อธิการบดีปทุมวันฯ ดอดพบ “ณรงค์” ขอไฟเขียวย้ายสถาบันไปตั้งรกรากใหม่ที่ จ.พิจิตร ด้าน รมว.ศึกษาฯ ระบุเป้าหมายหลักการย้ายเพื่อประโยชน์ต่อตัวเด็กได้เรียนและมีพื้นที่ฝึกประสบการณ์เต็มที่ ส่วนเพื่อแก้ปัญหาตีกันกับ อุเทนถวายฯ ที่มาต่อเนื่องนั้นเป็นแค่ผลพลอยได้ พร้อมผุดแนวคิด “ปทุมวันโมเดล” ต้นแบบสถาบันด้านวิชาชีพครบวงจร ส่งสัญญาณเตือนอุเทนทวายฯ ตีกันอีกปิดแน่ตามคำสั่งนายกฯ
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังหารือกับ รศ.ดร.ปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสถาบันฯ ปทุมวัน เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหานักศึกษาทะเลาะวิวาท โดยล่าสุดกรณีนักศึกษาปทุมวันฯ ถูกนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายยิงเสีย 2 ราย สาเหตุเกิดจากการแก้แค้นเนื่องจากนักศึกษาอุเทนถวายฯ คิดว่านักศึกษาของตนเองถูกนักศึกษาจากปทุมวันฯ ทำร้ายก่อน ซึ่งทั้งหมดนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ก็ยังไม่ชี้ชัดว่าใครเป็นผู้กระทำ ว่า ที่ประชุมได้หารือแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวในภาพรวม และมีหลายเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการในให้เป็นรูปธรรม ซึ่งในส่วนของปัญหาระหว่างสถาบันฯ ปทุมวันฯ กับอุเทนถวายฯ ที่ยืดเยื้อมานานนั้น ทางอธิการบดีปทุมวันฯ เสนอแนวทางแก้ไขว่าจะย้ายสถาบันฯ ปทุมวัน ออกจากพื้นที่ดังกล่าว โดยได้เตรียมพื้นที่สำหรับก่อตั้งสถาบันใหม่ไว้แล้วที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วย แต่ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาทะเลาะวิวาทระหว่าง 2 สถาบันเท่านั้น แต่ที่ประชุมพิจารณาและมองในภาพรวมของการจัดการเรียนการสอน เพราะพื้นที่ตั้งของสถาบันฯ ปทุมวัน ในปัจจุบันตั้งอยู่ใจกลางเมือง สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยสิ่งที่ยั่วยุ คับแคบ หากย้ายไปอยู่ที่ จ.พิจิตร ก็จะเป็นผลดีกับตัวเด็กทั้งด้านการเรียน และมีพื้นที่ฝึกปฏิบัติที่กว้างขึ้น รวมทั้งยังมีโอกาสใกล้ชิดชุมชน ส่วนเรื่องย้ายเพื่อแก้ปัญหาทะเลาะวิวาทกับอุเทนถวายฯนั้น ถือเป็นผลพลอยได้
“ที่ประชุมเห็นชอบตามที่อธิการบดีสถาบันฯปทุมวัน เสนอ โดยจากนี้ทางสถาบันฯ ปทุมวัน จะไปร่างโครงการขอย้ายสถาบัน เพื่อเสนอของบประมาณสนับสนุนจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะเดียวกัน ผมมีแนวคิดว่าอยากให้สถาบันฯ ปทุมวัน เป็นโมเดลต้นแบบของสถาบันด้านวิชาชีพ ที่จัดการ เรียนการสอนในรูปแบบโรงเรียนหรือสถาบันที่นักเรียน นักศึกษาอยู่ประจำ เพื่อนักเรียน นักศึกษาจะอยู่ในความดูแลของครู อาจารย์ มีเวลาในการฝึกฝนตนเอง นอกจากเรียนในห้องเรียนแล้วถ้ามีโรงฝึกงาน มีอุปกรณ์เครื่องมือพร้อมสำหรับเด็ก เป็นการเพิ่มประสบการณ์ให้แก่เด็ก ยิ่งถ้าสถาบันอยู่ใกล้สถานประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม เกษตรกรรมที่นักเรียนสามารถไปฝึกงานภายนอกได้ จะยิ่งทำให้เด็กได้ประสบการณ์ ขณะเดียวกันในโรงเรียนประจำก็จะสามารถปลูกฝังระเบียบวินัยต่างๆ ทำให้เด็กมีคุณภาพ และเป็นเด็กที่ผู้ประกอบการพร้อมที่จะรับเข้าทำงาน ตรงนี้หากสามารถดำเนินการได้ ทาง ศธ. จะไปดูว่ารัฐบาลว่าจะสามารถสนับสนุนอะไร เพิ่มเติมได้มากน้อยเท่าไหร่ ขณะเดียวกัน จะประสานภาคเอกชน ขอความร่วมมือเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องดังกล่าว” พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า สำหรับ อุเทนถวาย นั้น หากยังก่อเหตุวิวาทไม่เลิก และพบว่าอาจารย์ไม่กวดขันดูแลลูกศิษย์ จนเกิดเหตุรุนแรงส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ก็อาจจะต้องถูกสั่งปิดตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเบื้องต้นอาจจะปิดเป็นคณะหรือสาขาที่พบว่ามีการก่อเหตุ แต่ส่วนตัวไม่อยากทำอย่างนั้น เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจริง ๆ คือต้องปลูกฝัง ปรับการเรียนการสอนตามมาตรการในข้างต้น
