ประธานชมรมพิทักษ์สิทธิ ขรก. ชี้ ตั้ง คกก. สอบ และย้ายปลัด สธ. ไม่เป็นธรรม เปรียบศึกหมอเป็นหัวขวด - ฝาขวด ที่เกลียวไม่ลงล็อก ต้องไต่สวนข้อมูลทั้งสองฝ่าย หาใครผิดถูก ยันต้องสอบการใช้งบบัตรทองตามที่ปลัด สธ. เรียกร้องตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ เหตุเป็นงบแผ่นดิน ไม่ใช่งบใครคนหนึ่ง ด้าน “หมอปิยะสกล” ให้แง่คิดเลิกขัดขากันเอง ช่วยพัฒนาระบบได้ไกล
พล.ต.หญิง พูลศรี เปาวรัตน์ ประธานชมรมพิทักษ์สิทธิข้าราชการ กล่าวถึงกรณี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เหตุไม่ลงรอย ไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐมนตรี สธ. รวมถึงสอบกรณีกล่าวหาการใช้เงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) มีความไม่ชัดมาพากล และถูกสั่งย้ายให้ไปช่วยงานราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องดังกล่าวถือว่าไม่เป็นธรรมต่อ นพ.ณรงค์ แต่คงไม่ถึงขั้นเป็นการกลั่นแกล้งข้าราชการ อย่างไรก็ตาม มองว่า เรื่องนี้เป็นความไม่เข้าใจกันในการดำเนินงานของรัฐมนตรี สธ. และปลัด สธ. ดังนั้น จึงไม่ควรตั้งสอบปลัด สธ. เพียงฝ่ายเดียว แต่ควรมีการสอบถามทั้งสองฝ่ายว่าไม่เข้าใจกันตรงไหนอย่างไร เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเพียงฝ่ายเดียวที่ไม่เข้าใจอีกฝ่าย จึงต้องมีการสอบถามทั้งคู่
“ความไม่เข้าใจกันในการดำเนินงานของ สธ. ก็เหมือนฝาเกลียวที่ไม่ลงล็อก โดยปลัด สธ. ที่เปรียบเสมอนผู้นำข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข ก็คือ ขวด ส่วนรัฐมนตรี คือ ฝาขวด ที่มาคลุมขวดอีกทีหนึ่ง ดังนั้น ปัญหาเกิดจากหัวขวดหรือฝาขวดก็ไม่อาจทราบได้ เพราะรัฐมนตรีเป็นผู้ให้นโยบาย ซึ่งต้องมีการลองผิดลองถูก ผ่านผู้ปฏิบัติงานหรือข้าราชการประจำ ซึ่งมีปลัดเป็นผู้บริหารสูงสุด ซึ่งจะแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติจึงสามารถตอบได้ว่านโยบายนั้นสามารถทำได้ในเชิงปฏิบัติหรือไม่ จึงต้องมีการหาคำตอบจากทั้งสองฝ่ายว่าสุดท้ายแล้วเปลี่ยนอะไรจึงดีกว่า” พล.ต.หญิง พูลศรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีสั่งสอบและย้ายปลัด สธ. หลายฝ่ายมองว่ามาจากการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการใช้งบประมาณบัตรทอง ซึ่งอาจมีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ พล.ต.หญิง พูลศรี กล่าวว่า งบประมาณบัตรทองเป็นงบประมาณแผ่นดินที่ให้เอามาตั้งกองทุนเพื่อประโยชน์ของประชาชน การที่มีผู้เรียกร้องให้ตรวจสอบเพราะเห็นว่าไม่ชอบมาพากล ก็ต้องมีการไต่สวนตรวจสอบให้แน่ชัด เพราะเป็นงบประมาณของแผ่นดิน ไม่ใช่งบของใครคนใดคนหนึ่ง ก็ต้องมาดูให้ชัดเจนว่าใช้เงินได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่ และรัฐมนตรี สธ.ควรเป็นตัวกลางแก้ปัญหา แต่ตนไม่ทราบว่าแรงกดดันภายในขวดกระทรวงสาธารณสุขมีแค่ไหน เหตุใดจึงเดินเรื่องออกมาเป็นเช่นนี้
“ตั้งแต่ สปสช. เข้ามาคุม สธ. และระบบสาธารณสุขกำลังล่มสลาย เห็นได้ชัดว่าทำให้คนไข้ไปแออัดในโรงพยาบาล ซึ่งตามจริงแล้วก็ไม่มีโรงพยาบาลไหนไม่อยากรักษา แต่ที่รองรับผู้ป่วยไม่พอ เกิดความแออัด ก็มาจากการขาดทุนต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งหน่วยบริการ สธ. ก็เหมือนแม่ครัวที่ต้องปรุงอาหารให้อร่อย แต่เครื่องปรุงหรือวัตถุดิบกลับมีจำกัด การจะทำให้อร่อยตามคำสั่งหรือบริการมีคุณภาพทั้งที่งบมาน้อยก็เป็นเรื่องยาก จึงมีการสะท้อนความคิดเห็นออกมา และเมื่อขอให้มีการตรวจสอบว่าใช้เงินผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ก็ต้องมีการตรวจสอบ” พล.ต.หญิง พูลศรี กล่าว
ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายต่างทำเพื่อประโยชน์สุขภาพของประชาชน ก็ขอเอาใจช่วยทั้งสองฝ่าย แต่การจะพัฒนาวงการแพทย์และสาธารณสุขเป็นเลิศได้นั้นต้องมีความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูล ให้กำลังใจกันและกัน ใครไปดี ได้ดี ก็ต้องมีมุทิตาจิต ไม่ใช่การไปขัดขาเขา และการแข่งขันกันเองเพื่อให้อีกคนหนึ่งเสีย เป็นสิ่งที่ควรเลิกทำได้แล้ว ส่วนกรณีดังกล่าวขอให้ทั้งสองฝ่ายนึกถึงสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก ตัดความเห็นส่วนตัวว่าคนนั้นคนนี้ไม่ดีออกไป ก็จะมองเห็นทางออกอีกมาก
