สพฐ. พร้อมสนองพระราชดำรัสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เตรียมหาแนวทางดูแลเด็ก นร. ในพื้นที่ห่างไกล ยันไม่มีการยุบรวม ร.ร. เล็ก แต่จะเน้นการดูแลตามบริบท เล็งจัดสรรอัตราครูที่เหมาะสมในพื้นที่ที่จำเป็น ขณะที่ สอศ. มีแผนจัดอบรมอาชีพระยะสั้นทั้งต่อยอดอาชีพเดิม และอาชีพใหม่ให้ผู้สนใจและผู้สูงอายุนำไปพัฒนาตนเอง หรือทำอาชีพเสริมได้
ภายหลัง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งในโอกาสทรงบรรยายพิเศษเรื่อง “อดีตเพื่ออนาคต : การศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศ” ว่า มีเด็กจำนวนหนึ่งขาดโอกาสทางการศึกษา เพราะไม่มีโรงเรียนใกล้บ้านพ่อแม่ก็ไม่อยากให้ลูกเดินทางไกลเพราะบาคนกว่าจะเดินถึงโรงเรียนก็เย็น เรียนมา 4 ปี ปรากฏว่า ไม่รู้หนังสือ หรือเด็กบางคนที่เจอคะแนนไม่ดีเพราะเรียนกับทีวี ในขณะที่เด็กในเมืองมีนักเรียนห้องละ 50-60 คน นั่งเบียดเสียดกัน นอกจากนั้น ยังทรงแนะนำให้ผู้สูงอายุได้มีโอกาสเรียนเพื่อพัฒนาตนเอง
วันนี้ (4 พ.ย.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สิ่งที่พระองค์ท่านทรงรับสั่งเป็นภาพสะท้อนของประเทศไทยจริงๆ บางครั้งการใช้แนวคิดทฤษฎีจากต่างประเทศเข้ามาจัดการศึกษา การกำหนดจำนวนนักเรียนต่อห้อง จำนวนนักเรียนต่อโรงเรียนเพื่อให้คุ้มค่ากับการบริหาร แต่ในแนวคิดดังกล่าวก็จะพบว่ามีมุมลบทำให้มีโรงเรียนที่ถูกปิดและยุบไปจึงทำให้เด็กลำบากต้องเดินทางไกลไปเรียนมากขึ้น แม้จะมีรถรับส่งนักเรียนแต่ก็ต้องเดินทางไกล ดังนั้น สิ่งที่ทรงรับสั่งพวกเราต้องกลับมาคิดว่าจะมีนวัตกรรมหรือวิธีการจัดการบริหารอะไรบ้างที่จะเอื้อประโยชน์แก่เด็กมากกว่านี้ โดย สพฐ. จะไปพิจารณาเพื่อหาแนวทางในการสนองพระราชดำรัส ทั้งนี้ โรงเรียนขนาดเล็กของ สพฐ. นั้น ไม่ได้มีการประกาศให้ยุบหรือไม่ยุบแต่ให้เป็นไปตามบริบทของแต่ละพื้นที่และชุมชน หากชุมชนเห็นว่าโรงเรียนไม่มีความจำเป็นก็อาจต้องเปลี่ยนไปเป็นบทบาทอื่น เช่น เป็นศูนย์รวมการติดต่อสื่อสาร แหล่งความรู้ของชุมชน แต่หากชุมชนเห็นว่ามีความจำเป็นก็ให้คงอยู่หรือบางพื้นที่หากจะให้สร้างเพิ่มก็สามารถเสนอพิจารณาสร้างเพิ่มได้ตาม ความจำเป็น
“กรณีที่นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลหรือขาดแคลนครูทำให้เด็กต้องเรียนทางไกลผ่านทีวีหรือครูตู้นั้นต้องดูบริบทแต่ละพื้นบางโรงเรียนทำไม่สำเร็จเพราะเปิดทีวีให้นักเรียนดูโดยที่ไม่มีครูมาอยู่ดูแลเด็ก แต่โรงเรียนที่ประสบความสำเร็จจะทำครบทุกขั้นตอนเช่น มีการเตรียมอุปกรณ์การเรียนการสอน มีครูคอยดูแลนักเรียนช่วยอธิบายเวลาเด็กไม่เข้าใจ เป็นต้น ทั้งนี้ บางโรงเรียนที่มีครูไม่ครบชั้นจะใช้วิธีให้ครูคนหนึ่งดูแลนักเรียนประมาณ 2 - 3 ชั้นเรียนในช่วงที่ให้เด็กเรียนกับทีวีโดยจะมีการทำช่องทางเข้าห้องให้ครูเดินไปมาในแต่ละชั้นเรียนได้อย่างสะดวก อย่างไรก็ตาม สพฐ. จะไปพิจารณาจัดสรรอัตราครูเพิ่มเติมในโรงเรียนที่ห่างไกลและจำเป็นต้องมีครูเพิ่ม”นายกมล กล่าว
