สงกรานต์รวม 3 วัน ดับแล้ว 121 ศพ จากอุบัติเหตุ 1,215 ครั้ง ผู้บาดเจ็บมากถึง 1,281 ราย สุราษฎร์ธานีแชมป์เกิดอุบัติเหตุ และมีผู้บาดเจ็บสูงสุด เผยภาพรวมอัตราการเกิดอุบัติเหตุลดลงจากปีที่แล้ว 20% ศปถ. สั่งคุมเข้มจุดตรวจถนนสายรอง กลุ่มมอเตอร์ไซค์ - กระบะ เร่งจัดโซนนิงพื้นที่เล่นน้ำ หวั่นกระทบจราจร
วันนี้ (12 เม.ย.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน แถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ปี 2558 โดย ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า วันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา ถือเป็นวันที่ 3 ของการรณรงค์สงกรานต์ปลอดภัย จากช่วง 7 วันอันตราย โดยพบว่า เกิดอุบัติเหตุ 492 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 62 ราย ผู้บาดเจ็บ 516 คน สาเหตุมาจากเมาสุราและขับรถเร็วเกินกำหนดเช่นเดิม เกิดกับรถจักรยานยนต์มากที่สุด ส่วนใหญ่เกิดบนทางหลวงแผ่นดิน ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ 16.01 - 20.00 น. จากการตั้งจุดตรวจหลัก 2,247 จุด มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 99,519 ราย ฐานไม่มีใบขับขี่ 29,020 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 28,130 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ สุรินทร์ 24 ครั้ง เสียชีวิตสูงสุดคือ ร้อยเอ็ด 6 ราย บาดเจ็บสูงสุด คือ สุรินทร์ 25 คน
ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับสรุปอุบัติเหตุทางถนนรวม 3 วัน เกิดอุบัติเหตุรวม 1,215 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 121 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 1,281 คน มีเพียงสมุทรปราการ และ อำนาจเจิรญ 2 จังหวัดเท่านั้นที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ ส่วนจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต มี 24 จังหวัด จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บในช่วง 3 วัน มี 3 จังหวัด ได้แก่ สมุทรปราการ หนองคาย และ อำนาจเจริญ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี 49 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา และ ร้อยเอ็ด จังหวัดละ 7 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎรธานี 59 ครั้ง
“จากสถิติอุบัติเหตุช่วง 3 วัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จำนวนครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บลดลงกว่าร้อยละ 20 - 25 ขณะที่เมาแล้วขับ ขับรถเร็วยังเป็นสาเหตุหลัก โดยรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุสูงสุด ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) จึงได้ประสานให้จังหวัดบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่ดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว เน้นเรียกตรวจรถจักรยานยนต์และรถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสาย พร้อมย้ำเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้นช่วงบ่าย - ค่ำ ซึ่งเป็นช่วงที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูง รวมถึงบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด เพื่อคุมเข้มการเข้าถึงและการจำหน่าย ครอบคลุมทั้งสถานที่จำหน่าย ช่วงเวลาและกลุ่มบุคคล โดยเฉพาะการจำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางและพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์” ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ กล่าว
นายไมตรี อินทุสุต รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่กลับถึงภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในพื้นที่ ศปถ. จึงได้กำชับให้จังหวัดปรับแผนจัดตั้งจุดตรวจหลัก จุดสกัด จุดตรวจเคลื่อนที่ จุดบริการประชาชน โดยกระจายกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในการเดินทางทุกเส้นทาง ให้ความสำคัญถนนสายรองเป็นพิเศษ พร้อมใช้มาตรการทางสังคมป้องปรามผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มิใช้ขับขี่ยานพาหนะ และใช้กลไกของชุมชนเป็นพลังสำคัญสร้างความปลอดภัยทางถนนในระดับพื้นที่ ตลอดจนให้จังหวัดปรับแผนปฏิบัติการสร้างความปลอดภัยทางถนน ให้สอดคล้องกับปัจจัยเสี่ยง บริบททางสังคมวัฒนธรรมการเล่นน้ำสงกรานต์ เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากสถิติ พบว่า วันที่ 13 - 14 เม.ย. ของทุกปีเป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง เนื่องจากมีการเล่นน้ำสงกรานต์และสังสรรค์ด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ศปถ. จึงได้ประสานให้จังหวัดจัดโซนนิงพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ กำหนดช่วงเวลาในการเล่นน้ำที่ปลอดภัยและไม่กระทบต่อการจราจร พร้อมรณรงค์การเล่นน้ำสงกรานต์ตามประเพณีคุมเข้มสถานที่จัดกิจกรรมงานสงกรานต์มิให้มีการจำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยทางถนนและป้องกันอุบัติภัยจากการเล่นน้ำสงกรานต์บริเวณสถานที่จัดงานและเส้นทางโดยรอบเป็นพิเศษ คุมเข้มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และรถกระบะบรรทุกคนเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่ชุมชนหรือบริเวณที่จัดงานสงกรานต์ ทั้งนี้ ฝากเตือนผู้เล่นน้ำสงกรานต์ให้คำนึงถึงความปลอดภัย ไม่เล่นน้ำด้วยความคึกคะนอง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นสืบสานประเพณีอันดีงามของเทศกาลสงกรานต์ให้เป็นเทศกาลแห่งความสุขและความปลอดภัย
นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ กล่าวว่า ในการเล่นน้ำสงกรานต์ ขอเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการการโดยสารหรือนั่งท้ายรถกระบะเพื่อเล่นน้ำ เนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงซึ่งผู้โดยสารที่นั่งท้ายกระบะจะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าผู้โดยสารที่อยู่ภายในรถถึง 8 เท่า และผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2520 มาตรา 20 ที่ระบุผู้ใดฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 500 บาท นอกจากนี้ ในการเฝ้าระวังป้องกันการเข้าถึงและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทาง (ถนน ไหล่ทาง และทางเท้า) หากฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