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
พล.ต.หญิง พูลศรี เปาวรัตน์ ประธานชมรมพิทักษ์สิทธิข้าราชการ กล่าวถึงกรณี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เหตุไม่ลงรอย ไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐมนตรี สธ. รวมถึงสอบกรณีกล่าวหาการใช้เงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) มีความไม่ชัดมาพากล และถูกสั่งย้ายให้ไปช่วยงานราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องดังกล่าวถือว่าไม่เป็นธรรมต่อ นพ.ณรงค์ แต่คงไม่ถึงขั้นเป็นการกลั่นแกล้งข้าราชการ อย่างไรก็ตาม มองว่า เรื่องนี้เป็นความไม่เข้าใจกันในการดำเนินงานของรัฐมนตรี สธ. และปลัด สธ. ดังนั้น จึงไม่ควรตั้งสอบปลัด สธ. เพียงฝ่ายเดียว แต่ควรมีการสอบถามทั้งสองฝ่ายว่าไม่เข้าใจกันตรงไหนอย่างไร เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเพียงฝ่ายเดียวที่ไม่เข้าใจอีกฝ่าย จึงต้องมีการสอบถามทั้งคู่
“ความไม่เข้าใจกันในการดำเนินงานของ สธ. ก็เหมือนฝาเกลียวที่ไม่ลงล็อก โดยปลัด สธ. ที่เปรียบเสมอนผู้นำข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข ก็คือ ขวด ส่วนรัฐมนตรี คือ ฝาขวด ที่มาคลุมขวดอีกทีหนึ่ง ดังนั้น ปัญหาเกิดจากหัวขวดหรือฝาขวดก็ไม่อาจทราบได้ เพราะรัฐมนตรีเป็นผู้ให้นโยบาย ซึ่งต้องมีการลองผิดลองถูก ผ่านผู้ปฏิบัติงานหรือข้าราชการประจำ ซึ่งมีปลัดเป็นผู้บริหารสูงสุด ซึ่งจะแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติจึงสามารถตอบได้ว่านโยบายนั้นสามารถทำได้ในเชิงปฏิบัติหรือไม่ จึงต้องมีการหาคำตอบจากทั้งสองฝ่ายว่าสุดท้ายแล้วเปลี่ยนอะไรจึงดีกว่า” พล.ต.หญิง พูลศรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีสั่งสอบและย้ายปลัด สธ. หลายฝ่ายมองว่ามาจากการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการใช้งบประมาณบัตรทอง ซึ่งอาจมีการใช้ผิดวัตถุประสงค์ พล.ต.หญิง พูลศรี กล่าวว่า งบประมาณบัตรทองเป็นงบประมาณแผ่นดินที่ให้เอามาตั้งกองทุนเพื่อประโยชน์ของประชาชน การที่มีผู้เรียกร้องให้ตรวจสอบเพราะเห็นว่าไม่ชอบมาพากล ก็ต้องมีการไต่สวนตรวจสอบให้แน่ชัด เพราะเป็นงบประมาณของแผ่นดิน ไม่ใช่งบของใครคนใดคนหนึ่ง ก็ต้องมาดูให้ชัดเจนว่าใช้เงินได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่ และรัฐมนตรี สธ.ควรเป็นตัวกลางแก้ปัญหา แต่ตนไม่ทราบว่าแรงกดดันภายในขวดกระทรวงสาธารณสุขมีแค่ไหน เหตุใดจึงเดินเรื่องออกมาเป็นเช่นนี้
“ตั้งแต่ สปสช. เข้ามาคุม สธ. และระบบสาธารณสุขกำลังล่มสลาย เห็นได้ชัดว่าทำให้คนไข้ไปแออัดในโรงพยาบาล ซึ่งตามจริงแล้วก็ไม่มีโรงพยาบาลไหนไม่อยากรักษา แต่ที่รองรับผู้ป่วยไม่พอ เกิดความแออัด ก็มาจากการขาดทุนต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งหน่วยบริการ สธ. ก็เหมือนแม่ครัวที่ต้องปรุงอาหารให้อร่อย แต่เครื่องปรุงหรือวัตถุดิบกลับมีจำกัด การจะทำให้อร่อยตามคำสั่งหรือบริการมีคุณภาพทั้งที่งบมาน้อยก็เป็นเรื่องยาก จึงมีการสะท้อนความคิดเห็นออกมา และเมื่อขอให้มีการตรวจสอบว่าใช้เงินผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ก็ต้องมีการตรวจสอบ” พล.ต.หญิง พูลศรี กล่าว
ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายต่างทำเพื่อประโยชน์สุขภาพของประชาชน ก็ขอเอาใจช่วยทั้งสองฝ่าย แต่การจะพัฒนาวงการแพทย์และสาธารณสุขเป็นเลิศได้นั้นต้องมีความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูล ให้กำลังใจกันและกัน ใครไปดี ได้ดี ก็ต้องมีมุทิตาจิต ไม่ใช่การไปขัดขาเขา และการแข่งขันกันเองเพื่อให้อีกคนหนึ่งเสีย เป็นสิ่งที่ควรเลิกทำได้แล้ว ส่วนกรณีดังกล่าวขอให้ทั้งสองฝ่ายนึกถึงสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก ตัดความเห็นส่วนตัวว่าคนนั้นคนนี้ไม่ดีออกไป ก็จะมองเห็นทางออกอีกมาก
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่