ด้าน นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2558 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เตรียมแผนกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้คนในวัยแรงงาน หรือผู้สูงอายุได้ฝึกอบรมระยะสั้นเพื่อนำไปประกอบอาชีพเสริม หรือทำเป็นอาชีพหลักแบ่งการอบรมเป็นสองประเภท คือ การอบรมต่อยอดจากอาชีพเดิม สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมจากงานที่ตนทำ อาทิ ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ที่ปัจจุบันเทคโนโลยี มีการพัฒนามากขึ้น และการอบรมเพื่อสร้างอาชีพใหม่ โดยจะเพิ่มระยะเวลาการอบรม ให้มากขึ้นจากเดิม อาชีพละ 3 - 120 ชั่วโมง เป็น อาชีพละ 60 - 120 ชั่วโมง เชื่อว่า จะสามารถช่วยพัฒนาให้คนในวันทำงาน หรือแม้แต่ผู้สูงอายุที่ยังสามารถ ทำงานได้ มีอาชีพเสริมและมีรายได้เพิ่มเติมอีกช่องทางหนึ่ง
ขณะที่ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในส่วนของอุดมศึกษา ก็เปิดโอกาสให้คนในทุกช่วงวัยที่อยากศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีได้เรียนอยู่แล้ว หากต้องการเรียน ทั้งในส่วนของวิทยาลัยชุมชน ที่สามารถเรียนได้ตั้งแต่ระดับอนุปริญญา ไปจนถึงปริญญาตรี และในมหาวิทยาลัยทั่วไปสาขาทั่วไปที่ไม่ใช่สาขาที่มีการแข่งขันสูง ส่วนการสอนให้นักศึกษารู้จักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนั้น ประเด็นนี้ตนคิดว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ ส่งเสริมให้นักศึกษาทำกิจกรรมเชิงอนุรักษ์อยู่บ้าง ทั้งนี้ เชื่อว่า มหาวิทยาลัยต่างๆ จะน้อมนำพระดำรัส เมื่อมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปปฏิบัติเพิ่มขึ้น เพื่อปลูกฝังให้นักศึกษาใส่ใจในเรื่องการอนุรักษ์ และการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ภายหลัง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งในโอกาสทรงบรรยายพิเศษเรื่อง “อดีตเพื่ออนาคต : การศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศ” ว่า มีเด็กจำนวนหนึ่งขาดโอกาสทางการศึกษา เพราะไม่มีโรงเรียนใกล้บ้านพ่อแม่ก็ไม่อยากให้ลูกเดินทางไกลเพราะบาคนกว่าจะเดินถึงโรงเรียนก็เย็น เรียนมา 4 ปี ปรากฏว่า ไม่รู้หนังสือ หรือเด็กบางคนที่เจอคะแนนไม่ดีเพราะเรียนกับทีวี ในขณะที่เด็กในเมืองมีนักเรียนห้องละ 50-60 คน นั่งเบียดเสียดกัน นอกจากนั้น ยังทรงแนะนำให้ผู้สูงอายุได้มีโอกาสเรียนเพื่อพัฒนาตนเอง
วันนี้ (4 พ.ย.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สิ่งที่พระองค์ท่านทรงรับสั่งเป็นภาพสะท้อนของประเทศไทยจริงๆ บางครั้งการใช้แนวคิดทฤษฎีจากต่างประเทศเข้ามาจัดการศึกษา การกำหนดจำนวนนักเรียนต่อห้อง จำนวนนักเรียนต่อโรงเรียนเพื่อให้คุ้มค่ากับการบริหาร แต่ในแนวคิดดังกล่าวก็จะพบว่ามีมุมลบทำให้มีโรงเรียนที่ถูกปิดและยุบไปจึงทำให้เด็กลำบากต้องเดินทางไกลไปเรียนมากขึ้น แม้จะมีรถรับส่งนักเรียนแต่ก็ต้องเดินทางไกล ดังนั้น สิ่งที่ทรงรับสั่งพวกเราต้องกลับมาคิดว่าจะมีนวัตกรรมหรือวิธีการจัดการบริหารอะไรบ้างที่จะเอื้อประโยชน์แก่เด็กมากกว่านี้ โดย สพฐ. จะไปพิจารณาเพื่อหาแนวทางในการสนองพระราชดำรัส ทั้งนี้ โรงเรียนขนาดเล็กของ สพฐ. นั้น ไม่ได้มีการประกาศให้ยุบหรือไม่ยุบแต่ให้เป็นไปตามบริบทของแต่ละพื้นที่และชุมชน หากชุมชนเห็นว่าโรงเรียนไม่มีความจำเป็นก็อาจต้องเปลี่ยนไปเป็นบทบาทอื่น เช่น เป็นศูนย์รวมการติดต่อสื่อสาร แหล่งความรู้ของชุมชน แต่หากชุมชนเห็นว่ามีความจำเป็นก็ให้คงอยู่หรือบางพื้นที่หากจะให้สร้างเพิ่มก็สามารถเสนอพิจารณาสร้างเพิ่มได้ตาม ความจำเป็น
