สธ.ฟุ้ง โรงพยาบาลมีความพร้อมและศักยภาพรองรับผู้ป่วย "อีโบลา" กำชับ สสจ.ติดตามเฝ้าระวังผู้ร่วมพิธีฮัจญ์ 14 วัน หวั่นติดเชื้อเมอร์สโควี
วันนี้ (18 ต.ค.) ที่สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข และทีมที่ปรึกษา ติดตามความพร้อมรองรับโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา และโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ 2012 หรือเมอร์สโควี โดยให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า สถาบันบำราศนราดูร มีศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยโรคติดเชื้อร้ายแรง ทั้งไวรัสอีโบลาและโคโรนาไวรัส โดยมีระบบการคัดกรองแยกผู้ป่วย ระบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากผู้ป่วยไปยังบุคลากร รวมทั้งความปลอดภัยของระบบการส่งตรวจเชื้อโรคทางห้องปฎิบัติการ และการกำจัดขยะติดเชื้อที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ สธ.ได้เตรียมโรงพยาบาลไว้หากพบผู้ป่วยโรคอีโบลาในประเทศไทย โดยพื้นที่ กทม.และปริมณฑลมี 5 แห่ง คือ สถาบันบำราศนราดูร รพ.ราชวิถี รพ.นพรัตนราชธานี สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และ รพ.เลิดสิน
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ส่วนต่างจังหวัดทั้ง 12 เขตบริการสุขภาพ จะมีโรงพยาบาลศูนย์อย่างน้อย 1 แห่งพร้อมรองรับได้ และจะได้พัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลศูนย์ทั่วประเทศทั้ง 30 แห่ง ให้รองรับผู้ป่วยได้ภายใน พ.ย.นี้ ส่วนของโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่ง จะพัฒนาให้สามารถดูแลผู้ป่วยเบื้องต้น และส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลศูนย์ที่ใกล้ที่สุดได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ในการพัฒนาศักยภาพ จะดำเนินการครอบคลุมทั้งด้านสถานที่ ห้องแยกผู้ป่วย เครื่องมือเครื่องใช้ และที่สำคัญคือการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความชำนาญในแนวทางการปฎิบัติ
ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า สำหรับโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส ไทยมีความเสี่ยงจากการที่มีผู้แสวงบุญเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่ง สธ.มีนโยบายส่งเสริมให้ชาวไทยมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์อย่างมีคุณภาพ โดยก่อนเดินทางมีการจัดบริการตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน 2 ชนิดคือป้องกันโรคกาฬหลังแอ่นและป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ระหว่างที่พำนักในซาอุดิอาระเบีย ได้จัดหน่วยแพทย์ไทยไปให้การดูแลเป็นโรงพยาบาลสนามขนาด 20 เตียง และภายหลังเดินทางกลับมาได้ให้สำนักสาธารณสุขจังหวัดที่มีผู้เดินทางไปร่วมพิธีฮัจญ์ ติดตามเฝ้าระวังอาการป่วย ผู้แสวงบุญทุกคนเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งขณะนี้ไทยยังไม่พบผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสในประเทศ
“สธ.มีระบบเฝ้าระวังโรคที่เข้มแข็ง กรองได้ถึง 3 ชั้น ทั้งที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ในโรงพยาบาลและในชุมชน หากมีผู้เข้าข่ายสงสัย เรามีความพร้อมที่จะดูแลเต็มที่ และจะพัฒนาโรงพยาบาล สธ.ให้เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราประมาทไม่ได้ ต้องเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ถ้ามีผู้ป่วยในประเทศสามารถบริหารจัดการได้ทันที ทั้งนี้ประชาชนมีข้อสงสัยโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง” รมว.สาธารณสุข กล่าว
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่