สพฐ. โอนงบกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 5 พันล้านบาท ให้ ร.ร. ใช้ดำเนินการสร้างอาคารเรียนทดแทนที่เสื่อมโทรม ตามที่ได้รับแจ้งมา 1 พันกว่ารายการ ระบุ ร.ร. ต้องเร่งจัดซื้อจัดจ้างให้เสร็จภายใน 30 ธ.ค. นี้ พร้อมตั้ง คกก. ลงไปติดตามการทำงานใกล้ชิด “กมล” ยันพ้นจัดสรรงบก้อนโตรอบนี้จะมีไม่งบแบบนี้อีก แต่จะใช้งบพัฒนาการศึกษาด้านอื่น
วันนี้ (25 พ.ย.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เร่งดำเนินการให้มีการใช้จ่ายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาลมาประมาณ 5,800 ล้านบาทแล้ว โดยขณะนี้ สพฐ. ได้มีการโอนงบประมาณทั้งหมดไปให้สถานศึกษาทั่วประเทศแล้วใน 183 เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรรตามความจำเป็น รวมแล้วประมาณ 1,000 กว่ารายการ เช่น การสร้างอาคารเรียนในโรงเรียนทดแทนอาคารที่ทรุดโทรมชำรุดจนใช้งานไม่ได้ การสร้างอาคารที่พักอาศัยและสิ่งประกอบ อาคารอเนกประสงค์ ลานกีฬา รั้วโรงเรียน การสร้างห้องสุขาให้นักเรียน เป็นต้น ซึ่งโรงเรียนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณครั้งนี้จะเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษาโดย สพฐ. จะพิจารณาการจัดสรรจากความขาดแคลนของโรงเรียน และจำนวนนักเรียนว่าเพียงพอต่ออาคารเรียน ห้องสุขาหรือไม่เพราะบางโรงเรียนมีนักเรียนมากแต่ห้องเรียนมีแค่ 1 - 2 ห้อง จึงไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ยังมีเกณฑ์ของมาตรฐานโรงเรียนด้วยเช่น โรงเรียนหนึ่งแห่งควรต้องมีลานหรือสนามกีฬาหากไม่มีก็จะพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้
ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ สพฐ. กำหนดให้โรงเรียนทุกแห่งที่ได้รับงบประมาณดังกล่าวต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ซึ่งน่าจะดำเนินการได้ทัน เพราะ สพฐ. ได้แจ้งล่วงหน้าให้โรงเรียนทราบแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และเมื่อมีการโอนเงินก็สามารถทำสัญญาได้เลย ทั้งนี้ ตนได้ตั้งคณะกรรมการติดตามมีนายรังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการ กพฐ. เพื่อลงไปกำกับติดตามการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของสถานศึกษาให้เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนที่ถูกต้อง
“ผมได้พูดคุยกับทางสำนักงบประมาณ ว่า หลังจากการจัดสรรงบประมาณคราวนี้แล้วไม่ควรมีงบประมาณลักษณะนี้เป็นจำนวนมากอีก เพราะจะได้นำงบประมาณไปใช้ทางการการศึกษาด้านอื่นๆ คราวนี้ถือว่าได้มีการจัดสรรงบประมาณก่อสร้างให้โรงเรียนที่ขาดแคลนกันครบแล้ว” นายกมล กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (25 พ.ย.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เร่งดำเนินการให้มีการใช้จ่ายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาลมาประมาณ 5,800 ล้านบาทแล้ว โดยขณะนี้ สพฐ. ได้มีการโอนงบประมาณทั้งหมดไปให้สถานศึกษาทั่วประเทศแล้วใน 183 เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรรตามความจำเป็น รวมแล้วประมาณ 1,000 กว่ารายการ เช่น การสร้างอาคารเรียนในโรงเรียนทดแทนอาคารที่ทรุดโทรมชำรุดจนใช้งานไม่ได้ การสร้างอาคารที่พักอาศัยและสิ่งประกอบ อาคารอเนกประสงค์ ลานกีฬา รั้วโรงเรียน การสร้างห้องสุขาให้นักเรียน เป็นต้น ซึ่งโรงเรียนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณครั้งนี้จะเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษาโดย สพฐ. จะพิจารณาการจัดสรรจากความขาดแคลนของโรงเรียน และจำนวนนักเรียนว่าเพียงพอต่ออาคารเรียน ห้องสุขาหรือไม่เพราะบางโรงเรียนมีนักเรียนมากแต่ห้องเรียนมีแค่ 1 - 2 ห้อง จึงไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ยังมีเกณฑ์ของมาตรฐานโรงเรียนด้วยเช่น โรงเรียนหนึ่งแห่งควรต้องมีลานหรือสนามกีฬาหากไม่มีก็จะพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้
ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ สพฐ. กำหนดให้โรงเรียนทุกแห่งที่ได้รับงบประมาณดังกล่าวต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ซึ่งน่าจะดำเนินการได้ทัน เพราะ สพฐ. ได้แจ้งล่วงหน้าให้โรงเรียนทราบแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และเมื่อมีการโอนเงินก็สามารถทำสัญญาได้เลย ทั้งนี้ ตนได้ตั้งคณะกรรมการติดตามมีนายรังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการ กพฐ. เพื่อลงไปกำกับติดตามการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของสถานศึกษาให้เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนที่ถูกต้อง
“ผมได้พูดคุยกับทางสำนักงบประมาณ ว่า หลังจากการจัดสรรงบประมาณคราวนี้แล้วไม่ควรมีงบประมาณลักษณะนี้เป็นจำนวนมากอีก เพราะจะได้นำงบประมาณไปใช้ทางการการศึกษาด้านอื่นๆ คราวนี้ถือว่าได้มีการจัดสรรงบประมาณก่อสร้างให้โรงเรียนที่ขาดแคลนกันครบแล้ว” นายกมล กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
กำลังโหลดเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น