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีปัญหาการก่อเหตุวิวาทของสถาบันอาชีวศึกษาต่างๆ ก็จะเข้ามาดูแลเข้มงวดให้สมกับที่ ศธ.ประกาศนโยบายอาชีวะสร้างชาติ โดยจะเริ่มจากโครงการ Pre อาชีวศึกษา นำนักเรียน นักศึกษาชั้นปี 1 ที่เข้าใหม่ จากสถาบันการศึกษาต่างๆ มาเข้าค่ายเตรียมตัวก่อนเข้าเรียนร่วมกัน เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดี หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเด็กเหล่านี้จะได้เลือกเดินในทางที่ถูก ขณะเดียวกัน จะพยายามหามาตรการเสริม เพื่อตัดวงจรอุบาทว์จากหัวโจกทั้งศิษย์เก่า รุ่น พี่ที่จบไปแล้วและกลับมาชวนรุ่นน้องให้ไปทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ต้อง ก็อาจจะเชิญมาพูดคุยทำความเข้าใจเป็นรายบุคคลรวมถึงปรับหลักสูตรใหม่ ในบางวิชา ให้เรียนในสถาบัน สลับกับทำจัดกิจกรรม และการฝึกงานกับสถานประกอบการ เพื่อให้ได้ความรู้ และประสบการณ์ มีค่าตอบแทน เรียนจบแล้วมีงานทำแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ จะเริ่มทันที ปีการศึกษา 2558 และตนตั้งใจว่าหากมีเวลาจะไปเยี่ยมสถาบันการศึกษาที่มีปัญหาทะเลาะวิวาท ไม่ว่าจะเป็นสถาบันฯปทุมวัน หรืออุเทนถวายฯ รวมถึงสถาบันอาชีวะต่างๆ ด้วยซึ่งการไปเยี่ยมคงไม่ได้ไปพูดคุยกับนักเรียนนักศึกษา แต่จะไปดูถึงการทำงาน การบริหารงานของผู้บริหารว่ามีการดำเนินการปฏิบัติตามนโยบายแนวทางของ ศธ. หรือ รัฐบาลอย่างไรบ้าง
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังหารือกับ รศ.ดร.ปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสถาบันฯ ปทุมวัน เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหานักศึกษาทะเลาะวิวาท โดยล่าสุดกรณีนักศึกษาปทุมวันฯ ถูกนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายยิงเสีย 2 ราย สาเหตุเกิดจากการแก้แค้นเนื่องจากนักศึกษาอุเทนถวายฯ คิดว่านักศึกษาของตนเองถูกนักศึกษาจากปทุมวันฯ ทำร้ายก่อน ซึ่งทั้งหมดนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ก็ยังไม่ชี้ชัดว่าใครเป็นผู้กระทำ ว่า ที่ประชุมได้หารือแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวในภาพรวม และมีหลายเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการในให้เป็นรูปธรรม ซึ่งในส่วนของปัญหาระหว่างสถาบันฯ ปทุมวันฯ กับอุเทนถวายฯ ที่ยืดเยื้อมานานนั้น ทางอธิการบดีปทุมวันฯ เสนอแนวทางแก้ไขว่าจะย้ายสถาบันฯ ปทุมวัน ออกจากพื้นที่ดังกล่าว โดยได้เตรียมพื้นที่สำหรับก่อตั้งสถาบันใหม่ไว้แล้วที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วย แต่ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาทะเลาะวิวาทระหว่าง 2 สถาบันเท่านั้น แต่ที่ประชุมพิจารณาและมองในภาพรวมของการจัดการเรียนการสอน เพราะพื้นที่ตั้งของสถาบันฯ ปทุมวัน ในปัจจุบันตั้งอยู่ใจกลางเมือง สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยสิ่งที่ยั่วยุ คับแคบ หากย้ายไปอยู่ที่ จ.พิจิตร ก็จะเป็นผลดีกับตัวเด็กทั้งด้านการเรียน และมีพื้นที่ฝึกปฏิบัติที่กว้างขึ้น รวมทั้งยังมีโอกาสใกล้ชิดชุมชน ส่วนเรื่องย้ายเพื่อแก้ปัญหาทะเลาะวิวาทกับอุเทนถวายฯนั้น ถือเป็นผลพลอยได้
