ศธ.เดินหน้าใช้เงินค้างกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท หวังกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนคนเรียนสายอาชีพต่อสายสามัญเป็น 45:55 ในปี 2559 ทุ่ม 390 ล้านบาทซื้ออุปกรณ์ประจำตัวให้นร.สายอาชีพ พร้อมคิดของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนตามนโยบายนายกฯ
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (สธ.) กล่าวถึงผลการประชุม ศธ. เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ได้ขอให้องค์กรหลักของ ศธ. เร่งใช้จ่ายตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการนำเงินที่ค้างอยู่ในปีงบประมาณ 2556-2557 โดยเฉพาะ ศธ.ที่มีเงินเหลือจ่ายมากที่สุดคือ 13,198 ล้านบาท มาใช้ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณของโครงการปรับปรุงซ่อมแซมก่อสร้างอาคารเรียน และจัดซื้อครุภัณฑ์ในสถานศึกษาต่างๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ( สกอ.) โดยขอให้พิจารณาการปรับปรุงซ่อมแซมก่อนเป็นลำดับแรก หากจำเป็นจริงๆ จึงจะใช้งบประมาณเพื่อการก่อสร้างอาคารใหม่ นอกจากนี้ขอให้องค์กรหลักกำชับไปยังสถานศึกษาให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไป อย่างโปร่งใส ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน และขอให้เริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปีงบ ประมาณนี้ รวมทั้งเร่งดำเนินการใช้จ่ายในส่วนของปีงบประมาณ 2558 ไปพร้อมๆ กันด้วย
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีการกำหนดตัวชี้วัดและตั้งเป้าหมายในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและนโยบายของ ศธ. ทั้ง 10 นโยบายเร่งด่วน และ 7 นโยบายเฉพาะ โดยเฉพาะนโยบายผลิตกำลังคนตอบสนองความต้องการของประเทศ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบให้ตั้งเป้าหมายขยับสัดส่วนผู้เรียนต่อสายสามัญและสายอาชีพ เป็น 55 : 45 ภายในปี 2559 จากสัดส่วนใน ปัจจุบันอยู่ที่ 64: 36ได้ตั้งเป้าหมายใหม่ว่า เมื่อสิ้นปี 2559 พร้อมเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนในสถานศึกษาเอกชนด้วย ปัจจุบัน สัดส่วนผู้เรียนระหว่างเอกชนกับรัฐในปัจจุบันคือ 20:80 แต่เมื่อสิ้นปี 2559 ควรเพิ่มเป็น 35:65 เป็นต้น
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนสายอาชีพ แจกประจำตัวนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ทั้งรัฐและเอกชน วงเงิน 390 ล้านบาท เพื่อจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้เรียนระดับ ปวช.ทุกสังกัด 262,263 คน ได้ยืมเรียนตลอดหลักสูตร และคืนเมื่อเรียนจบ ปวช. 3 ปี โดยแนวทางการจัดซื้อนั้น จะให้แต่ละสถานศึกษาดำเนินการจัดซื้อเองในอัตราที่กำหนดไว้ในแต่ละประเภทวิชา ดังนี้ - อุตสาหกรรม 2,000 บาทต่อคน - เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 1,800 บาทต่อคน - เกษตรกรรม 1,600 บาทต่อคน - คหกรรม, ประมง, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว,อุตสาหกรรมสิ่งทอ 1,200 บาทต่อคน - พาณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ, ศิลปกรรม 1,000 บาทต่อคน
"นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานจัดทำผลงานที่เป็นรูปธรรมมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน จึงขอให้องค์กรหลักร่วมกันพิจารณาว่า ในส่วนของ ศธ.ควรจะเป็นอะไร โดยขอให้ช่วยกันคิดและรายงานให้รับทราบภายในเดือนหน้า" รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (สธ.) กล่าวถึงผลการประชุม ศธ. เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ได้ขอให้องค์กรหลักของ ศธ. เร่งใช้จ่ายตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการนำเงินที่ค้างอยู่ในปีงบประมาณ 2556-2557 โดยเฉพาะ ศธ.ที่มีเงินเหลือจ่ายมากที่สุดคือ 13,198 ล้านบาท มาใช้ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณของโครงการปรับปรุงซ่อมแซมก่อสร้างอาคารเรียน และจัดซื้อครุภัณฑ์ในสถานศึกษาต่างๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ( สกอ.) โดยขอให้พิจารณาการปรับปรุงซ่อมแซมก่อนเป็นลำดับแรก หากจำเป็นจริงๆ จึงจะใช้งบประมาณเพื่อการก่อสร้างอาคารใหม่ นอกจากนี้ขอให้องค์กรหลักกำชับไปยังสถานศึกษาให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไป อย่างโปร่งใส ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน และขอให้เริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปีงบ ประมาณนี้ รวมทั้งเร่งดำเนินการใช้จ่ายในส่วนของปีงบประมาณ 2558 ไปพร้อมๆ กันด้วย
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีการกำหนดตัวชี้วัดและตั้งเป้าหมายในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและนโยบายของ ศธ. ทั้ง 10 นโยบายเร่งด่วน และ 7 นโยบายเฉพาะ โดยเฉพาะนโยบายผลิตกำลังคนตอบสนองความต้องการของประเทศ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบให้ตั้งเป้าหมายขยับสัดส่วนผู้เรียนต่อสายสามัญและสายอาชีพ เป็น 55 : 45 ภายในปี 2559 จากสัดส่วนใน ปัจจุบันอยู่ที่ 64: 36ได้ตั้งเป้าหมายใหม่ว่า เมื่อสิ้นปี 2559 พร้อมเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนในสถานศึกษาเอกชนด้วย ปัจจุบัน สัดส่วนผู้เรียนระหว่างเอกชนกับรัฐในปัจจุบันคือ 20:80 แต่เมื่อสิ้นปี 2559 ควรเพิ่มเป็น 35:65 เป็นต้น
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนสายอาชีพ แจกประจำตัวนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ทั้งรัฐและเอกชน วงเงิน 390 ล้านบาท เพื่อจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้เรียนระดับ ปวช.ทุกสังกัด 262,263 คน ได้ยืมเรียนตลอดหลักสูตร และคืนเมื่อเรียนจบ ปวช. 3 ปี โดยแนวทางการจัดซื้อนั้น จะให้แต่ละสถานศึกษาดำเนินการจัดซื้อเองในอัตราที่กำหนดไว้ในแต่ละประเภทวิชา ดังนี้ - อุตสาหกรรม 2,000 บาทต่อคน - เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 1,800 บาทต่อคน - เกษตรกรรม 1,600 บาทต่อคน - คหกรรม, ประมง, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว,อุตสาหกรรมสิ่งทอ 1,200 บาทต่อคน - พาณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ, ศิลปกรรม 1,000 บาทต่อคน
"นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานจัดทำผลงานที่เป็นรูปธรรมมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน จึงขอให้องค์กรหลักร่วมกันพิจารณาว่า ในส่วนของ ศธ.ควรจะเป็นอะไร โดยขอให้ช่วยกันคิดและรายงานให้รับทราบภายในเดือนหน้า" รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
Loadingเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น