“กรณีที่นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลหรือขาดแคลนครูทำให้เด็กต้องเรียนทางไกลผ่านทีวีหรือครูตู้นั้นต้องดูบริบทแต่ละพื้นบางโรงเรียนทำไม่สำเร็จเพราะเปิดทีวีให้นักเรียนดูโดยที่ไม่มีครูมาอยู่ดูแลเด็ก แต่โรงเรียนที่ประสบความสำเร็จจะทำครบทุกขั้นตอนเช่น มีการเตรียมอุปกรณ์การเรียนการสอน มีครูคอยดูแลนักเรียนช่วยอธิบายเวลาเด็กไม่เข้าใจ เป็นต้น ทั้งนี้ บางโรงเรียนที่มีครูไม่ครบชั้นจะใช้วิธีให้ครูคนหนึ่งดูแลนักเรียนประมาณ 2 - 3 ชั้นเรียนในช่วงที่ให้เด็กเรียนกับทีวีโดยจะมีการทำช่องทางเข้าห้องให้ครูเดินไปมาในแต่ละชั้นเรียนได้อย่างสะดวก อย่างไรก็ตาม สพฐ. จะไปพิจารณาจัดสรรอัตราครูเพิ่มเติมในโรงเรียนที่ห่างไกลและจำเป็นต้องมีครูเพิ่ม”นายกมล กล่าว
ด้าน นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2558 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เตรียมแผนกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้คนในวัยแรงงาน หรือผู้สูงอายุได้ฝึกอบรมระยะสั้นเพื่อนำไปประกอบอาชีพเสริม หรือทำเป็นอาชีพหลักแบ่งการอบรมเป็นสองประเภท คือ การอบรมต่อยอดจากอาชีพเดิม สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมจากงานที่ตนทำ อาทิ ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ที่ปัจจุบันเทคโนโลยี มีการพัฒนามากขึ้น และการอบรมเพื่อสร้างอาชีพใหม่ โดยจะเพิ่มระยะเวลาการอบรม ให้มากขึ้นจากเดิม อาชีพละ 3 - 120 ชั่วโมง เป็น อาชีพละ 60 - 120 ชั่วโมง เชื่อว่า จะสามารถช่วยพัฒนาให้คนในวันทำงาน หรือแม้แต่ผู้สูงอายุที่ยังสามารถ ทำงานได้ มีอาชีพเสริมและมีรายได้เพิ่มเติมอีกช่องทางหนึ่ง
ขณะที่ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ในส่วนของอุดมศึกษา ก็เปิดโอกาสให้คนในทุกช่วงวัยที่อยากศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีได้เรียนอยู่แล้ว หากต้องการเรียน ทั้งในส่วนของวิทยาลัยชุมชน ที่สามารถเรียนได้ตั้งแต่ระดับอนุปริญญา ไปจนถึงปริญญาตรี และในมหาวิทยาลัยทั่วไปสาขาทั่วไปที่ไม่ใช่สาขาที่มีการแข่งขันสูง ส่วนการสอนให้นักศึกษารู้จักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนั้น ประเด็นนี้ตนคิดว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ ส่งเสริมให้นักศึกษาทำกิจกรรมเชิงอนุรักษ์อยู่บ้าง ทั้งนี้ เชื่อว่า มหาวิทยาลัยต่างๆ จะน้อมนำพระดำรัส เมื่อมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปปฏิบัติเพิ่มขึ้น เพื่อปลูกฝังให้นักศึกษาใส่ใจในเรื่องการอนุรักษ์ และการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
Loadingเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น
