“ณรงค์” สั่งลงโทษเด็ดขาด ครูมัธยม ร.ร. ดัง ตุ๋ยเด็ก “กมล” ยันไม่มีการช่วยเหลือ ว่าตามกระบวนการยุติธรรม ด้าน ผอ.ฉก.ชน. เร่งดูแลเด็กใกล้ชิดห่วงสภาพจิตใจ หวั่นพฤติกรรมเลียนแบบ ฟาก รอง ผอ. เขตฯ เผยหากสอบพบผิดจริงโทษถึงขั้นออกจากราชการ ระบุคุย ผอ.ร.ร. ดัง สั่งตั้ง กก. สืบข้อเท็จจริงแล้ว
จากกรณีผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง เดินทางมาร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า บุตรชายและเพื่อนนักเรียนชายอีก 3 คน ถูกครูผู้ชายซึ่งบุคลิกลักษณะคล้ายผู้หญิง กระทำการล่วงละเมิดทางเพศระหว่างร่วมเดินทางไปดูงานในโครงการนักเรียนวิทยาศาสตร์สู่สากล ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 8 - 11 มีนาคมที่ผ่าน จึงต้องการให้ สพฐ. ดำเนินการกับครูคนดังกล่าวให้ถึงที่สุด เบื้องต้น สพฐ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปติดตาม ขณะที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 2 กรุงเทพมหานคร ได้สั่งให้ครูคนดังกล่าวมาช่วยราชการที่เขตพื้นที่ฯ ไม่มีกำหนดและตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ดังที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น
ล่าสุด วันนี้ (21 มี.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตนทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้ขอให้ นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ดำเนินการตรวจสอบหากพบว่าครูคนดังกล่าวทำความผิดจริง ก็ขอให้ดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาด เพราะการล่วงละเมิดทางเพศถือว่ามีความผิดอยู่แล้ว และยิ่งเป็นครูไปกระทำการล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียน ยิ่งถือว่ามีความผิดทางวินัย ขาดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง รวมถึงยังมีความผิดทางกฎหมายด้วย ขณะที่ในส่วนของโรงเรียนต่างๆ นั้น ตนขอกำชับให้ช่วยกันสอดส่องดูแลนักเรียนและครู ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึ่งประสงค์สร้างความเสื่อมเสียขึ้นอีก
ด้าน นายกมล กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเข้มงวด รวมถึงต้องติดตามดูแลสภาพร่างกาย และจิตใจเด็กอย่างใกล้ชิด ส่วนครูหากผลการสืบสวนมีมูล ก็ต้องดำเนินการทางวินัยขั้นเด็ดขาด ซึ่งโทษจะหนักมาก ขอยืนยันว่า จะไม่มีการช่วยเหลือ หากครูรายดังกล่าวได้กระทำความผิดจริง
ทั้งนี้ กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพราะครูรายดังกล่าวมีพฤติกรรมผิดปกติหรือเบี่ยงเบนทางเพศหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ และโดยกระบวนการคัดเลือกครู จะมีทั้งการสอบข้อเขียน การสัมภาษณ์ และการดูบุคลิก แต่คงไม่สามารถประเมินพฤติกรรมหรือลักษณะนิสัยภายในได้ เนื่องจากบางคนไม่แสดงให้เห็นตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม หากโรงเรียนสงสัยว่าครูคนใดมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ก็อยากให้จับตาดูเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก ทั้งนี้ สพฐ. ยอมรับว่า ระบบพี่เลี้ยงครูใหม่ยังอ่อนแอ โดยหลักการเมื่อมีครูใหม่เข้ามาสู่ระบบจะต้องมีครูอาวุโสให้การดูแลแนะนำเพื่อให้ประพฤติปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม
