xs
xsm
sm
md
lg

สนพ.-องค์กรชาวพุทธ ยกเลิกสวดมนต์หมู่ 12 มี.ค.ที่สนามหลวง-เรียกร้องชาวพุทธแจ้งความ “พุทธะอิสระ” กรณีบุกวัดปากน้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สนพ.และองค์กรชาวพุทธ ยกเลิกสวดมนต์หมู่ 12 มี.ค.นี้ ภายหลังรัฐบาล-สปช.ยอมถอยยุบบอร์ดปฏิรูปพุทธศาสนา “พระเมธีธรรมาจารย์” ยันยกเลิกสวดมนต์ครั้งใหญ่ตามที่สัญญาว่าถ้ายุบจะยุติกิจกรรมแต่จะคอยจับตาอย่างใกล้ชิด ขณะที่ นายก สนพ.เรียกร้องประชาชนทั่วประเทศแจ้งความดำเนินคดี “พุทธะอิสระ” กรณีนำมวลชนบุกวัดปากน้ำ พร้อมเรียกร้องให้ พศ.-สตช.ลงมาจัดการตามกฎหมายทางสงฆ์และกฎหมายบ้านเมือง

วันนี้ (8 มี.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) และเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ นำโดย พระเมธีธรรมาจารย์ ที่ปรึกษา สนพ. พร้อมด้วย ผศ.ดร.เสถียร วิพรหมหา นายก สนพ. และ ผศ.ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการ สนพ. ร่วมแถลงจุดยืนการพิทักษ์รักษาพุทธศาสนา ถึงท่าทีของ สนพ.และองค์กรชาวพุทธ ภายหลังคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ประกาศยุติบทบาท และท่าทีของ สนพ.ต่อการดำเนินการต่อพระสุวิทย์ธีรธมฺโม (พุทธะอิสระ) วัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม

โดย พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก สนพ.และองค์กรชาวพุทธทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่เห็นด้วยต่อการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เข้ามาก้าวล่วงในการดำเนินการขององค์กรปกครองสูงสุด คือ มหาเถรสมาคมและกิจกรรมของพระพุทธศาสนา ซึ่งได้มีการท้วงติงมาโดยตลอด ดังนั้น เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พระและคณะได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนายเทียนฉาย กีระนันท์ ประธาน สปช.เพื่อชี้แจงถึงความไม่เหมาะสมของการตั้งคณะกรรมการฯ รวมทั้งเรียกร้องให้ยุบคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวภายในเวลา 15 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 11 มีนาคม 2558ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการใดๆ ทางคณะสงฆ์ทั่วประเทศจะรวมตัวกันเพื่อสวดมนต์หมู่ครั้งใหญ่ ที่ทณฑลพิธีท้องสนามหลวงในวันที่ 12 มีนาคมนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ได้รับการตอบรับที่ดีจากฝ่ายรัฐบาลโดย ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯได้ยืนยันแล้วว่าจะไม่เข้ามาก้าวล่วงกิจกรรมใดๆ ของคณะสงฆ์โดยเด็ดขาดและหากมีการแก้ไขกฎหมายใดของคณะสงฆ์ไทยจะต้องผ่านความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคม (มส.) ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการฯ ได้ประกาศยุติบทบาทคณะกรรมการฯ อย่างสิ้นเชิงและจะไม่มีการดำเนินการใดๆ ในนามคณะกรรมการฯ อีก

“เพราะฉะนั้นเมื่อได้ข้อยุติเช่นนี้ อาตมาขอยืนยันในนามองค์กรและเครือข่ายต่างๆ ว่าในวันที่ 12 มีนาคม 2558 ที่ได้เตรียมการเจริญพระพุทธมนต์ เวลา 16.00 น.ที่บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวงนั้น ในวันดังกล่าวจะไม่มีการเจริญพระพุทธมนต์ครั้งใหญ่เกิดขึ้น รวมทั้งไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น เพราะได้ให้สัญญาไว้หากทางรัฐบาลยุติ ทาง สนพ.และองค์กรชาวพุทธก็ไม่มีปัญหา เพราะเราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังและทำเพื่อคณะสงฆ์ไทย แต่ยังคงเฝ้าระวังและคอยติดตามสถานการณ์ต่ออย่างใกล้ชิด และจะร่วมกับ สนพ.และภาคีเครือข่ายประเมินผลร่วมกันทุกสัปดาห์ จะสงวนสิทธิ์ในการเฝ้าระวัง ปกป้อง พิทักษ์พระพุทธศาสนาอย่างเข้มแข็งและมั่นคง และขอนิมนต์สมาชิกเครือข่ายพระสงฆ์ทั่วประเทศให้อยู่ในที่ตั้งก่อนตามคำอาราธนาของนายกฯ” พระเมธีธรรมจารย์ กล่าวและว่า ท้ายสุดขออโหสิกรรมต่อทุกคนทุกฝ่ายที่ได้ล่วงเกินต่อกัน และบางท่านที่ล่วงเกินด้วยกาย วาจาและใจทั้งเจตนาและไม่เจตนา ขอยืนยันว่าไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่อาฆาตพยาบาทจองเวรขออโหสิกรรมให้ทุกคน

