สธ. โต้ปรับปรุง พ.ร.บ.เหล้า ไม่รังแก บ.น้ำเมา ชี้ออกมาโจมตี เพราะรู้ว่าคุมการดื่มได้ผล กระทบยอดขาย ลั่นจะรีบดัน กม. ให้เร็วขึ้น ด้าน สสส. สวนกลับโดนกล่าวหาลดผู้ดื่มไม่ได้ ยกตัวเลขชัดคนดื่มหนักลดได้ 20% คนร่วมโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาเพิ่ม
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชัน จำกัด แสดงความเห็นเรื่องการรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับปรับปรุงมีขั้นตอนไม่โปร่งใส และข้อแก้ไขทางกฎหมายไม่เป็นธรรม ว่า การปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. ตามปกติก็มีการเรียกผู้ประกอบการมารับฟังความคิดเห็น ซึ่งที่ผ่านมาก็เรียกผู้ประกอบการรายใหญ่มาได้เกือบครบ โดยเนื้อหาที่มีการปรับปรุง เช่น หมวดห้ามโฆษณาทั้งหมด (Total Ban) การเพิ่มวิธีการลักษณะการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้สอดคล้องประเภทของกรมสรรพสามิต โดยจะเพิ่มโทษตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการปรับอำนาจของเจ้าพนักงาน เช่น การเข้าตรวจในโรงงาน เป็นต้น
“การที่ผู้ประกอบการออกมาโจมตีสะท้อนว่า ผู้ประกอบการทราบว่า การออกกฎหมายจะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจจะกระทบต่อยอดขาย หมายความว่า จะควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ได้ดีขึ้น โดยกระบวนการต่อจากนี้ผู้ประกอบการยังสามารถส่งความคิดเห็นเพิ่มเติมมายังคณะกรรมการฯ ได้ โดยในส่วนของคณะกรรมการ เมื่อรับฟังความคิดเห็นแล้วก็จะส่งให้คณะกรรมการนโยบายฯ และนำเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติต่อไป ทั้งนี้ เมื่อทราบว่ากฎหมายนี้จะเป็นผลดีต่อการควบคุมอย่างที่ผู้ประกอบการกลัว ก็จะเร่งออกกฎหมายให้เร็วขึ้น” นพ.สมาน กล่าว
นพ.สมาน กล่าวว่า สำหรับข้อกล่าวหาการเพิ่มอำนาจเจ้าพนักงานจะทำให้เกิดการทุจริตไม่เป็นความจริง เพราะเจ้าพนักงานที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น จะทำเพียงรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และส่งต่ออัยการให้ฟ้องร้องเพื่อลงโทษตามกฎหมาย จึงไม่ได้มีอำนาจอะไรที่จะไปข่มขู่ และการเพิ่มอำนาจในการปรับปรุงร่างกฎหมาย ก็เพียงแต่ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าทำหน้าที่ได้เท่านั้น
ด้าน นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงกรณี ผอ.สายการตลาด บ.สิงห์ฯ ระบุว่า การทำงานของ สสส. ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มุ่งทำลายบริษัทเหล้าและไม่สามารถลดผู้ดื่มได้นั้น ว่า การทำงานด้านนี้ใช้งบประมาณ 10% ของงบทั้งหมด เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย สนับสนุนงานวิจัย สนับสนุนให้เกิดเครือข่ายและสื่อสารณรงค์ โดยไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อโจมตี หรือทำลายบริษัท ส่วนที่ว่าลดผู้ดื่มไม่ได้นั้นไม่จริง เพราะสามารถลดสัดส่วนจำนวนนักดื่มแบบอันตรายหรือดื่มหนักตลอดปีได้ถึงร้อยละ 20 และกลุ่มผู้ดื่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ลดลงร้อยละ 17 ทำให้อัตราการดื่มต่อจำนวนประชากรโดยเฉลี่ยลดลงถึงร้อยละ 12 ในรอบ 14 ปี มีการรณรงค์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม อาทิ งดเหล้าเข้าพรรษา มีผู้สนใจร่วมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชัน จำกัด แสดงความเห็นเรื่องการรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับปรับปรุงมีขั้นตอนไม่โปร่งใส และข้อแก้ไขทางกฎหมายไม่เป็นธรรม ว่า การปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. ตามปกติก็มีการเรียกผู้ประกอบการมารับฟังความคิดเห็น ซึ่งที่ผ่านมาก็เรียกผู้ประกอบการรายใหญ่มาได้เกือบครบ โดยเนื้อหาที่มีการปรับปรุง เช่น หมวดห้ามโฆษณาทั้งหมด (Total Ban) การเพิ่มวิธีการลักษณะการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้สอดคล้องประเภทของกรมสรรพสามิต โดยจะเพิ่มโทษตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการปรับอำนาจของเจ้าพนักงาน เช่น การเข้าตรวจในโรงงาน เป็นต้น
“การที่ผู้ประกอบการออกมาโจมตีสะท้อนว่า ผู้ประกอบการทราบว่า การออกกฎหมายจะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจจะกระทบต่อยอดขาย หมายความว่า จะควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ได้ดีขึ้น โดยกระบวนการต่อจากนี้ผู้ประกอบการยังสามารถส่งความคิดเห็นเพิ่มเติมมายังคณะกรรมการฯ ได้ โดยในส่วนของคณะกรรมการ เมื่อรับฟังความคิดเห็นแล้วก็จะส่งให้คณะกรรมการนโยบายฯ และนำเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติต่อไป ทั้งนี้ เมื่อทราบว่ากฎหมายนี้จะเป็นผลดีต่อการควบคุมอย่างที่ผู้ประกอบการกลัว ก็จะเร่งออกกฎหมายให้เร็วขึ้น” นพ.สมาน กล่าว
นพ.สมาน กล่าวว่า สำหรับข้อกล่าวหาการเพิ่มอำนาจเจ้าพนักงานจะทำให้เกิดการทุจริตไม่เป็นความจริง เพราะเจ้าพนักงานที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น จะทำเพียงรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และส่งต่ออัยการให้ฟ้องร้องเพื่อลงโทษตามกฎหมาย จึงไม่ได้มีอำนาจอะไรที่จะไปข่มขู่ และการเพิ่มอำนาจในการปรับปรุงร่างกฎหมาย ก็เพียงแต่ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าทำหน้าที่ได้เท่านั้น
ด้าน นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงกรณี ผอ.สายการตลาด บ.สิงห์ฯ ระบุว่า การทำงานของ สสส. ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มุ่งทำลายบริษัทเหล้าและไม่สามารถลดผู้ดื่มได้นั้น ว่า การทำงานด้านนี้ใช้งบประมาณ 10% ของงบทั้งหมด เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย สนับสนุนงานวิจัย สนับสนุนให้เกิดเครือข่ายและสื่อสารณรงค์ โดยไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อโจมตี หรือทำลายบริษัท ส่วนที่ว่าลดผู้ดื่มไม่ได้นั้นไม่จริง เพราะสามารถลดสัดส่วนจำนวนนักดื่มแบบอันตรายหรือดื่มหนักตลอดปีได้ถึงร้อยละ 20 และกลุ่มผู้ดื่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ลดลงร้อยละ 17 ทำให้อัตราการดื่มต่อจำนวนประชากรโดยเฉลี่ยลดลงถึงร้อยละ 12 ในรอบ 14 ปี มีการรณรงค์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม อาทิ งดเหล้าเข้าพรรษา มีผู้สนใจร่วมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
