีความจำเป็นหรือไม่ รวมถึงการทำหน้าที่ของบุคลากรในภาพรวม ซึ่งที่ผ่านมาก็มีข้อครหาว่า มีการนำพวกพ้องเข้ามานั่งทำงานในตำแหน่งต่างๆ ซึ่งจากนี้ทั้ง 3 หน่วยงานคงต้องไปดูว่าใครทำหน้าที่อะไร และจำเป็นหรือไม่” รศ.นพ.กำจร กล่าว

ขณะที่ นายสุเทพ ชิตยวงศ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.กล่าวว่า จากการลงไปติดตามการดำเนินงานขององค์การค้าฯ และภาระหนี้ที่มี ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 พบว่า องค์การค้าฯ มียอดหนี้ทั้งหมด 4,284,172,367 บาท ซึ่งเป็นหนี้ที่เกิดจากการดำเนินงานต่าง เช่น ค่าลิขสิทธิ์แบบเรียน ของ สพฐ. 222,625,485.91 บาท ค่ากระดาษ 962,297,762.40 บาท เงินบำเหน็จบำเหน็จเจ้าหน้าที่เกษียณอายุ ดอกเบี้ยธนาคาร เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็การวางแผนชำระหนี้ไว้อยู่แล้ว ขณะที่สถิติการเป็นหนี้สะสมตั้งแต่ปี 2539-2556 อยู่ที่เกือบ 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัญหาที่ทำให้เกิดภาระหนี้เพราะองค์การค้าฯ ขาดทุนจากการจำหน่ายแบบเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบลูกเสือ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดเสรีองค์การค้าฯ ก็สู้ภาคเอกชนไม่ได้ เฉพาะปีที่ผ่านมาองค์การค้าฯ มีส่วนแบ่งการตลาดจากหนังสืออยู่ 11.43% อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบให้ไปจัดทำแผนฟื้นฟูและพัฒนาองค์การค้าฯ ทั้งระบบเน้นลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพื่อให้องค์กรมีคุณภาพและสามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งองค์การค้าฯ มีทรัพย์สินมากแต่ไม่ได้นำมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ซึ่งจากนี้ก็ต้องวางแผนพัฒนา เช่น เครื่องแบบลูกเสือ ปัจจุบันสร้างรายได้ปีละ 8 ล้านบาท จะทำอย่างไรให้เพิ่มขึ้น รวมถึงสินค้าอื่นๆ ด้วย

“เวลานี้ผมเพิ่งมาได้เพียง 2 วัน แต่ก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ได้มีโอกาสผู้คุยทำความเข้าใจกับคณะผู้บริหาร พนักงานเจ้าหน้าที่ รวมถึงสหภาพองค์การค้าฯ ทุกฝ่ายมีความเข้าใจดีไม่มีการต่อต้าน มีความตื่นตัวเพราะอยากเห็นองค์กรได้รับการพัฒนา บุคลากรและสหภาพฯ พร้อมผลักดันให้องค์การค้าฯ เป็นองค์กรสมัยใหม่ ส่วนจะพัฒนาอย่างไรก็จะรอฟังนโยบายจาก รมว.ศึกษาธิการ ด้วย โดยปัจจุบันนี้องค์การค้าฯ มีบุคลากรทั้งสิ้น 4,836 คน” นายสุเทพ กล่าว
 
 
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น