รมว.ศึกษาฯ มอบทำความเข้าใจการทำงาน ผู้ปฏิบัติหน้าที่ฯ 3 องค์กร “สกสค. องค์การค้าฯ คุรุสภา” เข้าใจอาจลำบากใจ และพบกระแสต้านบ้าง พร้อมขอให้เร่งเคลียร์ปัญหาและเดินหน้างานสำคัญ เตรียมนักถกทั้ง 3 บอร์ด 24 เม.ย. นี้
วันนี้ (22 เม.ย.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ. ว่า ตนได้ชี้แจงคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้มีการโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของ ศธ. พร้อมขอให้ผู้ที่รับหน้าที่ใหม่ไปศึกษางาน เพื่อให้การดำเนินงานต่างๆ เกิดความต่อเนื่อง ไม่สะดุด โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ตนก็ได้แต่งตั้งให้ นายกมล ศิริบรรณ รองปลัด ศธ. ปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา, นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และ นายสุเทพ ชิตยวงษ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ และได้เชิญทั้ง 3 คน มาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจในงานที่ได้รับมอบหมาย เพราะเข้าใจดีว่างานที่มอบหมายอาจทำให้เกิดความลำบากใจ และอาจมีการต่อต้านจากบุคลากรในหน่วยงานอยู่บ้าง เพราะฉะนั้น เป็นหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยงานที่จะต้องไปทำความเข้าใจ รวมถึงให้ไปศึกษางาน หากมีอะไรที่เร่งด่วนก็ขอให้รีบดำเนินการ เพื่อให้การทำงานต่างๆ สามารถเดินหน้าต่อไปได้
“งานที่มอบหมายให้ครั้งนี้ถือเป็น งานใหม่ แต่ก็เชื่อว่าทั้ง 3 คนจะสามารถเข้าไปบริหารงานได้ ซึ่งผมก็ได้กำชับไปว่า หากมีอุปสรรคอะไร ก็ขอให้มาปรึกษาหารือร่วมกัน ทางผมเองยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยในส่วน สกสค. ก็ขอให้ไปดูในเรื่องของการดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์ต่อการดูสวัสดิการครูให้มากที่สุด ขณะองค์การค้าฯ ได้กำชับให้ดูแลการจัดพิมพ์ตำราเรียน ขอให้นายสุเทพ ไปดูแล อย่าให้คำสั่งโยกย้ายครั้งนี้เป็นขออ้างให้การจัดพิมพ์ตำราเรียนเกิดความล่าช้า ไม่สามารถพิมพ์ได้ทันเปิดภาคเรียน ภาพรวมหลักๆ จะมีเพียงเท่านี้” พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าว และว่า ส่วนการตรวจสอบความถูกต้องและโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ การบริหารการเงิน ทรัพย์สิน และผลประโยชน์อื่นใดของทั้ง 3 หน่วยงานนั้น ทางคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) จะเข้ามาช่วยดูแล แต่หากมีข้อมูลใดที่เกี่ยวข้องก็ขอให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ฯ ทั้ง 3 หน่วยงาน ดูแลให้ข้อมูลกับทาง คตร. เพื่อให้การตรวจสอบมีความรอบด้านมากขึ้น
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. กล่าวว่า วันที่ 24 เมษายน นี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 หน่วยงาน คือคณะกรรมการ สกสค. คณะกรรมการบริการองค์การค้าฯ และคณะกรรมการคุรุสภา ประชุมร่วมกันเพื่อหารือแนวทางแก้ปัญหาต่างๆ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่มีคำสั่งให้เลขาธิการ คุรุสภา, เลขาธิการ สกสค. และ ผอ.องค์การค้าฯ ยุติการปฏิบัติหน้าที่นั้น ในส่วนของนายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค. และ นายสมมาตร มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ นั้น ตนยังไม่เคยได้พูดคุยเป็นการส่วนตัว และโดยหลักคงไม่เหมาะสมเพราะตนถือว่าเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งต้องมีความเป็นกลาง โดยขณะนี้ทั้ง นายสมศักดิ์ และนายสมมาตร ถือเป็นผู้ถูกกล่าวหา ยังไม่ได้มีการตัดสินว่ามีความผิดเพราะฉะนั้นต้องให้โอกาสชี้แจง