ผศ.ดร.เมธาพันธ์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้ สปช.ที่มีอำนาจปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ... ให้เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการละเมิดพระธรรมวินัยและ พ.ร.บ.ปกครองสงฆ์ รวมทั้งเร่งเสนอ พ.ร.บ.ว่าด้วยธนาคารพุทธ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องทรัพย์สินของพระพุทธศาสนาา คณะสงฆ์ และพระสงฆ์ตามที่ทุกฝ่ายเรียกร้อง โดยยืนยันว่า สนพ.และเครือข่ายฯ ไม่เห็นด้วยที่จะตั้งองค์กรใดองค์กรหนึ่งมากำหนดกรอบคุณธรรมและจริยธรรมแก่สังคมไทยที่ต่างไปจากกรอบของพระพุทธศาสนาและของศานาอื่น ๆที่รัฐรับรองในประเทศไทย และขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและ สปช.ด้วยว่าหากจะมีการปฏิรูปพระพุทธศาสนา ต้องมาจากความเห็นและการมีส่วนร่วมของ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มหาวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง และองค์กรชาวพุทธต่างๆ

ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของ สนพ.เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย นั้นผมขอยืนยันการเคลื่อนไหว สนพ.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือทำเพื่อปกป้องวัดพระธรรมกาย และธัมมชโย แน่นอน ซึ่งเราประกาศชัดเจนมาแต่ต้น เพราะสิ่งที่ สนพ.ทำ คือ การดำเนินการพระที่มีพฤติกรรมผิดพระธรรมวินัย ผิดกฎหมายของสงฆ์ แต่ประเด็นวัดธรรมกายนั้นเป็นปัญหาที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ในบ้านเมืองจะต้องไปสะสาง แต่จะให้นำเรื่องของวัดเดียว พระรูปเดียวแต่มาเหมารวมวางกรอบปฏิรูปคณะสงฆ์ ปฏิรูปพุทธศาสนา ตรงนี้ผมไม่เห็นด้วยต้องแบ่งแยกประเด็น” ผศ.ดร.เมธาพันธ์กล่าว

ขณะที่ ผศ.ดร.เสถียร กล่าวถึงการดำเนินการต่อ “พระพุทธะอิสระ” ว่า ที่ผ่านมาพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม (พุทธะอิสระ) พยายามนำตนเองไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมโดยเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์นำมวลชนมากกว่า 100 คนพร้อมด้วยรองเท้าแตะ ปลากระป๋องบูด ดอกไม้จันทน์ ฯลฯไปวางบริเวณวัดปากน้ำ ซึ่งเป็นที่พำนักของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และประธาน มส.ด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา สนพ.ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่กองปราบปรามกรณีที่พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม เดินทางไปวัดปากน้ำ จากนี้ตนจะเดินทางไปมอบเอกสารและหลักฐานเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่ และขอเรียกร้องให้ชาวพุทธทุกคนทั่วประเทศแจ้งความยังสถานีตำรวจที่อยู่ในภูมิลำเนาเพื่อดำเนินการคดีต่อพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม ในความผิดตาม พ.ร.บ.การปกครองคณะสงฆ์ มาตรา 44 ทวิ และตรี เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างของการข่มขู่ ใส่ร้าย ป้ายสี หมิ่นประมาทผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช หรือคณะสงฆ์อื่น ซึ่งนำความแตกแยกให้เกิดในวงการพุทธศาสนา หรือสังฆเภท โดยตนจะประสานไปยังผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ที่ทำหน้าที่รักษาการในวันที่ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม และมวลชนเดินทางไปให้ทำหนังสือมอบอำนาจในฐานะผู้เสียหายนำไปใช้ในการแจ้งความ

“ขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจที่ให้การสนับสนุนพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม อยู่นั้นขอให้ยุติการสนับสนุนการกระทำอันละเมิดพระธรรมวินัยและขอให้ พศ.รวบรวมหลักฐานพยานการกระทำผิดพระธรรมวินัยร้ายแรงของพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม ที่ส่อเป็นปาราชิก โดยดำเนินการให้พ้นจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัย รวมทั้งขอเรียกร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทำการจับกุมพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 43/2557 ซึ่งมีอายุ 10 ปีนับตั้งแต่ 26 มกราคม 2557-26 มกราคม 2567 เพื่อเป็นบรรทัดฐานการบังคับใช้กฎหมายที่เท่าเทียมกันตามที่พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม มักอ้างถึงเสมอ” ผศ.ดร.เสถียรกล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น