xs
xsm
sm
md
lg

เตือนโจ๋ซื้อคอนดอมเกินไซส์เจ้าโลก เล่นรักไม่มัน เสี่ยงโรค-ป่อง คนหนุนติดตู้ถุงยาง ร.ร.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

โพลชี้คนเห็นด้วยติดตั้งตู้คอนดอมในโรงเรียนจาก 47.6% เป็น 60% ขณะที่วัยรุ่นติดกามโรคเพิ่มขึ้น 5 เท่า แนะเพิ่มการเข้าถึง เตือนหนุ่มๆ วัยรุ่นซื้อถุงยางเกินไซส์เจ้าโลก หวั่นเสียศักดิ์ศรีความเป็นชาย ระวังระเริงรักไม่สนุก ทำคอนดอมหลุด หลวม ไม่ถึงฝั่งฝัน แถมเสี่ยงติดโรค - ท้องไม่พร้อม

วันนี้ (12 ก.พ.) นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงข่าวการรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ เนื่องในวันวาเลนไทน์​ ว่า จากการสำรวจทัศนคติ เรื่อง การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อควบคุมป้องกันโรค ในประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 3,000 ราย ใน 22 จังหวัด พบว่า ประชาชนมีความรู้และเข้าใจในการใช้ถุงยางอนามัย ร้อยละ 76.8 ลดลงจากปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 86.2 ทั้งนี้ คนเห็นด้วยในการติดตั้งเครื่องจำหน่ายถุงยางอนามัยในห้องน้ำนักเรียนตั้งแต่ ม.ต้น ขึ้นไป ร้อยละ 60 สูงกว่าปี 2557 ที่อยู่ที่ร้อยละ 47.6 โดยกลุ่มตัวอย่างเคยใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 88.6 ไม่เคยใช้ ร้อยละ 6.7 เมื่อถามถึงการใช้ถุงยางอนามัยกับผู้ที่ไม่ใช่คู่นอน พบว่า ใช้ทุกครั้ง ร้อยละ 57 ใช้บางครั้ง ร้อยละ 35.7 ส่วนการซื้อถุงยางอนามัยในร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายยาพบว่า รู้สึกอาย ร้อยละ 43.5 ไม่รู้สึกอาย ร้อยละ 41 ขณะที่ร้อยละ 76.8 คิดว่า ถุงยางอนามัยป้องกันการตั้งครรภ์และโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ แต่ร้อยละ 54 มองว่า การแจกถุงยางอนามัยให้เด็ก ม.ต้น ช่วงวาเลนไทน์ เป็นการกระตุ้นให้มีเพศสัมพันธ์

“จากพบการสำรวจพบว่า จำเป็นต้องเพิ่มความรู้ประชาชน เพื่อให้เกิดทัศนคติและเปลี่ยนพฤติกรรม รวมกับการเข้าถึงถุงยางอนามัยด้วย โดยกรมฯ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พยายามจัดหาถุงยางอนามัยมาตรฐานราคาถูกให้ประชาชนเข้าถึงได้ โดยมีการจัดหาให้ปีละ 55 ล้านชิ้น และพยายามจะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องด้วย โดยคณะอนุกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันโรคและแก้ไขปัญหาเอดส์ครั้งล่าสุด ได้มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์ถุงยางอนามัยแห่งชาติ ปี 2558 - 2563 เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ” อธิบดี คร. กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา ปี 2557 พบว่า อัตราการป่วยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้แก่ โรคหนองใน โรคซิฟิลิส หนองในเทียม แผลริมอ่อน และกามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลืองทั่วประเทศ​ พบว่า แนวโน้มการเกิดโรคเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 52.69 ต่อแสนประชากรในปี 2557 จาก 35.89 ต่อประชากรแสนคน ในปี 2552 ​และในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา วัยรุ่นอายุ 10 - 19 ปี ติดกามโรคเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เกือบ 5 เท่าตัว จาก 7.53 เป็น 34.89 ต่อประชากรแสนคน และกลุ่มอายุ 20 - 29 เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว โดยคาดว่าในอีก 3 ปี จะมีผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใน 2 กลุ่มอายุนี้ อยู่ที่ 21,137 คน สาเหตุจากการใช้ถุงยางอนามัยลดลง โดยผลสำรวจในปี 2556 พบว่า วัยรุ่นชาย ใช้ถุงยางอนามัย ร้อยละ 36.2 วัยรุ่นหญิง ร้อยละ 27.9 เท่านั้น

นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงในวัยรุ่น คือ เลือกขนาดถุงยางอนามัยไม่เหมาะสมกับตัวเอง โดยมักเลือกขนาดที่ใหญ่กว่าไซส์จริง เพราะมีทัศนคติที่ผิดคือกลัวเพื่อนหยามว่าอวัยวะเพศเล็ก ไม่สมศักดิ์ศรีความเป็นชาย ทำให้ถุงยางอนามัยหลุด หลวม เสี่ยงติดโรค หรือตั้งครรภ์ง่าย และบางรายอาจจะไม่รู้วิธีการวัดขนาด ซึ่งจากผลสำรวจของ สธ. พบว่าผู้ชายไทยอันดับ 1 มีขนาดอวัยวะเพศอยู่ที่ขนาด 52 มิลลิเมตร จำนวน 12 ล้านคน ขนาด 49 มิลลิเมตร จำนวน 6.5 ล้านคน ขนาด 54 มิลลิเมตร จำนวน 3.6 ล้านคน และขนาด 56 มิลลิเมตร จำนวน 1.2 ล้านคน

อยากให้วัยรุ่นเปลี่ยนความคิดและทัศนคติแบบเดิมๆ ที่กลัวเพื่อนหยามเรื่องขนาดอวัยวะเพศเล็ก และหันมาคำนึงถึงความพึงพอใจของคู่นอนมากกว่า โดยหันมาร่วมกันสร้างบรรยากาศในการร่วมรักจะดีกว่า ทั้งนี้ หากใส่ถุงยางที่ใหญ่เกินไซส์จริง นอกจากจะเสี่ยงโรคแล้ว ยังทำให้เสียบรรยากาศ และไม่ต่างอะไรกับการใส่ถุงพลาสติก อย่างไรก็ตาม สำหรับการวัดขนาดอวัยวะเพศ ตามมาตรฐานส่วนใหญ่แล้วจะวัดจากความสูง หากชายใดที่สูงไม่เกิน 160 เซนติเมตร จะมีขนาดไซส์ประมาณ 49 มิลลิเมตร ส่วนชายที่สูงตั้งแต่ 160 เซนติเมตรขึ้นไป จะมีขนาดไซส์อยู่ที่ 52 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นไซส์มาตรฐานของชายไทย” โฆษก สธ. กล่าว

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น