ทั้งนี้ ในส่วนของ สกสค. และองค์การค้าฯ จะมีปัญหาในลักษณ์ที่คล้ายกัน คือ ปัญหาในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง อาทิ กรณีทุจริตการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ จำนวน 360 ล้านบาท ของ สกสค. ซึ่งตนเป็นประธานสืบข้อเท็จจริง ซึ่งผลออกมาแล้วว่ามีมูลที่ส่อไปในทางทุจริต มีการขยายเวลาการก่อสร้าง แก้ไขแบบ ทำให้ผิดสัญญาไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ก่อให้เกิดความเสียหายกับทางราชการ ขณะที่องค์การค้าฯ จะมีข้อร้องเรียนที่เคยได้รับการตรวจสอบไปแล้ว อาทิ การเช่าแท่นพิมพ์ พิมพ์แบบเรียนในราคาที่สูงเกิดจริง เป็นต้น ส่วนคุรุสภา มีปัญหาเรื่องร้องเรียนการเรียนรับเงินในการดำเนินการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการคุรุสภาจังหวัด ตรงนี้ก็จะเข้าไปตรวจสอบต่อไป ซึ่งหากเป็นกรณีสมประโยชน์ต่อกันอาจจะยากต่อการตรวจสอบ แต่ถ้ามีผู้เสียหายมาร้องเรียนก็จะง่ายขึ้นซึ่งเวลานี้ยังไม่มีใครมาร้องเรียน
ด้าน นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้เชิญรองเลขาธิการ สกสค. ทั้ง 4 คนมาพูดคุยเรื่องการทำงานในเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งได้ขอเอกสารการดำเนินโครงการที่เกิดปัญหาจากเจ้าหน้าที่มาศึกษาในรายละเอียด ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและทำความเข้าใจกันพอสมควร อย่างไรก็ตาม ในการประชุมบอร์ด สกสค. ซึ่งมี รมว.ศธ. เป็นประธาน ในวันที่ 24 เมษายนนี้ อาจจะยังไม่มีการนำผลสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน 360 ล้านบาท ของสำนักงาน สกสค. ที่พบว่าส่อมีการทุจริตเกิดขึ้นมาพิจารณากัน แต่ต้องพิจารณาเรื่องเร่งด่วนที่ตกค้างและฝ่ายเลขานุการได้กำหนดเป็นวาระไว้แล้ว มีความจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากบอร์ดก่อน อาทิ การพิจารณาจ่ายเงินค่าทำศพให้กับสมาชิก ช.พ.ค. ที่เสียชีวิต เป็นต้น ส่วนประเด็นข้อร้องเรียนการทุจริตต่างๆ นั้น ตนขอเวลาในการศึกษาและตรวจสอบรายละเอียดก่อน
“เมื่อได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบและดำเนินโครงการต่างๆของสำนักงาน สกสค.ให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส ผมก็พร้อมทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย การจะบอกว่าใครกระทำความผิดนั้น แน่นอนว่าจะต้องตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกว่าเขาได้ปฎิบัติตามกฏระเบียบ หรือข้อกฏหมายหรือไม่ หากจะบอกว่ากระทำความผิดหลักฐานก็ต้องชัดเจน อย่างไรก็ตามในเมื่อรัฐบาล และ คสช. มีความชัดเจนว่าต้องการทำให้ ศธ. ใสสะอาด ผมก็ไม่กลัวว่าจะมีใครเข้ามาล้วงลูก หรือเกิดรายการคุณขอมาในการตรวจสอบครั้งนี้และพร้อมจะทำหน้าที่ตรงไปตรงมาอยู่แล้วไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่หากมีการทุจริตเกิดขึ้นจริง”นายพินิจศักดิ์ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่