สธ. เร่งจัดทำแนวทางชันสูตรศพสงสัยติดเชื้ออีโบลา ป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อ ทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตำรวจ กู้ภัย นิติเวช พร้อมให้กรมอนามัยทำคู่มือกำจัดขยะติดเชื้อ ขณะที่ผลการเฝ้าระวังยังไม่พบผู้ป่วยในประเทศ
วันนี้ (3 พ.ย.) นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมวอร์รูมเพื่อติดตามประเมินสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ว่า สธ.ยังคงเข้มงวดมาตรการป้องกันโรคนี้ต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ส่วนการเตรียมความพร้อมสถานพยาบาลในการดูแลรักษาหากพบผู้ป่วยต้องสงสัยหรือติดเชื้อไวรัสอีโบลา การป้องกันการติดเชื้อ และห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาลศูนย์ในต่างจังหวัด 15 แห่ง และใน กทม. 5 แห่ง คืบหน้าเกือบ 100% แล้ว ทั้งนี้ ยังได้ตั้งคณะทำงานด้านวิชาการ ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจากกรมวิชาการที่เกี่ยวข้อง จัดทำร่างแนวทางการจัดการชันสูตรพลิกศพและการดูแลศพผู้เสียชีวิตที่สงสัยติดเชื้อไวรัสอีโบลา ทั้งกรณีเสียชีวิตในโรงพยาบาล และนอกโรงพยาบาล โดยจะเชิญแพทย์นิติเวช จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกันพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากในการทำงานจะมีผู้เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตำรวจ กู้ภัย หน่วยชันสูตรศพ หน่วยนิติเวช จึงต้องมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน นำไปใช้ปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
นพ.วชิระ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้ให้กรมอนามัยเร่งจัดทำคู่มือแนวทางการกำจัดขยะติดเชื้อ กรณีสงสัยติดเชื้อไวรัสอีโบลา เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ สธ. เพื่อให้โรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วประเทศดำเนินการได้อย่างถูกต้อง ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ชุมชน และได้จัดเตรียมข้อเสนอของบประมาณจากรัฐบาลในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อใช้ในการดำเนินการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์ยังไม่ยุติ ยังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยองค์การอนามัยโลกรายงานจนถึงวันที่ 29 ต.ค. 2557 พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาใน 6 ประเทศแอฟริกา สเปน และอเมริกา รวม 13,567 ราย เสียชีวิต 4,951 ราย
“ขอความร่วมมือประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด หากมีไข้ขอให้รีบพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง และติดต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตามระบบการตรวจคัดกรองที่ด่านควบคุมโรค หรือโทรปรึกษาสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง” รองปลัด สธ. กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (3 พ.ย.) นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมวอร์รูมเพื่อติดตามประเมินสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ว่า สธ.ยังคงเข้มงวดมาตรการป้องกันโรคนี้ต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ส่วนการเตรียมความพร้อมสถานพยาบาลในการดูแลรักษาหากพบผู้ป่วยต้องสงสัยหรือติดเชื้อไวรัสอีโบลา การป้องกันการติดเชื้อ และห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาลศูนย์ในต่างจังหวัด 15 แห่ง และใน กทม. 5 แห่ง คืบหน้าเกือบ 100% แล้ว ทั้งนี้ ยังได้ตั้งคณะทำงานด้านวิชาการ ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจากกรมวิชาการที่เกี่ยวข้อง จัดทำร่างแนวทางการจัดการชันสูตรพลิกศพและการดูแลศพผู้เสียชีวิตที่สงสัยติดเชื้อไวรัสอีโบลา ทั้งกรณีเสียชีวิตในโรงพยาบาล และนอกโรงพยาบาล โดยจะเชิญแพทย์นิติเวช จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกันพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากในการทำงานจะมีผู้เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตำรวจ กู้ภัย หน่วยชันสูตรศพ หน่วยนิติเวช จึงต้องมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน นำไปใช้ปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
นพ.วชิระ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้ให้กรมอนามัยเร่งจัดทำคู่มือแนวทางการกำจัดขยะติดเชื้อ กรณีสงสัยติดเชื้อไวรัสอีโบลา เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ สธ. เพื่อให้โรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วประเทศดำเนินการได้อย่างถูกต้อง ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ชุมชน และได้จัดเตรียมข้อเสนอของบประมาณจากรัฐบาลในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อใช้ในการดำเนินการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์ยังไม่ยุติ ยังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยองค์การอนามัยโลกรายงานจนถึงวันที่ 29 ต.ค. 2557 พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาใน 6 ประเทศแอฟริกา สเปน และอเมริกา รวม 13,567 ราย เสียชีวิต 4,951 ราย
“ขอความร่วมมือประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด หากมีไข้ขอให้รีบพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง และติดต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตามระบบการตรวจคัดกรองที่ด่านควบคุมโรค หรือโทรปรึกษาสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง” รองปลัด สธ. กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
Loadingเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น