นายธีร์ ภวังคนันท์ หัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน (ฉก.ชน.) สพฐ. กล่าวว่า กรณีนักเรียนชายถูกล่วงละเมิดทางเพศครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจของเด็กอย่างรุนแรง ซึ่งเบื้องต้นทางศูนย์ฯจะเร่งดำเนินการเข้าไปดูแลสภาพจิตใจ เพราะโดยมากเด็กที่เจอกับสถานการณ์เช่นนี้จะมีสภาพจิตใจค่อนข้างแย่ เพราะเด็กตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ซึ่งหากไม่ได้รับการเยียวยา และปล่อยไป อนาคตเด็กอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบไปโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ จากข้อมูลสรุปผลการดำเนินงานคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบเหตุ ประจำปี 2557 พบว่า มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาจำนวน 49,599 ราย ดังนี้ กรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศ 167 ราย แบ่งเป็น เด็กกับเด็ก 93 ราย ครู/บุคลากรทางการศึกษากับเด็ก 7 ราย บุคคลอื่นกับเด็ก 54 ราย และอื่นๆ 13 ราย กรณีความรุนแรง รวม 624 ราย แบ่งเป็น เด็กกับเด็ก 522 ราย ครู/บุคลากรทางการศึกษากับเด็ก 15 ราย บุคคลอื่นกับเด็ก 64 ราย ฆ่าตัวตาย/ทำร้ายตัวเอง 15 ราย อื่นๆ 8 ราย กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการศึกษา รวม 12,382 ราย แบ่งเป็น ให้ออก 13 ราย เก็บค่าใช้จ่าย 3 ราย ครูไม่เป็นธรรม 13 ราย ขาดโอกาสเรียน (ยากจน/ขาดผู้อุปการะ) 11,825 ราย อื่นๆ 528 ราย กรณีอื่นๆ รวม 36,426 ราย แบ่งเป็น ท้องไม่พร้อม (สมยอม) 119 ราย ท้องไม่พร้อมถูกละเมิด 4 ราย จิตเวช (สมาธิสั้น) 32,909 ราย พฤติกรรมไม่เหมาะสม 2,843 ราย เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 97 ราย ตายจากการจมน้ำ 83ราย อื่นๆ 371 ราย
“กรณีเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศทาง ฉก.ชน. เองจะเข้าไปช่วยเยียวยาได้ระดับหนึ่ง แต่คนที่สำคัญจริงๆ คือ ครอบครัวต้องที่จะต้องเข้ามาดูแล โดยอาจจะต้องพูดคุยกับจิตแพทย์ เพื่อสร้างความเข้าใจถึงสภาพปัญหา เพราะเรื่องแบบนี้เป็นบาดแผลทางใจ แม้สถิติการร้องเรียนปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศที่ผ่านมาถือว่ามีไม่มาก แต่ก็ต้องเฝ้าระวังเพราะเป็นเรื่องเสื่อมเสีย โดยเท่าที่ดูโรงเรียนค่อนข้างเข้มเรื่องระบบดูแลเด็กอยู่แล้ว แต่ที่ต้องระวังคือ เด็กล่วงละเมิดทางเพศระหว่างเด็กกับเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่บ้านในระหว่างที่พ่อแม่ไม่อยู่หรือปล่อยให้อยู่กันตามลำพัง ดังนั้นหากไม่ปล่อยให้เด็กอยู่ลำพัง ก็จะช่วยลดเหตุการณ์ดังกล่าวได้”นายธีร์ กล่าว
ขณะที่ นายวิจิตร วิทยาวราพงศ์ รอง ผอ.สพม. 2 รักษาการแทน ผอ.สพม.2 กล่าวว่า ขณะนี้ สพม. 2 ได้ทำหนังแจ้งไปยังโรงเรียนรับทราบว่าให้ครูคนดังกล่าวมาช่วยราชการที่ สพม. 2 แล้ว โดยเบื้องต้นยังไม่สามารถติดต่อครูคนดังกล่าวได้ แต่คาดว่าครูจะต้องมารายงานตัวที่เขตพื้นที่ฯในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกัน ทางโรงเรียนก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ ตนได้มีการพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังแล้ว ซึ่งตัวผู้อำนวยการเองก็รู้สึกกังวล เพราะห่วงภาพลักษณ์ของโรงเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นโรงเรียนดังที่มีชื่อเสียง ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงกับ ผอ. โรงเรียนดัง ไปว่า ครูที่ก่อเหตุคงไม่สามารถกลับไปยังโรงเรียนเดิมได้ และคาดว่า กลุ่มผู้ปกครองจะต้องออกมาต่อต้านอย่างแน่นอน อีกทั้งต้องคำนึงถึงสภาพจิตใจของเด็กเป็นหลักด้วย อย่างไรก็ตาม หากเรื่องดังกล่าวพบข้อมูลความผิดจริงครูก็จะถูกลงโทษทางวินัยขั้นร้ายแรง คือ การให้ออกจากราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ไปยังผู้บริหารโรงเรียนชื่อดัง แต่ไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
จากกรณีผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง เดินทางมาร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า บุตรชายและเพื่อนนักเรียนชายอีก 3 คน ถูกครูผู้ชายซึ่งบุคลิกลักษณะคล้ายผู้หญิง กระทำการล่วงละเมิดทางเพศระหว่างร่วมเดินทางไปดูงานในโครงการนักเรียนวิทยาศาสตร์สู่สากล ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 8 - 11 มีนาคมที่ผ่าน จึงต้องการให้ สพฐ. ดำเนินการกับครูคนดังกล่าวให้ถึงที่สุด เบื้องต้น สพฐ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปติดตาม ขณะที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 2 กรุงเทพมหานคร ได้สั่งให้ครูคนดังกล่าวมาช่วยราชการที่เขตพื้นที่ฯ ไม่มีกำหนดและตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ดังที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น
ล่าสุด วันนี้ (21 มี.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตนทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้ขอให้ นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ดำเนินการตรวจสอบหากพบว่าครูคนดังกล่าวทำความผิดจริง ก็ขอให้ดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาด เพราะการล่วงละเมิดทางเพศถือว่ามีความผิดอยู่แล้ว และยิ่งเป็นครูไปกระทำการล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียน ยิ่งถือว่ามีความผิดทางวินัย ขาดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง รวมถึงยังมีความผิดทางกฎหมายด้วย ขณะที่ในส่วนของโรงเรียนต่างๆ นั้น ตนขอกำชับให้ช่วยกันสอดส่องดูแลนักเรียนและครู ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึ่งประสงค์สร้างความเสื่อมเสียขึ้นอีก
ด้าน นายกมล กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเข้มงวด รวมถึงต้องติดตามดูแลสภาพร่างกาย และจิตใจเด็กอย่างใกล้ชิด ส่วนครูหากผลการสืบสวนมีมูล ก็ต้องดำเนินการทางวินัยขั้นเด็ดขาด ซึ่งโทษจะหนักมาก ขอยืนยันว่า จะไม่มีการช่วยเหลือ หากครูรายดังกล่าวได้กระทำความผิดจริง
ทั้งนี้ กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพราะครูรายดังกล่าวมีพฤติกรรมผิดปกติหรือเบี่ยงเบนทางเพศหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ และโดยกระบวนการคัดเลือกครู จะมีทั้งการสอบข้อเขียน การสัมภาษณ์ และการดูบุคลิก แต่คงไม่สามารถประเมินพฤติกรรมหรือลักษณะนิสัยภายในได้ เนื่องจากบางคนไม่แสดงให้เห็นตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม หากโรงเรียนสงสัยว่าครูคนใดมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ก็อยากให้จับตาดูเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก ทั้งนี้ สพฐ. ยอมรับว่า ระบบพี่เลี้ยงครูใหม่ยังอ่อนแอ โดยหลักการเมื่อมีครูใหม่เข้ามาสู่ระบบจะต้องมีครูอาวุโสให้การดูแลแนะนำเพื่อให้ประพฤติปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม
นายธีร์ ภวังคนันท์ หัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน (ฉก.ชน.) สพฐ. กล่าวว่า กรณีนักเรียนชายถูกล่วงละเมิดทางเพศครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจของเด็กอย่างรุนแรง ซึ่งเบื้องต้นทางศูนย์ฯจะเร่งดำเนินการเข้าไปดูแลสภาพจิตใจ เพราะโดยมากเด็กที่เจอกับสถานการณ์เช่นนี้จะมีสภาพจิตใจค่อนข้างแย่ เพราะเด็กตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ซึ่งหากไม่ได้รับการเยียวยา และปล่อยไป อนาคตเด็กอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบไปโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ จากข้อมูลสรุปผลการดำเนินงานคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบเหตุ ประจำปี 2557 พบว่า มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาจำนวน 49,599 ราย ดังนี้ กรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศ 167 ราย แบ่งเป็น เด็กกับเด็ก 93 ราย ครู/บุคลากรทางการศึกษากับเด็ก 7 ราย บุคคลอื่นกับเด็ก 54 ราย และอื่นๆ 13 ราย กรณีความรุนแรง รวม 624 ราย แบ่งเป็น เด็กกับเด็ก 522 ราย ครู/บุคลากรทางการศึกษากับเด็ก 15 ราย บุคคลอื่นกับเด็ก 64 ราย ฆ่าตัวตาย/ทำร้ายตัวเอง 15 ราย อื่นๆ 8 ราย กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการศึกษา รวม 12,382 ราย แบ่งเป็น ให้ออก 13 ราย เก็บค่าใช้จ่าย 3 ราย ครูไม่เป็นธรรม 13 ราย ขาดโอกาสเรียน (ยากจน/ขาดผู้อุปการะ) 11,825 ราย อื่นๆ 528 ราย กรณีอื่นๆ รวม 36,426 ราย แบ่งเป็น ท้องไม่พร้อม (สมยอม) 119 ราย ท้องไม่พร้อมถูกละเมิด 4 ราย จิตเวช (สมาธิสั้น) 32,909 ราย พฤติกรรมไม่เหมาะสม 2,843 ราย เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 97 ราย ตายจากการจมน้ำ 83ราย อื่นๆ 371 ราย
“กรณีเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศทาง ฉก.ชน. เองจะเข้าไปช่วยเยียวยาได้ระดับหนึ่ง แต่คนที่สำคัญจริงๆ คือ ครอบครัวต้องที่จะต้องเข้ามาดูแล โดยอาจจะต้องพูดคุยกับจิตแพทย์ เพื่อสร้างความเข้าใจถึงสภาพปัญหา เพราะเรื่องแบบนี้เป็นบาดแผลทางใจ แม้สถิติการร้องเรียนปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศที่ผ่านมาถือว่ามีไม่มาก แต่ก็ต้องเฝ้าระวังเพราะเป็นเรื่องเสื่อมเสีย โดยเท่าที่ดูโรงเรียนค่อนข้างเข้มเรื่องระบบดูแลเด็กอยู่แล้ว แต่ที่ต้องระวังคือ เด็กล่วงละเมิดทางเพศระหว่างเด็กกับเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่บ้านในระหว่างที่พ่อแม่ไม่อยู่หรือปล่อยให้อยู่กันตามลำพัง ดังนั้นหากไม่ปล่อยให้เด็กอยู่ลำพัง ก็จะช่วยลดเหตุการณ์ดังกล่าวได้”นายธีร์ กล่าว
ขณะที่ นายวิจิตร วิทยาวราพงศ์ รอง ผอ.สพม. 2 รักษาการแทน ผอ.สพม.2 กล่าวว่า ขณะนี้ สพม. 2 ได้ทำหนังแจ้งไปยังโรงเรียนรับทราบว่าให้ครูคนดังกล่าวมาช่วยราชการที่ สพม. 2 แล้ว โดยเบื้องต้นยังไม่สามารถติดต่อครูคนดังกล่าวได้ แต่คาดว่าครูจะต้องมารายงานตัวที่เขตพื้นที่ฯในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกัน ทางโรงเรียนก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ ตนได้มีการพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังแล้ว ซึ่งตัวผู้อำนวยการเองก็รู้สึกกังวล เพราะห่วงภาพลักษณ์ของโรงเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นโรงเรียนดังที่มีชื่อเสียง ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงกับ ผอ. โรงเรียนดัง ไปว่า ครูที่ก่อเหตุคงไม่สามารถกลับไปยังโรงเรียนเดิมได้ และคาดว่า กลุ่มผู้ปกครองจะต้องออกมาต่อต้านอย่างแน่นอน อีกทั้งต้องคำนึงถึงสภาพจิตใจของเด็กเป็นหลักด้วย อย่างไรก็ตาม หากเรื่องดังกล่าวพบข้อมูลความผิดจริงครูก็จะถูกลงโทษทางวินัยขั้นร้ายแรง คือ การให้ออกจากราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ไปยังผู้บริหารโรงเรียนชื่อดัง แต่ไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่