ม.มหิดล เตรียมยื่นจดหมายถึง “บิ๊กตู่” วอนเร่งออก พ.ร.บ.คุมยาสูบ สกัดเด็กจากบุหรี่ ระบุตายปีละ 5 หมื่นคน กว่า 27% ตายก่อนอายุ 60 ปี ด้าน “หมอเดว” เตือนวัยรุ่น บุหรี่ทำลายสมองส่วนการคิดและการทำงานขั้นสูงตามปริมาณและระยะเวลาสูบ เรียกร้องพ่อแม่ช่วยหนุนออกกฎหมาย
ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้มีเยาวชนไทยอายุ 15 - 24 ปี ติดบุหรี่แล้ว 1.6 ล้านคน โดยร้อยละ 70 หรือ 1.1 ล้านคน จะติดบุหรี่ไปตลอดชีวิต และในจำนวนนี้ ประมาณครึ่งหนึ่งหรือกว่า 5 แสนคน จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยผลกระทบจากบุหรี่ หากนักศึกษาติดบุหรี่ ก็จะมีปัญหาสุขภาพอาจเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตก่อนเวลา ซึ่งจากสถิติที่พบว่าผู้สูบบุหรี่ 50,000 คน ที่เสียชีวิตในแต่ละปี ประมาณ 27% หรือ 13,500 คน จะเสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี ซึ่งเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่มหาวิทยาลัยมุ่งเน้นในการพัฒนา ทั้งนี้ ม.มหิดล เป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนไทย จึงส่งจดหมายเปิดผนึกถึง นายกรัฐมนตรี วิงวอนให้ความสำคัญกับการปกป้องเด็กและเยาวชนจากการตกเป็นเหยื่อของบริษัทบุหรี่ โดยเร่งรัดให้มีการออก พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ฉบับใหม่ ซึ่งจดหมายฉบับดังกล่าวมีผู้ร่วมลงนามจาก 12 สถาบันด้านพัฒนาเด็กและเยาวชน ซึ่งจะส่งไปยังทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 20 ก.พ.
รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล กล่าวว่า การสูบบุหรี่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาส่วนต่างๆ ของเด็ก เนื่องจากในช่วงวัยรุ่นร่างกายกำลังพัฒนาสมองส่วนของการคิด กับการทำงานขั้นสูง หากได้รับสารนิโคตินจากการสูบบุหรี่ การพัฒนาในส่วนนั้นก็จะถูกทำลายไปตามปริมาณและระยะเวลาที่สูบ นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการติดยาเสพติดอื่นๆ และพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ เช่น เที่ยวกลางคืน เล่นการพนัน ดื่มสุรา เป็นต้น ในฐานะที่ตนทำงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนมาตลอด จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล และพ่อแม่ ออกมาช่วยป้องกันบุตรหลาน และร่วมกันหยุดยั้งวงจรการทำลายสมองเด็กเนื่องจากการสูบบุหรี่
นางศรีศักดิ์ ไทยอารี ประธานสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า ประเทศไทยได้ลงนามในสัตยาบัน อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่มีผลให้ต้องปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชน อีกทั้งประเทศไทยยังมีพันธกรณี ที่จะต้องปรับปรุงกฎหมายควบคุมการบริโภคยาสูบให้ สอดคล้องกับอนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบขององค์การอนามัยโลกที่ประเทศไทยเป็น 1 ใน 180 รัฐภาคี ที่ต้องควบคุมกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทบุหรี่ และการบังคับใช้กฎหมาย แต่เป็นที่น่าเป็นห่วงว่า ขณะนี้ร่างกฏหมายบุหรี่ถูกดึงให้ล่าช้า โดยองค์กรที่จะได้ประโยชน์จากการขายบุหรี่
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้มีเยาวชนไทยอายุ 15 - 24 ปี ติดบุหรี่แล้ว 1.6 ล้านคน โดยร้อยละ 70 หรือ 1.1 ล้านคน จะติดบุหรี่ไปตลอดชีวิต และในจำนวนนี้ ประมาณครึ่งหนึ่งหรือกว่า 5 แสนคน จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยผลกระทบจากบุหรี่ หากนักศึกษาติดบุหรี่ ก็จะมีปัญหาสุขภาพอาจเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตก่อนเวลา ซึ่งจากสถิติที่พบว่าผู้สูบบุหรี่ 50,000 คน ที่เสียชีวิตในแต่ละปี ประมาณ 27% หรือ 13,500 คน จะเสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี ซึ่งเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่มหาวิทยาลัยมุ่งเน้นในการพัฒนา ทั้งนี้ ม.มหิดล เป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนไทย จึงส่งจดหมายเปิดผนึกถึง นายกรัฐมนตรี วิงวอนให้ความสำคัญกับการปกป้องเด็กและเยาวชนจากการตกเป็นเหยื่อของบริษัทบุหรี่ โดยเร่งรัดให้มีการออก พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ฉบับใหม่ ซึ่งจดหมายฉบับดังกล่าวมีผู้ร่วมลงนามจาก 12 สถาบันด้านพัฒนาเด็กและเยาวชน ซึ่งจะส่งไปยังทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 20 ก.พ.
รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล กล่าวว่า การสูบบุหรี่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาส่วนต่างๆ ของเด็ก เนื่องจากในช่วงวัยรุ่นร่างกายกำลังพัฒนาสมองส่วนของการคิด กับการทำงานขั้นสูง หากได้รับสารนิโคตินจากการสูบบุหรี่ การพัฒนาในส่วนนั้นก็จะถูกทำลายไปตามปริมาณและระยะเวลาที่สูบ นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการติดยาเสพติดอื่นๆ และพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ เช่น เที่ยวกลางคืน เล่นการพนัน ดื่มสุรา เป็นต้น ในฐานะที่ตนทำงานด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนมาตลอด จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล และพ่อแม่ ออกมาช่วยป้องกันบุตรหลาน และร่วมกันหยุดยั้งวงจรการทำลายสมองเด็กเนื่องจากการสูบบุหรี่
นางศรีศักดิ์ ไทยอารี ประธานสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า ประเทศไทยได้ลงนามในสัตยาบัน อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่มีผลให้ต้องปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชน อีกทั้งประเทศไทยยังมีพันธกรณี ที่จะต้องปรับปรุงกฎหมายควบคุมการบริโภคยาสูบให้ สอดคล้องกับอนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบขององค์การอนามัยโลกที่ประเทศไทยเป็น 1 ใน 180 รัฐภาคี ที่ต้องควบคุมกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทบุหรี่ และการบังคับใช้กฎหมาย แต่เป็นที่น่าเป็นห่วงว่า ขณะนี้ร่างกฏหมายบุหรี่ถูกดึงให้ล่าช้า โดยองค์กรที่จะได้ประโยชน์จากการขายบุหรี่
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่