สธ. เตรียมปลดล็อก “เซเนกัล - ไนจีเรีย” ออกจากประเทศติดโรคอีโบลา หลัง WHO ประกาศพ้นจากการเฝ้าระวังโรคอีโบลา เหตุ 6 สัปดาห์ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม มั่นใจขยาย รพ. 30 แห่งรองรับการดูแลผู้ต้องสงสัยและผู้ติดเชื้ออีโบลาได้ใน ธ.ค.
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวภายหลังประชุมวอร์รูมติดตามประเมินสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานจนถึงวันที่ 17 ต.ค. พบว่า ใน 5 ประเทศแอฟริกาตะวันตก ได้แก่ ไลบีเรีย กินี เซเนกัล ไนจีเรีย และ เซียร์ราลีโอน มีผู้ป่วย 9,191 ราย เสียชีวิต 4,546 ราย และยังพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลานอกทวีปแอฟริกาตะวันตก ในประเทศสเปน และ สหรัฐอเมริกา ด้วยรวม 25 ราย เสียชีวิต 9 ราย แต่ยังสามารถควบคุมได้ โดยขณะนี้ WHO ได้ประกาศให้ประเทศเซเนกัล และ ไนจีเรีย เป็นประเทศที่พ้นจากการเฝ้าระวังโรคอีโบลา เนื่องจากไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มในรอบ 6 สัปดาห์ สธ. จะดำเนินการพิจารณา 2 ประเทศดังกล่าวพ้นจากเขตติดโรคตามขั้นตอนต่อไป แต่จะยังคงเข้มงวดมาตรการการตรวจคัดกรอง เฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมากจากพื้นที่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจนถึงวันนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ และจะประเมินติดตามสถานการณ์เพื่อปรับแผนให้สอดคล้องกับความจำเป็น
นพ.โสภณ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมโรงพยาบาลศูนย์ในต่างจังหวัด 15 แห่ง และใน กทม. 5 แห่ง ในการดูแลผู้ต้องสงสัยหรือผู้ติดเชื้ออีโบลา ซึ่งจะมีห้องแยกดูแลผู้ป่วยและห้องแยกสำหรับตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อแยกโรค และจะขยายไปในโรงพยาบาลทั่วประเทศอีกจนครบ 30 แห่งเสร็จสมบูรณ์ใน ธ.ค. นี้ โดยหากมีผู้ป่วยสงสัยจะสามารถตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการของกรมวิททยาศาสตร์การแพทย์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานผลได้ใน 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน ได้ฝึกซ้อมความพร้อมของแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันการติดเชื้อ โดยได้จัดทำคู่มือการปฏิบัติงาน รวมถึงการกำจัดขยะติดเชื้อแก่บุคลากรในโรงพยาบาล 4,000 เล่มแจกให้โรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วประเทศ และจะเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคเมอร์ส - โควี หรือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2012 ในต่างประเทศจนถึงวันที่ 18 ต.ค. 2557 มีผู้ป่วยยืนยัน 776 ราย เสียชีวิต 326 ราย คิดอัตราป่วยตายร้อยละ 42 ซึ่งเฉพาะเดือนกันยายนถึงตุลาคมพบผู้ป่วย 23 ราย ผลการเฝ้าระวังในประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากการร่วมพิธีฮัจญ์จากประเทศซาอุดีอาระเบีย ใน 50 จังหวัด ประมาณ 10,400 คน พบผู้ที่มีอาการไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ เข้าข่ายเฝ้าระวังรวม 18 ราย ส่วนใหญ่อยู่ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่า ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ ยังไม่พบรายใดติดเชื้อเมอร์ส - โควี โดยจะติดตามเฝ้าระวังอาการผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศซาอุดิอาระเบียเป็นเวลา 15 วัน ทั้งนี้ ทั้งโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาและเมอร์ส-โควี เป็นโรคติดต่ออันตรายยังไม่มีในประเทศไทย จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกราย โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด หากมีไข้ต้องรีบพบแพทย์ทันทีหรือโทรปรึกษาสายด่วน 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวภายหลังประชุมวอร์รูมติดตามประเมินสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานจนถึงวันที่ 17 ต.