“ที่ประชุมเห็นชอบตามที่อธิการบดีสถาบันฯปทุมวัน เสนอ โดยจากนี้ทางสถาบันฯ ปทุมวัน จะไปร่างโครงการขอย้ายสถาบัน เพื่อเสนอของบประมาณสนับสนุนจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะเดียวกัน ผมมีแนวคิดว่าอยากให้สถาบันฯ ปทุมวัน เป็นโมเดลต้นแบบของสถาบันด้านวิชาชีพ ที่จัดการ เรียนการสอนในรูปแบบโรงเรียนหรือสถาบันที่นักเรียน นักศึกษาอยู่ประจำ เพื่อนักเรียน นักศึกษาจะอยู่ในความดูแลของครู อาจารย์ มีเวลาในการฝึกฝนตนเอง นอกจากเรียนในห้องเรียนแล้วถ้ามีโรงฝึกงาน มีอุปกรณ์เครื่องมือพร้อมสำหรับเด็ก เป็นการเพิ่มประสบการณ์ให้แก่เด็ก ยิ่งถ้าสถาบันอยู่ใกล้สถานประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม เกษตรกรรมที่นักเรียนสามารถไปฝึกงานภายนอกได้ จะยิ่งทำให้เด็กได้ประสบการณ์ ขณะเดียวกันในโรงเรียนประจำก็จะสามารถปลูกฝังระเบียบวินัยต่างๆ ทำให้เด็กมีคุณภาพ และเป็นเด็กที่ผู้ประกอบการพร้อมที่จะรับเข้าทำงาน ตรงนี้หากสามารถดำเนินการได้ ทาง ศธ. จะไปดูว่ารัฐบาลว่าจะสามารถสนับสนุนอะไร เพิ่มเติมได้มากน้อยเท่าไหร่ ขณะเดียวกัน จะประสานภาคเอกชน ขอความร่วมมือเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องดังกล่าว” พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า สำหรับ อุเทนถวาย นั้น หากยังก่อเหตุวิวาทไม่เลิก และพบว่าอาจารย์ไม่กวดขันดูแลลูกศิษย์ จนเกิดเหตุรุนแรงส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ก็อาจจะต้องถูกสั่งปิดตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเบื้องต้นอาจจะปิดเป็นคณะหรือสาขาที่พบว่ามีการก่อเหตุ แต่ส่วนตัวไม่อยากทำอย่างนั้น เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจริง ๆ คือต้องปลูกฝัง ปรับการเรียนการสอนตามมาตรการในข้างต้น
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีปัญหาการก่อเหตุวิวาทของสถาบันอาชีวศึกษาต่างๆ ก็จะเข้ามาดูแลเข้มงวดให้สมกับที่ ศธ.ประกาศนโยบายอาชีวะสร้างชาติ โดยจะเริ่มจากโครงการ Pre อาชีวศึกษา นำนักเรียน นักศึกษาชั้นปี 1 ที่เข้าใหม่ จากสถาบันการศึกษาต่างๆ มาเข้าค่ายเตรียมตัวก่อนเข้าเรียนร่วมกัน เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดี หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเด็กเหล่านี้จะได้เลือกเดินในทางที่ถูก ขณะเดียวกัน จะพยายามหามาตรการเสริม เพื่อตัดวงจรอุบาทว์จากหัวโจกทั้งศิษย์เก่า รุ่น พี่ที่จบไปแล้วและกลับมาชวนรุ่นน้องให้ไปทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ต้อง ก็อาจจะเชิญมาพูดคุยทำความเข้าใจเป็นรายบุคคลรวมถึงปรับหลักสูตรใหม่ ในบางวิชา ให้เรียนในสถาบัน สลับกับทำจัดกิจกรรม และการฝึกงานกับสถานประกอบการ เพื่อให้ได้ความรู้ และประสบการณ์ มีค่าตอบแทน เรียนจบแล้วมีงานทำแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ จะเริ่มทันที ปีการศึกษา 2558 และตนตั้งใจว่าหากมีเวลาจะไปเยี่ยมสถาบันการศึกษาที่มีปัญหาทะเลาะวิวาท ไม่ว่าจะเป็นสถาบันฯปทุมวัน หรืออุเทนถวายฯ รวมถึงสถาบันอาชีวะต่างๆ ด้วยซึ่งการไปเยี่ยมคงไม่ได้ไปพูดคุยกับนักเรียนนักศึกษา แต่จะไปดูถึงการทำงาน การบริหารงานของผู้บริหารว่ามีการดำเนินการปฏิบัติตามนโยบายแนวทางของ ศธ. หรือ รัฐบาลอย่างไรบ้าง
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
