กาญจนบุรี - ชาวกาญจนบุรีแห่ร่วมโครงการ “อาชาบำบัด” เพื่อกระตุ้นพัฒนาการบุคคลออทิสติกรุ่นที่ 1 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
เมื่อเวลา 07.30 น.วันนี้ (9 ก.พ.) ที่สนามชมรมขี่ม้ากองการสัตว์และเกษตรกรรม ที่ 1 กรมการสัตว์ทหารบก หมู่ 5 ต.เกาะสำโรง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานเปิดโครงการอาชาบำบัดเพื่อกระตุ้นพัฒนาการบุคคลออทิสติก รุ่นที่ 1
โดยมี นางชวลี โอสุคนธ์ทิพย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.ณัฐ อินทรเจริญ ผบ.พล.ร.9 ค่ายสุรสีห์ พ.อ.วีระพันธ์ สมัครการ รองเจ้ากรมการสัตว์ทหารบก น.ส.ขวัญยืน ศรีพระราม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดกาญจนบุรี และนายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ผู้ริเริ่มโครงการ พ.อ.วินัย พุกศรีสุข หัวหน้ากองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 พร้อมข้าราชการทหาร ตำรวจ ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วม 1 พันคนเข้าร่วม โดยมีเด็กออทิสติกรุ่นแรกจากศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 10 คน เข้าบำบัดตามโครงการดังกล่าว
บรรยากาศโดยรวมเป็นไปอย่างคึกคัก ครูฝึกขี่ม้ากองการสัตว์และเกษตรกรรม ที่ 1 ได้นำเด็กขึ้นขี่ม้าบริเวณสนามที่จัดเอาไว้ ก่อนนำเด็กๆ ทั้งหมดไปป้อนอาหารให้แก่ม้าที่อยู่ในคอกม้า จากนั้นจึงร่วมกันกินอาหารมื้อเช้า ซึ่งมีประชาชนนำไอศกรีมมามอบให้แก่เด็กๆ เหล่านี้ได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีผู้ปกครองของเด็กคอยดูอยู่ห่างๆ ด้วยความเป็นห่วง
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดการแข่งขันกีฬาชักเย่อ ชิงถ้วยพระราชทานทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานมูลนิธิคุณพุ่ม อีกด้วย
นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี กล่าวว่า โครงการอาชาบำบัดจัดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาของสังคม ซึ่งปัญหานี้ถ้าเกิดขึ้นกับสังคมใดแล้วสังคมนั้นก็จะอ่อนแอ โดยเฉพาะสังคมทางครอบครัว ซึ่งจะทำให้เกิดการขาดความสมัคสมานสามัคคีกันขึ้นในครอบครอบ
เพราะฉะนั้นโครงการอาชาบำบัด เจตนาที่แท้จริงก็คือ เพื่อต้องการให้สังคมได้มีการช่วยเหลือซื่งกันและกัน ทั้งหมดจะเกิดประโยชน์ต่อตัวเด็กที่มีกาพัฒนาการทางสมอง และร่างกายที่ช้า เมื่อเด็กเหล่านี้มีอาการทางสมอง และร่างกายดีขึ้นก็จะทำให้ไม่เกิดเป็นภาระต่อครอบครัว และสังคม และจะทำให้ผู้ปกครองสามารถไปประกอบอาชีพทำมาอากินเลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด ซึ่งจะส่งผลให้สังคมทางครอบครัวมีความอบอุ่น
“นี่คือเจตนาที่ทางอำเภอเมืองกาญจนบุรีริเริ่มจัดโครงการนี้ขึ้นมา ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของจังหวัดกาญจนบุรี โดยจะมีทั้งหมด 3 รุ่น แต่หากโครงการนี้ประสบผลสำเร็จ และมีผู้ปกครองสนใจที่จะนำบุตรหลานที่เป็นบุคคลออทิสติกเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ทางอำเภอเมืองกาญจนบุรี ก็พร้อมที่จะจัดโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง”
นายศรัทธา กล่าวต่ออีกว่า สำหรับโครงการอาชาบำบัดที่จัดขึ้นในครั้งนี้เราไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการ แต่เราใช้ทรัพยากรของทางราชการที่มีอยู่นำมาใช้ประโยชน์ เช่น ทรัพยากรของกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 กองทัพบก เป็นของหน่วยทหารอยู่แล้ว และศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัดกาญจนบุรี ก็มีหน้าที่ช่วยเหลือ และฝึกอบรมเด็กโดยตรง รวมทั้งพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้วเช่นกัน
ดังนั้น เราจึงได้เข้ามาร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาเด็กออทิสติก ให้มีการพัฒนาสมอง และร่างกายที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง คือ เมื่อประชาชน และภาคเอกชนทราบข่าวก็ได้มีการเข้ามาช่วยเหลือด้วยการบริจาคเงิน รวมทั้งนำสินค้าต่างๆ มาจำหน่ายให้แก่ผู้ที่มาร่วมงานโดยไม่หักค่าใช้จ่าย และนำเงินที่ได้บริจาคให้แก่โครงการอาชาบำบัดทั้งหมด
“สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งคือ โครงการอาชาบำบัด จัดทำขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยเฉพาะทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานมูลนิธิคุณพุ่ม” นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี กล่าว
ด้าน นางวรรณา คงสุข อายุ 39 ปี มารดาของ ด.ช.สุวรรณ บัวทอง หรือน้องบอล เปิดเผยว่า ปัจจุบันลูกชายของตนมีอายุ 11 ปี แล้ว ขณะอยู่บ้านก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ปัจจุบันตนได้นำลูกชายมาเรียนที่ศูนย์ศึกษาพิเศษกาญจนบุรี ความจำของลูกชายค่อนข้างเป็นคนฉลาด เวลาให้นับตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงภาษาของเขาก็จะคล้ายฝรั่งมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ตนมีความรู้สึกดีใจที่หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะอำเภอเมืองกาญจนบุรี ที่ได้ริเริ่มโครงการดังกล่าวขึ้นมา ตนหวังว่าโครงการดังกล่าวจะมีประโยชน์ต่อเด็กๆ ที่เข้ามาร่วมโครงการนี้ได้เป็นอย่างดี และหวังว่าสักวันหนึ่งลูกชายจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเด็กๆ ทั่วไป