ค. พบว่า ใน 5 ประเทศแอฟริกาตะวันตก ได้แก่ ไลบีเรีย กินี เซเนกัล ไนจีเรีย และ เซียร์ราลีโอน มีผู้ป่วย 9,191 ราย เสียชีวิต 4,546 ราย และยังพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลานอกทวีปแอฟริกาตะวันตก ในประเทศสเปน และ สหรัฐอเมริกา ด้วยรวม 25 ราย เสียชีวิต 9 ราย แต่ยังสามารถควบคุมได้ โดยขณะนี้ WHO ได้ประกาศให้ประเทศเซเนกัล และ ไนจีเรีย เป็นประเทศที่พ้นจากการเฝ้าระวังโรคอีโบลา เนื่องจากไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มในรอบ 6 สัปดาห์ สธ. จะดำเนินการพิจารณา 2 ประเทศดังกล่าวพ้นจากเขตติดโรคตามขั้นตอนต่อไป แต่จะยังคงเข้มงวดมาตรการการตรวจคัดกรอง เฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมากจากพื้นที่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจนถึงวันนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ และจะประเมินติดตามสถานการณ์เพื่อปรับแผนให้สอดคล้องกับความจำเป็น
นพ.โสภณ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมโรงพยาบาลศูนย์ในต่างจังหวัด 15 แห่ง และใน กทม. 5 แห่ง ในการดูแลผู้ต้องสงสัยหรือผู้ติดเชื้ออีโบลา ซึ่งจะมีห้องแยกดูแลผู้ป่วยและห้องแยกสำหรับตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อแยกโรค และจะขยายไปในโรงพยาบาลทั่วประเทศอีกจนครบ 30 แห่งเสร็จสมบูรณ์ใน ธ.ค. นี้ โดยหากมีผู้ป่วยสงสัยจะสามารถตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการของกรมวิททยาศาสตร์การแพทย์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานผลได้ใน 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน ได้ฝึกซ้อมความพร้อมของแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันการติดเชื้อ โดยได้จัดทำคู่มือการปฏิบัติงาน รวมถึงการกำจัดขยะติดเชื้อแก่บุคลากรในโรงพยาบาล 4,000 เล่มแจกให้โรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วประเทศ และจะเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคเมอร์ส - โควี หรือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2012 ในต่างประเทศจนถึงวันที่ 18 ต.ค. 2557 มีผู้ป่วยยืนยัน 776 ราย เสียชีวิต 326 ราย คิดอัตราป่วยตายร้อยละ 42 ซึ่งเฉพาะเดือนกันยายนถึงตุลาคมพบผู้ป่วย 23 ราย ผลการเฝ้าระวังในประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากการร่วมพิธีฮัจญ์จากประเทศซาอุดีอาระเบีย ใน 50 จังหวัด ประมาณ 10,400 คน พบผู้ที่มีอาการไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ เข้าข่ายเฝ้าระวังรวม 18 ราย ส่วนใหญ่อยู่ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่า ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ ยังไม่พบรายใดติดเชื้อเมอร์ส - โควี โดยจะติดตามเฝ้าระวังอาการผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศซาอุดิอาระเบียเป็นเวลา 15 วัน ทั้งนี้ ทั้งโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาและเมอร์ส-โควี เป็นโรคติดต่ออันตรายยังไม่มีในประเทศไทย จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกราย โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด หากมีไข้ต้องรีบพบแพทย์ทันทีหรือโทรปรึกษาสายด่วน 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
Loadingเครื่อง oncothermia ความหวังใหม่รักษามะเร็งเต้านม-ตับระยะท้าย ใช้คลื่นวิทยุยิงเฉพาะจุดมะเร็งจนเกิดความร้อน เอื้อยาเคมีบำบัดเข้าถึงมะเร็งง่ายขึ้น ผลศึกษาก้แนมะเร็งเต้านมยุบทั้งหมด 22% ผู้ป่วยมะเร็งตับอายุยืนขึ้น